กลับมาโลดแล่นในวงการเพลงอีกครั้งสำหรับ ต้อม ไกรวิทย์ พุ่มสุโข อดีตนักร้องนักแสดงชื่อดังที่ปัจจุบันผันตัวไปทำธุรกิจร้านทำผม “สุโขซาลอน” แต่ด้วยความที่ใจยังรักในเสียงเพลง วันนี้เขากลับมาอีกครั้งในคอนเสิร์ต “ขุ่นแม่ขอร้อง” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 ส.ค. นี้ ณ ศาลาเฉลิมกรุง ซึ่งเจ้าตัวร่วมกันจัดกับเพื่อนๆ เพื่อนำรายได้สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง ใครที่สนใจสามารถซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา
ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ก็สร้างความแปลกใจให้แฟนๆ ไม่น้อย เพราะมีความเปลี่ยนแปลงจากภาพชายหนุ่มเสียงเพราะอบอุ่น กลายเป็นสาวลุคเปรี้ยวแซ่บแต่งหญิงเต็มตัว แล้วอะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจเปิดตัวเองออกมาแบบนี้
เจ้าตัว พร้อมทั้งอัพเดตชีวิตในปัจจุบันของเขา ซึ่งในระหว่างที่พูดคุยกัน เพื่อนซี้ของเจ้าตัวอย่างนักร้องดัง มัม ลาโคนิคส์ ก็แวะมาร่วมวงเม้าท์อยู่ข้างๆ กันด้วย งานนี้จะฮาจะมีมุมซึ้งบ้างรึเปล่าลองไปฟังกัน
ช่วงนี้ทำอะไรอยู่บ้าง?
ต้อม : หลักๆ ก็ทำร้านทำผมเหมือนเดิม คือร้าน “สุโขซาลอน” มี 3 สาขา คือ เอสพละนาด รัชดา, เดอะ สตรีท รัชดา, หอการค้า อันนี้คืออาชีพหลักเลยค่ะ ร้องเพลงเป็นอาชีพรุ่งโรจน์ของพี่ค่ะ (ยิ้ม) อาชีพหลักนี่ทำมา 10 กว่าปีแล้วค่ะ ถ้านับจากที่อยู่เมืองนอกด้วย ตั้งแต่ตอนที่เริ่มมีสามีนี่แหละค่ะ (หัวเราะ) กิจการดีมากค่ะ อยู่กับเรื่องความสวยความงามก็มีความสุข พี่ชอบ
แบ่งเวลายังไง ทำธุรกิจด้วยร้องเพลงด้วย?
ต้อม : จริงๆ เรื่องร้องเพลงเป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะพี่มีคู่หูดูโอแล้วยิ่งต้องทำใหญ่เลย (ยิ้ม) การร้องเพลงพี่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตในวงการทั้งหมด ดังนั้นพี่ไม่มีวันเลิก จะร้องเพลงเมื่อมีโอกาส ถ้าพี่มีโอกาสพี่จะร้องเพลง แต่ถ้าพี่มีโอกาสโชคดีเหมือนพี่มัม พี่จะร้องเพลง แต่ถ้าไม่มีโอกาส พี่จะไปตัดผม
ร้องเพลงมากี่ปีแล้ว?
ต้อม : นานมาก
มัม : พี่มัมร้องตั้งแต่อายุ 21 ของเธอเข้าวงการก่อนใช่ไหม (หันมามองต้อม) พี่ต้อมเข้าวงการก่อนค่ะ
ต้อม : ก็น่าจะร่วม 20 ปีแล้วล่ะค่ะ คือเดี๋ยวนี้ต้องบอกว่าเด็กรุ่นใหม่โชคดีนะ พี่ว่ามันมีอะไรที่หลากหลายมากขึ้น มีเทคนิค มีวิธีการร้องการนำเสนอแนวเพลงที่มีความหลากหลายมากขึ้น
อย่างสมัยก่อนเวลาเราอัดเสียงมันจะไม่สามารถมีเครื่องช่วยอะไรได้เลย เราต้องร้องเป็นเรื่องเป็นราว พี่มัมเนี่ยเขาเก่งมาจากเนื้อแท้ พี่มัมเป็นทองเนื้อเก้า พี่ว่าเดี๋ยวนี้เทคนิคการร้องก็ต่าง สมัยนี้จะมีการใช้เสียง 1 เสียง 2 เยอะ แต่พี่มัมเป็นคนที่เสียง 2 แข็งแรงมาก พี่ก็อยากเป็นพี่มัม
มัม : ต้อมเป็นคนที่เสียง 1 อ่อนแอมาก
ต้อม : ทุกวันนี้ก็เลยร้องเสียง 3 (หัวเราะ)
มัม : ทุกวันนี้ก็เลยร้องเสียง 8 (ยิ้ม)
สำหรับคอนเสิร์ต “ขุ่นแม่ขอร้อง” ถือว่าเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ไหม?
ต้อม : ค่อนข้างค่ะ จริงๆ พี่ก็ทำมา 2 ปี ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วพี่ก็อยากให้เพื่อนๆ มา เพื่อนๆ ก็น่ารักมาก พี่ก็มีความรู้สึกว่าถ้าเขามีเจตนาจะมาร่วม พี่ก็อยากให้เขามีความสุข เพราะฉะนั้นพี่ก็อยากให้เขาเป็นตัวเองมากที่สุด แต่เราก็อาจจะเพิ่มเพลง เพิ่มไลน์สคริปต์ให้เขาสนุกกับมันได้มากขึ้นไง คอนเสิร์ตจะได้มีธีม
คือเราโชคดีที่ได้พี่วุฒิ ทรงวุฒิ มาช่วยเป็นโปรดิวเซอร์ เขาก็จะช่วยกำกับเรื่องคิวเพลง แนวเพลงอย่างที่พี่วุฒิบอกคือตัวแม่มาแล้ว ก็ต้องมีอะไรที่ใหม่และน่าสนใจ เราจะไปทำซ้ำๆ แบบเดิมมันก็น่าเบื่อ อยากให้มันมีความร่วมสมัยด้วยในระดับนึง ไม่อยากให้แบบว่าคอนเสิร์ตขุ่นแม่ขอร้องแล้วเพลงแก่มาก อยากให้ทุกคนฟังได้ แล้วก็แดนซ์ แต่อาจจะมีการอะเรนจ์ใหม่ให้สนุกและร้องตามได้
เห็นว่าตั้งใจจะนำรายได้ไปมอบให้การกุศล?
ต้อม : มันเป็นปณิธานที่เราตั้งใจทำ แล้วเราทำมาตลอด ยิ่งพี่มาเสียน้องสาวไปเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยโรคมะเร็ง พี่ยิ่งมีความรู้สึกว่าเรายิ่งต้องทำ เราเลิกไม่ได้ เพราะพี่ยิ่งเห็นสัจธรรมข้อนึงว่าชีวิตมันเร็วมาก พี่ยังจำวันที่ยังเป็นเด็กได้อยู่เลย แล้วแป๊บเดียวทำไมมันแก่แล้ว
พูดถึงเรื่องชีวิตที่มันรวดเร็ว ตัวพี่ต้อมตั้งแต่เข้าวงการจนถึงตอนนี้ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปเยอะ คนทักเรื่องนี้เยอะไหม?
ต้อม : เยอะ พี่ว่าโชคดีอย่างนึงคือในจุดที่เราเปลี่ยน มันเป็นไทม์มิ่งที่คนก็ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส คือคนมองว่าเป็นเรื่องปกติ อยากทำอะไรก็ทำ ตราบใดที่ไม่ทำให้เดือดร้อน
แต่ถามว่ามีไหมที่เขาไม่ชอบก็มี พี่ก็จะโดนดุบ้าง ว่าบ้างในกลุ่มผู้ใหญ่ว่าทำทำไม มันไม่สวยรู้ไหม มันดูน่าเกลียด โครงสร้างเราเป็นผู้ชาย จะมาเป็นแบบนี้มันน่าเกลียด เราก็บอกว่าเราไม่คิดว่ามันสวย แต่เราคิดว่าเรามีความสุข เราชอบที่จะได้เห็น ณ วันนี้ เราพยายามจะให้ดูดีที่สุด แต่มันอาจจะไม่ตรงใจคนทุกคน
แต่ละคนมีสไตล์การแต่งหน้าแต่งตัวที่ต่างกันไป เหมือนในเพศปกติ คุณใส่เสื้อผ้าอย่างนี้ บางคนอาจจะบอกว่าไม่ชอบ ฉะนั้นในความเป็นเราแบบนี้เขาจะชอบหรือไม่ชอบ เราเป็นคนในสื่อ เราต้องยอมรับ ในเมื่อเราเลือกที่จะทำงานตรงนี้ เราเป็นคนสาธารณะ ฉะนั้นพี่ยอมรับในคำวิจารณ์ทั้งหมด
พี่พูดเสมอว่าพี่อาจจะแตกต่าง แต่พี่ไม่ผิดปกตินะ ห้ามบอกว่าพี่ผิดปกติ เพราะพี่ให้เกียรติทุกคน พี่อาจจะเลือกทำในสิ่งที่ชอบ แต่อาจจะขัดใจบางคนว่าธรรมชาติมีชายกับหญิง แล้วเธอมาเป็นครึ่งๆ มันคืออะไรล่ะ เธอก็ผิดปกติแหละ อันนี้เราไม่โอเค
อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจเปิด ทั้งที่เราก็รู้อยู่แล้วว่ามีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย?
ต้อม : พี่ว่าไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหนมันโดนทั้งนั้นแหละ นางเอกที่สวยที่สุด ดังที่สุดก็โดน พระเอกที่หล่อที่สุดก็โดน เพราะฉะนั้นในเมื่ออาชีพเราเป็นอาชีพที่เราเหมือนเป็นเป้านิ่ง เขาก็อาจจะชอบหรือไม่ชอบไม่เป็นไร พี่ว่าความดีที่สุด น่ารักที่สุด ง่ายที่สุดก็คือยิ้มรับ แล้วเราก็ขอบคุณเขาไป
พี่ว่ามันเป็นวิธีการง่ายๆ ที่จะหยุดเขา เขาก็จะไม่มาวุ่นวายกับเรา แต่ถ้าเราถกเถียงทะเลาะ พี่ว่ามันไม่จำเป็นน่ะ เพราะฉะนั้นหลายคนที่เขาเปิดตัวออกมาพี่นับถือใจเขานะ พี่ว่าเป็นอะไรที่เขาทำสุดโต่ง ซึ่งพี่ว่าน่าชื่นชม คือพี่มองอย่างเดียวเลยว่าชีวิตมันเร็วมาก สั้นมาก เราอยู่อย่างมีความสุขทุกวินาทีแล้วกัน เพราะเราไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้เราจะตื่นหรือเปล่า
นานแค่ไหนแล้วที่ตัดสินใจเปิด?
ต้อม : ก็เพิ่งปีนี้เองมั้งเนอะ ปีสองปีนี้แหละ ไม่เกินนี้ เราก็มีสไตลิสต์ มีน้องๆ ช่วยดู ช่างแต่งหน้าแต่งตัว
ตอนแรกมีเขินไหมที่ต้องเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้?
ต้อม : เขิน แต่ทุกอย่างมันก็มีความค่อยเป็นค่อยไป มันค่อยๆ มา แต่พี่มีความรู้สึกว่าตั้งแต่คุณแม่เสีย น้องเสีย พี่มีความรู้สึกว่าอยากทำอะไรก็ทำแล้วกัน อย่าไปคิดอะไรเยอะ
พอเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อนๆ ว่าไงบ้าง?
มัม : คุณพระช่วย ว้ายตายแล้ว (ยิ้ม) พอเห็นครั้งแรกแล้วแบบอุ๊ย ตายแล้ว พี่อยากจะเปลี่ยนชื่อจากมัม ลาโคนิค เลยอะ อยากเปลี่ยนเป็นมัม ลาวงการ (ยิ้ม)
ต้อม : ไม่ พี่มัมก็สวยมาก (ยิ้ม)
มัม : สวยด้วยและโตด้วย ใจโตนะ (ยิ้ม) ตอนที่พี่มัมป่วย เขาก็ไปเยี่ยมที่บ้านตอนเที่ยงคืน มาทำอะไร คนป่วยไม่ได้หลับได้นอน (หัวเราะ)
ครอบครัวเราล่ะว่าไงบ้าง?
ต้อม : คุณพ่อเป็นหลักสำคัญ แต่คุณพ่อรับได้แล้ว คือคนเป็นพ่อแม่เขารู้ แต่เราก็ดูแลเขาไง เขาเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็ดูแล เราก็เป็นลูกที่ดี ปฏิบัติดี เขาก็คงเห็นแล้วว่าเราก็อยู่ในกรอบ
แฟนๆ ก็ให้กำลังใจค่อนข้างเยอะ?
ต้อม : ก็ดี แต่มันก็มีทั้งชื่นชมและไม่ชอบ เราก็ฟังน่ะค่ะ ว่าเราก็ฟัง เราก็ไม่ไปเถียง แต่เอาแค่พอสมควร ถ้ามาวิจารณ์ถึงพ่อถึงแม่อันนี้พี่ไม่ยอม แต่ถ้าวิจารณ์ส่วนตัวเราก็ว่าไป
ถามว่าเคยมีมาว่าถึงขั้นต้องบล็อกเลยไหมไม่มี เพราะว่าถ้าพี่มัมเห็นก็บล็อกให้ก่อนเลย (ยิ้ม) ไม่หรอก เราก็ฟังน่ะ เพราะมันเป็นสัจธรรมนะพี่ว่า ดาราสวยหล่อสุดๆ ก็ยังโดน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องโดน แต่เราทำเรื่องดีๆ ในสังคม พี่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาก็มองข้ามสิ่งที่เป็นข้อบกพร่องไป
ส่วนตัวอยากทำอะไรเพิ่มความสวยอีกไหม?
ต้อม : ไม่ทำแล้ว ศัลยกรรมเหรอไม่เอาแล้ว
มัม : ก็ต่อเมื่อแฟนเขาขอ เกิดวันไหนแฟนเขาขอขึ้นมาล่ะ
แล้วแฟนว่าไงบ้าง แฮปปี้ไหม?
ต้อม : ไม่ เขาก็เครียดนะช่วงแรกๆ เพราะเราคบกันในจุดที่เราเป็นเกย์ เราไม่ได้เป็นแบบนี้ คือถ้าเขาอยากได้เมีย เขาก็ไปจีบผู้หญิงแล้วแต่งงาน คงไม่มาอะไรกับเรา
พอเราเป็นแบบนี้มันก็เป็นความเข้าใจที่เราต้องคุยกันอยู่เรื่อยๆ เขาก็ต้องปรับตัว แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าจะเลิก แต่ด้วยความที่มันค่อยเป็นค่อยไป ถ้าพรวดทีเดียวเลยเขาอาจจะช็อกไง แต่นี่เหมือนเขาเห็นแล้ว เขาก็รับได้ในระดับนึง
เขามีพูดไหมว่าไม่ทำได้ไหม?
ต้อม : ครอบครัวมากกว่า เขาก็จะพูดว่ากลับไปเป็นอย่างเดิมดีกว่าไหม เป็นบอยๆ น่ารักๆ ดีกว่า อย่าแต่งอย่างนี้เลยมันไม่เหมาะ แต่เราก็รับฟังเขาอะ ไม่เป็นไร พอเราดื้อ เขาก็เลิกพูดเอง
มัม : เรื่องนี้ต้องใช้เวลาพิสูจน์
ต้อม : แต่เราก็ไม่รู้ไงว่าอีก 10 ปี 20 ปี เราแก่มากๆ แล้วเขาอาจจะเปลี่ยนเองก็ได้
จริงๆ มีแอบเฟลบ้างไหมที่คนรอบข้างไม่ค่อยอยากให้ทำ?
ต้อม : ก็ไม่เฟล แต่เราแค่ห่วงสถานภาพของคู่มากกว่า ไม่อยากให้เลิก ก็หาจุดที่จะพอดีกัน เช่น ต่อหน้าก็ไม่ทำให้เห็น อยู่บ้านก็เป็นบอยๆ มัดจุก
ทุกวันนี้ที่เปิดตัวเองแฮปปี้มากแค่ไหน?
ต้อม : ก็มากนะพี่ว่า เราก็สบายตัวมากขึ้น มีความสุขกับเพื่อน
มัม : แอบมาตั้งนาน พูดง่ายๆ ตรงๆ เลิกแอบแล้ว จริงๆ พี่พูดแทนได้เพราะพี่เคยแอบ แล้วพี่ทำเพื่อหน้าที่การงานสมัยอยู่วงใหม่ๆ เพื่อนๆ บอกว่าเป็นอะไรเป็นได้ แต่เวลาอยู่วงเป็นนักร้องนำเนี่ยอย่าไปสะดิ้งมาก
เราก็ทำเพื่อเพื่อน พอวงเลิกไปแล้ว เรามาเป็นเดี่ยวๆ เราถึงค่อยเป็นเรามากเต็มที่ ความจริงแล้วเราไม่ได้เพิ่งมาเป็น เราเป็นตั้งแต่จำความได้ นี่เขาก็เป็นตั้งแต่จำความได้ แต่เขาแอบมากกว่า แต่ส่วนพี่เปิดตั้งแต่เด็กๆ แล้ว”
สุดท้ายแล้วฝากถึงแฟนๆ หน่อย?
ต้อม : ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้โอกาสได้กลับมาทำงานที่รัก สัญญาว่าจะทำงานที่เป็นประโยชน์กับสังคมอย่างที่เราตั้งใจและมีโอกาสจะทำ แต่ว่าเราก็ขอโอกาส ขอพื้นที่ในการแสดงความสามารถจากแฟนๆ เหมือนกัน และก็เปิดใจให้พวกเราบ้างว่าเราแตกต่างแต่เราไม่ได้ผิดปกติจากคนอื่น
มัม : ฝากคอนเสิร์ตการกุศล “ขุ่นแม่ขอร้อง” เพื่อมูลนิธิรามาธิบดี เพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็งนะคะ สำหรับผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ พบกันวันที่ 27 ส.ค.นี้ มี 2 รอบคือบ่าย 2 โมงและ 1 ทุ่ม บัตรราคา 700 และ 1,000 บาท จำหน่ายบัตรแล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา แขกรับเชิญมากมายเลยนะคะ ทั้งพี่ตุ๊ก วิยะดา โกมารกุล ณ นคร, คุณเป๊กกี้ ริสา หงส์หิรัญ, คุณตุ๊กกี้ ชิงร้อย, คุณเจี๊ยบ นนทิยา, คุณผัดไทย และ ดร.สมศักดิ์ ชลาชล ค่ะ