เปิดมุมมอง อีกมุม “Filler” ไม่อันตรายอย่างที่คิด!!

mekofiller2

“การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นที่นิยมของหนุ่มสาวยุคนี้มาก เพราะเจ็บนิดเดียว แต่สวยได้รวดเร็วทันใจภายใน 10 นาที แถมยังไม่ต้องฟักฟื้น แต่ชีวิตไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะหากคุณไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีเพียงพอ ไปเจอฟิลเลอร์ปลอมหรือผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ (หมอกระเป๋า) ลักลอบรับฉีดฟิลเลอร์เถื่อนขึ้นมา ก็อาจเกิดอันตรายร้ายแรงตามมาได้” จากที่เห็นข่าวในสื่อต่างๆ ล่าสุดนั้น ฉีดฟิลเลอร์บริเวณจมูกแล้วเกิดความผิดพลาดส่งผลทำให้ตาบอด เป็นการย้ำเตือนถึงอันตรายของการเลือกใช้บริการคลินิกที่ไม่ได้มาตราฐาน ฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ จนหลายท่านเกิดความกลัว ไม่กล้าที่จะฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว Filler หรือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA ไม่อันตรายอย่างที่คิด หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ควบคุมความปลอดภัยและได้มาตรฐาน

mekoinfo1

ใครคือคนฉีดให้คุณ ?? “สังคมยุคการตลาดเข้าครอบงำ” เช่นทุกวันนี้ อาจทำให้เกิดความสับสนขึ้นได้ ระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง (โดยแพทยสภา) กับ แพทย์ที่ตั้งตนเองเป็น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แน่นอนว่าก่อนที่คุณจะทำการฉีดฟิลเลอร์ คุณศึกษาหาข้อมูลมาอย่างดีแล้ว แต่บางครั้งข้อมูลที่ได้รับอาจจะเป็นข้อมูลที่ถูกปรุงแต่งโฆษณาชวนเชื่อ ว่าแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ให้คุณนั้นเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ โดยเฉพาะ
ฟิลเลอร์ที่ใช้ ได้มาตราฐานหรือเปล่า ? ? ฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid) เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบธรรมชาติเพื่อเสริมความงาม โดยเฉพาะบนใบหน้า เพื่อลดริ้วรอยเหี่ยวย่นตามวัย ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง และเสริมสร้างความโดดเด่นบนใบหน้า เช่น ฉีดสันจมูกให้โด่งขึ้นแทนการผ่าตัดใส่ซิลิโคนแท่ง ฉีดคางให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก เป็นต้น ซึ่งสารฟิลเลอร์นี้มีใช้มานานกว่า 10 ปี แต่อาจไม่เป็นที่คุ้นหูของคนทั่วไปนัก ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มผู้รักสวยรักงาม สารฟิลเลอร์ที่ใช้กันตอนนี้มีหลายชนิด หลายยี่ห้อ หลายราคา โดยมีการนำเข้าจากหลายประเทศ และต้องขออนุญาตนำเข้าจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. เท่านั้น ในประเทศไทยมีเพียงสารไฮยาลูโรนิกแอสิดเท่านั้นที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา(อย.) โดยได้รับอนุญาตให้เป็นสารเติมเต็มเพื่อทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ตัวอย่างของสารเติมเต็มที่ผ่าน อย.ได้แก่

mekofiller

ทำไมต้องมีหลายยี่ห้อ ?? เพื่อแก้ไขที่สมบูรณ์แบบ แต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุดและเป็นธรรมชาติที่สุด เพราะฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่ต่างกัน และเหมาะกับการแก้ปัญหาที่ต่างกัน

เทคนิคและความชำนาญ ?? ต้องทำด้วยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการฉีด เพราะแพทย์แต่ละท่านมีเทคนิคเฉพาะไม่เหมือนกัน แพทย์จะเลือกบริเวณที่จะฉีดให้เหมาะสม กับปัญหาของคนไข้ในแต่ละกรณี ก่อนฉีดจะมีการทายาชาทิ้งไว้ 30-40 นาที จากนั้นทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดพร้อมทาน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกครั้ง การฉีดใช้เวลาประมาณ 15-40 นาที ไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นแต่อย่างใด สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที สำหรับการฉีดเทคนิคใหม่เพื่อการฉีดจมูก จะใช้เข็มปลายทู่ขนาดใหญ่ หรือ Blunt Cannula เป็นตัวช่วยในการฉีดฟิลเลอร์ การใช้เข็มปลายทู่ขนาดใหญ่ช่วยให้การฉีดจมูกด้วยฟิวเลอร์ ได้ผลออกมาสวยงาม และเป็นธรรมชาติมาก สามารถฉีดตกแต่งจมูกให้ขึ้นรูปได้ดีกว่า และปลอดภัยกว่าการใช้เข็มแบบเก่า

** หากเรานำข้อผิดพลาดที่ผ่านมา ตามข่าวต่างๆมาวิเคระห์หาสาเหตุจะพบว่า

  1. การบวมแพ้เกิดจากการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตราฐาน ไม่ได้รับการรับรองจาก อย.
  2. การ ติดเชื้อ เน่า เกิดจากทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ก่อนฉีดไม่สะอาดพอ หรือไม่ได้ทานยาปฏิชีวนะหลังฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจจะเกิดขึ้น
  3. เทคนิคและความชำนาญของแพทย์ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความผิดพลาด ทำให้ตาอาจบอดได้
  4. ดูแลและปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์หรือไม่

หมายเหตุ : การฉีดฟิลเลอร์ไม่อันตรายอย่างที่คิด ถ้าคุณรู้เท่าทันคะ ด้วยความปรารถนาดีจาก เมโกะคลินิก

 

เรียบเรียงโดย เมโกะคลินิก

mekologo

เรื่องน่าสนใจ