หลังจาก “สาวมาด เมกะแดนซ์” ตกเป็นข่าวทอล์กออฟเดอะทาวน์อยู่หลายวัน ว่าถูก “กรุง สุขสันต์” สามีที่อยู่กินกันมานานหลายปี ทอดทิ้งหนีไปอยู่ กับผู้หญิงคนใหม่ ทั้งๆ ที่สามีแสนดีต้องไปกินไปนอนอยู่ที่ห้องตัดต่อ เพื่อดูแลหนังเรื่อง “อีปึก อัศจรรย์วันแห่งศรัทธา” ที่ตัวเองนั่งแท่นเป็นผู้กำกับเรื่องแรก
กว่าเรื่องราวต่างๆจะจบลงด้วยดี ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าสาวมาดและสามี ร่วมมือกันสร้างข่าวเพื่อโปรโมทหนังเรื่องนี้ ทั้งๆที่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย แต่เป็นเพราะสาวมาดหูเบาไปเชื่อคนยุยงให้เกิดความร้าวฉานเกิดขึ้นในครอบครัว
ดังนั้นเพื่อให้สาวมาดเข้าใจในการทำงาน กรุง สุขสันต์ จึงยอมพาสาวมาดมาดูการทำงานของตัวเองในห้องอัดเสียงรามอินทราด้วย เพื่อให้รู้ว่ากว่าหนังจะเสร็จสมบูรณ์ได้นั้น ต้องใช้เวลาอยู่กับงานนานแค่ไหน โดยเฉพาะในช่วงตัดต่อ ทำเสียง มิกซ์เสียง เพราะกรุงจะเป็นผู้ดูแลงานทั้งหมดด้วยตัวเอง และเหลือเวลาอีกไม่กี่วันภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะเข้าฉายแล้ว แต่ยังเหลืองานอีกหลายขั้นตอนที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ในวันที่สาวมาดมาด้วยนั้น ทางห้องอัดเสียงรามอินทราได้มิกซ์หนังม้วนสุดท้ายเสร็จพอดี ทางกรุงจึงให้สาวมาดได้ดูหนังเรื่องนี้ด้วย เพราะตั้งแต่เริ่มถ่ายทำจนหนังเกือบเสร็จสมบุรณ์แล้ว สาวมาดไม่เคยได้เห็นงานที่มาจากชีวิตจริงของตัวเองเลย สาวมาดจึงนั่งดูอย่างตั้งใจ บางครั้งก็มีเสียงหัวเราะ บางครั้งก็มีเสียงสะอื้น โดยมีสามีนั่งและนอนหลับอยู่ข้างๆโดยไม่หนีห่างไปไหน
หลังจากที่ดูหนังจบสาวมาดได้เปิดใจให้ฟังด้วยใบหน้าที่แสนจะภูมิใจว่า “พอได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วถูกใจ และชอบมากๆ ไม่คิดว่าคุณกรุงเขาจะทำหนังออกมาได้ดีขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านี้แค่เปิดคอมพิวเตอร์เขายังเปิดไม่เป็นเลย(หัวเราะ) แล้วเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำหนังเลย แล้วเขาจะทำหนังได้อย่างไร
แต่ตอนนี้เชื่อแล้วว่าเขาทำได้จริงๆ และเข้าใจในตัวเขาด้วยว่าที่เขาหายไปเขามาทำงานจริงๆ ตอนนั้นหนูอาจจะมีสมองน้อยไปน้อย ใครมาพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ต้องขอโทษแฟนเพลงทุกคนด้วยค่ะ และหนูต้องขอบคุณอาศักดิ์(พูนศักดิ์ อุทัยพันธุ์ มือตัดต่อระดับรางวัล) ที่ช่วยดูแลให้คำปรึกษาตลอดเวลา และยังเป็นอู่ข้าวอู่น้ำให้พึ่งพาเวลาที่เขาต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เพราะหนูจะได้ยินเขามาพูดถึงอาศักดิ์ให้ฟังตลอด และหนูก็จะคอยเตือนให้เขาเชื่อครูบาอาจารย์อย่างอาศักดิ์ เพราะเราต้องพึ่งพาอาศัยท่านช่วยชี้แนะด้วย
สำหรับเนื้อเรื่องในหนังออกมาเหมือนกับชีวิตของเราเลย ไม่ได้มีการแต่งเติมอะไรขึ้นมาเลย ตอนเป็นเด็กในหนังจะดูสวยและเรียบร้อยกว่านิดหนึ่ง เพราะในชีวิตจริงกระเซอะกระเซิงยิ่งกว่านี้อีกค่ะ ช่วงที่ดูแล้วน้ำตาไหลเป็นช่วงที่พ่อแม่เสียชีวิต แต่เราก็ไม่ได้ไปร่วมงาน เพราะช่วงนั้นคอนเสิร์ตของหนูเยอะมาก จนทำให้เราปลีกตัวไปไม่ได้จริงๆ
แม้แต่เวลาที่จะกินข้าวยังไม่มีด้วยซ้ำไป เพราะบางวันมีคอนเสิร์ต 3-4 งาน ทำให้เราไปไม่ไหว ถ้าทิ้งงานก็จะทำให้เกิดความเสียหายหลายฝ่ายค่ะ
ในหนังเรื่องนี้มีฉากที่ประใจหลายฉากมาก โดยเฉพาะฉากที่เราไปเล่นคอนเสิร์ต พอได้ยินเพลงอยากจะลุกขึ้นเต้นแต่เราก็เต้นไม่ได้(หัวเราะ) ยอมรับว่าน้องเบญจาเล่นเป็นตัวหนูได้ดีมากๆ แต่สวยกว่าหนูค่ะ
สุดท้ายนี้ถ้าหากยังรักและสงสารสาวมาดก็ขอให้ไปดูหนังเรื่องนี้กันเยอะๆ ถ้าไม่ไปดูหนูจะเสียใจมากๆเลย เพราะหนูรู้ว่าคุณกรุงเขาตั้งใจทำหนังเรื่องนี้เพื่อหนู และเพื่อแฟนๆทุกคนด้วย หนังเรื่องนี้มีครบทุกรสชาติ ทั้งเศร้า ทั้งตลก และสนุกสนานเฮฮา
สำหรับเพลง “สาวลาดพร้าว” และเพลง “ดาวมหาลัย” ก็มีให้ฟังด้วยนะคะ อย่าลืมวันที่ 13 กรกฏาคมต้องไปชมหนังเรื่อง “อีปึก อัศจรรย์วันแห่งศรัทธา” กันเยอะๆนะคะ” สาวมาดพูดทิ้งท้ายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแสนภูมิใจ