ที่มา: msn

อดีตบอยแบนด์ในตำนานอย่างวง “ดรากอนไฟว์” ถ้าใครอยู่ในยุคปี ค.ศ. 2000 คิดว่าต้องจำสมาชิกวงบอยแบนด์แนวเอเชียน สไตล์ กับ 5 หนุ่มหล่อล่ำคือ แอนดี้ เขมภิมุข “เต๋า” อดิศร อรรถกฤษณ์ “โอ๊ค” สกรรจ์รณ เชาวน์รัตน์ “หยวน” นิธิชัย ยศอมรสุนทร และ “เต้” รวินทร์ หลังจากไม่ได้ทำงานเพลง สมาชิกในวงแยกย้ายไปทำงานในสิ่งที่ตัวเองถนัด

หนึ่งในนั้นคือหนุ่ม “เต้” ซึ่งออกไปทำงานเป็นผู้ประกาศข่าว รวมถึงงานเบื้องหลัง ล่าสุดมีกระแสว่าอดีตบอยแบนด์ชื่อดังคนนี้ กำลังป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่รู้ว่าจะจริงเท็จประการใด โดยเจ้าตัวยืนยันชัดเจนว่า

“จริงเหรอ ผมไม่ได้เป็นนะ แต่ปกติผมเป็นคนเงียบๆ อยู่แล้ว อาจจะเป็นคนไม่ค่อยพูด เลยอาจจะมีคนที่คิดแบบนั้น แต่จริงๆ ผมเพิ่งเคยได้ยินเลยนะ ว่ามีข่าวผมเป็นโรคซึมเศร้า ถามว่าก่อนหน้านี้มีภาวะเครียดหรือเปล่า ไม่มีเลย ปกติดีทุกอย่าง ถามแฟนๆ เป็นห่วงว่าเป็นอะไรมั้ย เพราะผมหายหน้าหายตาไปด้วย ขอบคุณสำหรับทุกคนที่เป็นห่วงนะ แต่ว่าจริงๆ คือ ตลอดระยะเวลา10 กว่าปี ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ผมเป็น “ดรากอนไฟว์” คือผมปกติดีทุกอย่าง

แต่อาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ออกงานสังคมเท่าไหร่ ผมทำงานเฉพาะของตัวเอง แต่ผมไม่ซีเรียสนะ ที่มีคนเข้าใจแบบนี้ออกมา เพราะผมเข้าใจวงการบันเทิงมากๆ จะมีอะไรที่คิดได้ทุกอย่างอยู่แล้ว สบายใจได้ว่าผมโอเค ไม่ได้มีภาวะอะไรแบบนั้นแน่นอน ผมแข็งแรงปกติ ทุกวันนี้แฮปปี้มากขึ้นด้วย เพราะผมได้มาทำงานกับเด็กๆ สนุกสนาน”

ชีวิตช่วงที่ผ่านมา “เต้” ทำอะไรบ้าง

“หลังจากผมจบจากการเป็นดรากอนไฟว์ ผมทำรายการทีวีกับทางแกรมมี่ ช่วงที่เป็นนักร้องผมทำรายการทีวีอยู่แล้ว เป็นพิธีกรรายการ “เวคคลับรุ่นที่ 2” และมีอีกหลายรายการ พอดีว่าช่วงนั้นทางช่อง ทรูอินไซด์ กำลังทำรูปแบบรายการบันเทิง เลยติดต่อผมมา ผมก็ทำตั้งแต่ปีแรกที่ทรูทำเลย ยาวมาถึง 12 ปี

จนผมมีความคิดว่ามันนานเกินไปแล้วนะ ผมอยากลองทำอะไรของตัวเองดู เลยออกมาทำรายการกับช่อง 3 มาเป็นผู้จัดรายการ “KID ZA” และรับจ้างผลิตรายการ รวมถึงเปิดโรงเรียนสอนร้องและสอนเต้นด้วยชื่อโรงเรียน “Sugar junior club (ซูการ์ จูเนียร์ คลับ)” อยู่แถวสาธร

เหมือนผมเริ่มทำงานกับเด็กๆ มา และทำต่อเนื่องมาตลอด แต่ตอนนี้เราเริ่มอยู่ตัวเลยมาร่วมงานกับคุณจอย (ผู้บริหารแกรมมี่) เรารู้จักกันอยู่แล้ว เลยมาร่วมงานกันทำรายการ”Pinkie Friends” (พิงกี้ เฟรนด์)เป็นรายการวาไรตี้ของเด็กผู้หญิง ที่มีพิธีกรเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 5-7 ขวบ จะเริ่มออนแอร์ในวันที่ 2 ก.ค. นี้ ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 8.30 น.- 9.00 น. ทางช่อง 3 แฟมิลี่

ถามว่าผมหายหน้าหายตาไปไหน คือช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผมมัวแต่ทำรายการ แต่ก่อนหน้านี้ผมทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวทางช่อง “ทรูอินไซด์” ผมทำอยู่ 12 ปีเลยนะ และรับงานอื่นๆ บ้าง คนอาจจะคิดว่าตอนที่เป็นนักข่าว ผมต้องมีสังกัดหรือเปล่า เพราะเมื่อก่อนผมอยู่แกรมมี่ แล้วมาทำงานที่ทรู ทรูก็รับงานให้ แต่จริงๆ ผมไม่ได้มีสังกัด มีรับงานอื่นได้ด้วย”

จากชีวิตในจุดสูงสุดเป็นบอยแบนด์ “ไอดอล” จนถึงวาระที่ชื่อเสียงค่อยๆ ลดลงมา ทำใจยอมรับยังไง

“ผมมองว่าทุกอย่าง มีเวลาเป็นไป ช่วงที่ผมทำงานอยู่บริษัทใหญ่ เป็นศิลปินมีคนดูแล และลงทุนให้ งานจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ช่วงที่เราหลุดมาจากการเป็นศิลปิน เรามาทำงานสานต่อจากประสบการณ์ที่เราม่ี และทำให้ดีที่สุด ผมพยายามอยู่ในโลกนี้แบบสบายๆ ทำแต่งาน ไม่ได้เล่นตามกระแส ผมอยู่อย่างปกติเลย พอมีอยู่วันหนึ่ง ที่ได้มาทำธุรกิจของตัวเอง เราก็มุ่งทำเต็มที่เลย ผมคิดว่าชีวิตของผมโอเคนะ มีความสุขดี ผมไม่เคยยึดติดใดๆ ทั้งสิ้น ใช้ชีวิตทุกวันให้ดีที่สุด ตอนที่เป็นนักข่าว ผมหาประสบการณ์เต็มที่ พอมารายการของตัวเอง ผมก็ทำเต็มที่เหมือนกัน”

ตอนที่ดังมาก ไปไหนมาไหนมีคนรู้จัก มีช่วงเหลิงบ้างไหม

“ไม่เคยนะ ตอนที่เป็นดรากอนไฟว์ ผมทำงานอยู่ 5 ปี และทำงานหนักมาก แต่ในช่วงวันนั้น ผมเชื่อว่ามันไม่เหมือนกับทุกวันนี้ ที่ทุกคนต้องเล่นข่าว ต้องมีโซเชียลเป็นของตัวเอง แต่สมัยนั้นเราประชาสัมพันธ์จากพี่ๆ นักข่าวด้วยกัน ออกสื่อทั่วไปเท่านั้น แต่มันไม่เหมือนกับทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าวงการบันเทิงเปลี่ยนไป ช่วงชีวิตของผมตอนเป็น ดรากอนไฟว์ ผมใช้ชีวิตปกติิมากเลย เพราะตอนนั้นยังไม่มี “เฟซบุ๊ก” เลยนะ (หัวเราะ) มีสื่อดิจิทัลคือแค่ “เว็บไซต์” นิตยสารยังคงเยอะอยู่เลย ไม่เหมือนทุกวันนี้”

ผ่านมา 10 กว่าปี ถ้าบอกว่าเป็น “เต้ ดรากอนไฟว์” คนยังจำได้ รู้สึกยังไงบ้าง

“คือทุกวันนี้ ถ้าผมแนะนำตัวกับใครว่าเป็น เต้ ดรากอนไฟว์ นะ แล้วทุกคนจะ “อ๋อ” คือยังจำได้ ผมรู้สึกดีนะ ถึงแม้จะผ่านเวลามานานมากเลย ผมออกเทปในปี 2002 จนมาถึงทุกวันนี้ ผ่านมา 15 ปีแล้ว คนยังจำภาพนั้นได้อยู่ ผมรู้สึกดี เพราะเรายังเป็นภาพจำที่ทุกคนจำได้”

เรื่องน่าสนใจ