ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า วันนี้ ( 31 พฤษภาคม 2560 ) นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า การสูบบุหรี่ถือเป็นโรคไม่ติดต่อที่เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของประเทศไทย โดยจากผลการสำรวจล่าสุด พบว่าคนไทยสูบบุหรี่ร้อยละ 19.9 หรือ ประมาณ 10.9 ล้านคน พบเด็กและเยาวชนเริ่มสูบบุหรี่มากกว่า 2 แสนคน และพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่อีกเป็นจำนวนมาก องค์การเภสัชกรรมจึงได้คิดค้น วิจัย และพัฒนายาสำหรับใช้ในการเลิกบุหรี่
โดยในส่วนของยาจากสมุนไพรนั้นขณะนี้องค์การฯ ได้ทำการศึกษาวิจัยยาอมสารสกัดจากสมุนไพรหญ้าดอกขาว โดยสกัดเอาสารสำคัญที่มีสรรพคุณช่วยลดการอยากสูบบุหรี่
เนื่องจากสมุนไพรนี้มีสารไนเตรท ที่มีฤทธิ์ทำให้ประสาทรับรสบริเวณลิ้นรู้สึกชา ไม่รับรู้รสชาติ ทำให้ไม่รู้สึกอยากสูบบุหรี่ สำหรับการวิจัยและพัฒนาตอนนี้ได้สูตรตำรับยาที่มีความคงสภาพระยะยาว 2 ปี เรียบร้อยแล้ว และยาผ่านมาตรฐานที่กำหนด
ซึ่งขณะนี้กำลังทำการศึกษาทางคลินิกร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยจะใช้เวลาในการศึกษาประมาณ 12 เดือน เพื่อให้ได้ข้อมูลการศึกษาประสิทธิผลที่เพียงพอ จากนั้นจะยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นยาพัฒนาจากสมุนไพร คาดว่าจะสามารถผลิตยาอมสารสกัดจากสมุนไพรหญ้าดอกขาวออกสู่ท้องตลาดได้ภายในปี 2562 และจะผลักดันเป็นรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป
ผู้อำนวยการฯ กล่าวต่อว่า ในส่วนของยาแผนปัจจุบันนั้น องค์การฯ ได้ทำการวิจัยและพัฒนายาเม็ดไซทิซีน (Cytisine 1.5 mg tablets) ซึ่งเมื่อวิจัยและพัฒนาสำเร็จจะจัดว่าเป็นยาใหม่ และยังไม่มียาต้นแบบ ขึ้นทะเบียนยาใช้ในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างทำการศึกษาความคงสภาพของผลิตภัณฑ์
ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 5 ปี เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพของยา ในขณะเดียวกันนี้องค์การฯได้ทำการศึกษาทางคลินิกควบคู่ขนานไปด้วย โดยได้ร่วมมือกับเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ
โดยองค์การฯจะทำการผลิต ยาเม็ดไซทิซีนในระดับกึ่งอุตสาหกรรม (Pilot scale) เพื่อนำไปใช้ในโครงการวิจัยการศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของระบบบริการเลิกยาสูบแบบเป็นขั้นตอนในประเทศไทย (Effectiveness & Efficacy of STEP wise Approach of Smoking Cessation System in Thailand) : STEP trial ซึ่งมี ผศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ(ศจย.)
โครงการ STEP trial เป็นการศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของยาเลิกบุหรี่แบบผสมผสานเป็นขั้นตอน ซึ่งใน ขั้นตอนที่ 1 ผู้ป่วยจะได้รับยาอมสารสกัดจากสมุนไพรหญ้าดอกขาวเปรียบเทียบกับยาหลอก(placebo) และถ้าผู้ป่วยเลิกบุหรี่ไม่สำเร็จ ผู้ป่วยจะเข้าสู่ ขั้นตอนที่ 2 โดยจะได้รับยาเม็ดไซทิซีน (Cytisine 1.5 mg tablets) เปรียบเทียบกับ ยานอร์ทริปไทลีน (Nortriptyline 25 mg tablets)
โครงการวิจัยฯมีแผนเริ่มให้ยาผู้ป่วยในเดือนตุลาคม 2560 นี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาวิจัยประมาณ 2 ปี เมื่อได้ผลศึกษาวิจัยด้านคุณภาพ ด้านประสิทธิผลในการรักษา และด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์แล้ว จะทำการขอยื่นขึ้นทะเบียนเป็นยาใหม่ต่อไป และคาดว่าจะสามารถผลิตยาออกสู่ท้องตลาดได้ภายในปี 2564
“เมื่อการศึกษาทางคลินิกของยาอมสารสกัดจากสมุนไพรหญ้าดอกขาวและยาเม็ดไซทิซีนสำเร็จจะเป็นการพิสูจน์ถึงประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาเลิกบุหรี่ของประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ยา และเมื่อองค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตยาทั้ง 2 รายการออกสู่ท้องตลาดแล้ว จะส่งผลให้ผู้ป่วยที่อยากเลิกบุหรี่ สามารถเข้าถึงยาเลิกบุหรี่ได้มากขึ้น
ถือเป็นการเลิกบุหรี่แบบเป็นขั้นตอน สามารถเลิกบุหรี่ได้ด้วยยาอมสมุนไพรในขั้นตอนแรก หรือใช้ยาแผนปัจจุบันช่วยในขั้นตอนที่ 2 สำหรับผู้ที่ใช้สมุนไพรเลิกบุหรี่ไม่สำเร็จ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเลิกบุหรี่ให้ดียิ่งขึ้น และในราคาที่ยุติธรรม ทำให้ประชาชนคนไทยมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยลดอัตราการเกิดโรค ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาวต่อไป” ผู้อำนวยการกล่าว