จากกรณี “เอิ๊ก” บิวตี้บล็อกเกอร์สาวชื่อดังโพสต์คลิปเพื่อขอความเป็นธรรมหลังจากที่ “อ๊บ” น้องสาวถูกดีเจสาวหล่อ “ดีเจอ้อนน้อย” หรือ “ชื่นจิตร เตมีศักดิ์”ใช้แก้วทุบใบหน้าในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งจนต้องเย็บแผลกว่า 100 เข็ม เหตุทะเลาะวิวาทกันในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา
จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี ต่อมาดีเจอ้อนน้อยออกมาหลั่งน้ำตาขอโทษ โดยยันไม่มีเจตนาทำร้ายร่างกาย แต่ถูกอีกฝ่ายหยามก่อน ซึ่งรายการโหนกระแสคืนนี้ (3 ส.ค.)“หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” พิธีกร ได้เปิดใจดีเจอ้อนน้อยถึงกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมกับ “ก้อย” แฟนสาว โดยดีเจยันเป็นการป้องกันตัว ไม่ได้หาเรื่องก่อน
อ้อนน้อย : “อยู่โต๊ะข้างๆ แต่น้องผู้หญิงที่รู้จักกัน เขาขอไลน์กันและขอยืมบุหรี่ไฟฟ้า ผู้หญิงที่มากับคู่กรณี เป็นแฟนคู่กรณี ก็กระชากบุหรี่ไฟฟ้าไปเขามากันสองคน ตัวเขากับแฟนเขา”
ก้อย : “ต้องบอกก่อนว่าร้านนี้ค่อนข้างเล็ก คนในร้านเดินไปเดินมารู้จักกัน โต๊ะติดกันมากๆ ห่างกันแค่ฝ่ามือแปะกัน เหตุการณ์มีคนเยอะแยะมากมายอยู่ตรงนั้น”
ก่อนมีเรื่อง คู่กรณีมากับแฟน แล้วทางแฟนคู่กรณีก็เดินเข้ามากระชากบุหรี่ออกจากปาก
ก้อย : “หนูอยู่ในเหตุการณ์ พอมีการขอยืมบุหรี่ไฟฟ้ากันเกิดขึ้น พอเสร็จเขากระชากไป ตัวคู่กรณีก็ยืนอยู่ แล้วแฟนเขาเหมือนจะเดินไป ก็บอกว่าอย่ามีเรื่องกัน ใจเย็นๆทั้งสองฝ่ายนะ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พอเราเข้ามาเหมือนเราเป็นพี่ก็ห้ามดีกว่าเพื่อไม่ให้มีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น เพราะสองฝ่ายมันฮึ่มใส่กัน เราก็บอกใจเย็นๆ นะ ซึ่งพอบอกแบบนั้นกลายเป็นว่าคู่กรณีมาด่าหนู ด่าว่ามึงว่างนักหรือไง ถ้ามึงว่างนักเอาเวลาไปจับผัวมึงมั้ย”
อ้อนน้อย :“เราก็ได้ยินค่ะ ให้เอาเวลาไปจับเมียน้อยของผัวมึงมั้ย แต่ดูห่างๆ ค่ะ ได้ยิน ดูว่าเป็นยังไงบ้าง เริ่มกูมึง เมียน้อย ผัวมึงแม่งโคตรเจ้าชู้เลย เราก็เลยเฮ่อ(ถอนใจ)”
ก้อย : “เราก็บอกไม่เป็นไรพี่ ใจเย็นๆ อย่ามีเรื่อง คือด่าๆๆๆ จนหนูเดินไปที่โต๊ะหนู เสร็จก็ยังไม่วายที่จะหยุด”
อ้อนดูไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย
อ้อนน้อย : “เขาว่าแฟนเราค่ะ”
ก้อย : “หลังจากนั้นก็มีคำพูดแย่ๆ ออกมาอีก จนร้านปิดแล้ว ไฟเริ่มสว่างแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน เราก็บอกว่าให้เอาเขากลับบ้านด้วยเพราะเขาเมามากแล้ว เขาก็เดินเข้ามาด่าเราอีก ด้วยคำพูดแย่ๆ อีกว่ามึงอยากรู้มั้ยว่าเป็นใครบ้าง เดี๋ยวกูชี้ให้มึงดูว่ามีใครบ้าง จนเราเฮ้ยพี่ หลายรอบมากแล้ว จนเราตะโกนสั่งการ์ดให้เอาตัวน้องออกไป”
ทำไมต้องตะโกน คุณเป็นเจ้าของร้านเหรอ คุณมีสิทธิ์อะไร
ก้อย : “คือเราเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว น้องเมามากแล้ว เดินเข้าเดินออกด่าเรา”
ทำไมมีสิทธิ์สั่งการ์ด
ก้อย : “คือเราไปบ่อยมากร้านนี้”
อ้อนน้อย : “คือร้านให้เกียรติเราค่ะ เพราะเราเป็นดีเจ”
ก้อย : “เราเลยตะโกนให้เอาตัวเขาออกไป ระหว่างนั้นที่เดินเข้าเดินออก ก็จะมีน้องที่อยู่ข้างนอก ระหว่างที่เดินออกไปก็ตะโกนด่าอ้อน ตะโกนด่าว่ามึงเป็นนดีเจมึงใหญ่มากเลยหรือไง มึงจะทำเหี้ยอะไรก็ได้ใช่มั้ย”
ทำไมเขาถึงด่า คุณไปทำอะไรเขา
อ้อนน้อย: “ไม่ได้ทำอะไรเขาเลย ไม่ได้ทำอะไรใครเลย ยืนดูเฉยๆ แล้วเขาก็ด่าผ่านทางก้อย ไม่เคยทำอะไรเขาเลย ไม่ได้ปะทะกันเอง ถ้ามึงคนจริงออกมาเคลียร์กับกูข้างนอก แต่อ้อนดูแล้วคู่กรณีเมา เราเลยไม่ยุ่ง เราเลยใจเย็นๆ ก็บอกแฟนเราว่าใจเย็นๆ ช่างเขาเหอะเดี๋ยวเขาก็กลับแล้วเพราะผับปิดแล้ว”
สิ่งที่กำลังเล่า เป็นข้อเท็จจริงกับสิ่งที่คุณให้ปากคำตร.
อ้อนน้อย : “ใช่ค่ะ ไม่มีบิดคำพูดแน่นอน”
ก้อย : “เราตัวแค่นี้ถ้าเกิดไปปะทะกับเขามันต้องเกิดเรื่องแน่นอน พี่เขาเลยออกไปเอารถ”
อ้อนน้อย :“ก็บอกแฟนว่าตัวเองอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวออกไปเอารถเองนะ แล้วเอาแก้วไปด้วยเพราะกินน้ำเปล่า ค่อยๆ จิบให้มันสร่าง ก็กินนิดหน่อย ก็ยอมรับว่ากิน”
เมามั้ย
อ้อนน้อย : “มีสตินะคะ ประคองสติได้ รู้ทุกอย่าง ออกมาดูข้างนอก หน้าร้านคู่กรณีไม่มีแล้วแล้วมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามมาเป็นห่วง เขาเป็นลูกค้าในร้านสนิทกัน เขาเดินมาเป็นเพื่อนเพราะเราเดินมาคนเดียว คลับคล้ายคลับคลาว่ามีคนนั่งรอเราตรงข้างกับรถที่เราจอด ก็นานแล้วนะ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าอ้อนขับรถยี่ห้ออะไร เราคิดว่าเขาน่าจะรู้”
ก้อย : “เพราะเวลามาร้านเราจะจอดหน้าร้านเพื่อเอาของลงก่อน เกี่ยวกับเครื่องดีเจ”
กำลังจะบอกว่าคู่กรณีหลังจากที่การ์ดพาไปแล้วยังไม่กลับแต่มานั่งดักรอ
อ้อนน้อย : “ใช่ คิดว่ามานั่งรอ เพราะมันครึ่งชม.แล้วนะคะ หลังจากที่เรายังอยู่ในร้าน”
เขาเมาแล้วนั่งเฉยๆ ไปปรักปรำหรือคิดไปเองหรือเปล่า
อ้อนน้อย : “มันครึ่งชม.แล้ว แล้วแท็กซี่ก็ผ่านตลอดเวลา เราก็เดินออกไป พอเราจะข้ามถนนก็มีแท็กซี่ขับเข้ามา เราก็รอแท็กซี่ น้องที่มาด้วย เหมือนอยากรู้ว่าคนนี้เป็นคนที่หาเรื่องก้อยหรือเปล่า เราก็เดินไปที่รถ น้องก็อยู่ข้างหน้า อ้อนเดินตามท้าย น้องก็ถามว่าเธอชื่ออะไร เขาก็ตอบว่าอยากรู้เหรอว่าชื่ออะไร ก็ถามดีเจอ้อนน้อยดิ เราก็พูดว่าเราไม่รู้จัก คืออารมณ์เขาว่าแฟนเราก็มีนิดหนึ่ง ทำไมต้องมาว่าด้วย แล้วพอมาบอกว่าอยากรู้จักก็ให้ถามดีเจอ้อนน้อยดิ
เราก็เฮ้ย ไม่ได้รู้จัก เราก็ถือแก้วเหล้า แต่ในนั้นคือน้ำเปล่า เขาก็บอกว่ามึงแน่ใจเหรอว่าไม่รู้จักกู ระหว่างนั้นเขาก็ลุกกระโจนขึ้นมา เราก็เอาแก้วดันไปป้องกันตัว เราก็ลืมไปว่ามีแก้วอยู่ในมือ เราก็ดันออกไป ซึ่งอยู่กันแค่นี้ไม่มีทางที่จะกระแทกไป หรือถ้าอยากจะมีเรื่องกับเขา หาอะไรเขวี้ยงไปก็ได้ ดีกว่าเอาแก้วไปกระแทกหน้า แล้วมืออ้อนก็เจ็บด้วย เราก็แค่ยืนคุยกัน พอเขาลุกขึ้นเราก็เอาแก้วดัน เพราะอยู่ใกล้มาก แก้วแตกเลย มือมีแผลแก้วบาด เลือดไหลตลอดเวลาเต็มไปหมด ไม่เห็นว่าเขาเป็นยังไง เพราะรู้สึกว่าเขากระโจนมาหาเรา เราก็ป้องกันตัวแล้วรีบเข้าไปในร้านดีกว่า”
ไม่ได้ดูว่าเขาเป็นยังไงเหรอ แก้วแตกปุ๊บเดินเข้าไปในร้าน
อ้อนน้อย : “ใช่ค่ะ ไม่ได้ดูเลยค่ะ เหมือนเขาจะทำร้ายเรา เราก็แค่ดันออกไป”
ถ้าสังคมถามกลับมาว่า ณ ตอนนั้นเอาแก้วกระแทกเข้าไป แก้วต้องแตกตรงมือคุณ แต่แก้วไปทิ่มหน้าเขา จะตอบยังไง
อ้อนน้อย : “ตอนนั้นไม่รู้ตัวว่าไปยังไงเพราะเขาขึ้นมาปุ๊บก็ตกใจมาก จากคนที่นั่งอยู่ ลุกขึ้นมาทำไม ก็ต้องดันออกไป ไม่รู้จะชกหรืออะไรก็ดันไว้ก่อน เราไม่ได้ตั้งใจ เขาลุกมา เขาก็ผลักไปเลย แล้วก็แตกใส่หน้าเขา แล้วก็เดินเข้าร้านไปเลยตอนนั้นไม่เห็นแฟนเขา เขานั่งกับเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง เหตุการณ์นี้มีแค่ 4 คนเองค่ะ แล้วไม่ได้เสียงดังวิวาทใหญ่โตอย่างที่มีคลิปออกมา”
ทางพี่สาวผู้เสียหายคู่กรณีมีการออกมาแถลงผ่านโซเชียล ว่าถูกคุณทำร้ายร่างกาย ในนั้นเขาบอกว่ามีคนยืนยันในที่เกิดเหตุว่าบอกแล้วว่าให้ตบแบบเฉี่ยวๆ แต่ไปตีกลางหน้า
อ้อนน้อย : “ไม่มีนะคะ”
ก้อย : “หนูไม่ได้ยิน เพราะตอนนั้นพี่อ้อนเดินเข้ามา เป็นช่วงชุลมุนมาก แล้วเลือดไหล เสื้อก้อยมีแต่เลือดพี่อ้อน ทุกคนก็ช่วยกันไปซื้อพลาสเตอร์ยามาแปะให้ ซึ่งระหว่างเราไม่ได้มีอะไรแล้ว เราไม่ได้พูดว่าเฮ้ย ตบแฉลบๆ พี่คนเราป้องกันตัวจะตบแฉลบๆ ได้ไง พลาดต่อยหรือตบยังไง มันเป็นช่วงชุลมุน เราจะรู้มั้ยว่าฟาดตรงไหน เราจะกะได้มั้ย เอาง่ายๆ เราจะกลับบ้านแล้ว จะกะเกณฑ์มั้ยว่าต้องให้โดนตรงไหน ไม่มีทางกะเกณฑ์ได้ ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ว่าจะตบตรงนี้ จะต่อยตรงนี้ เป็นไปไม่ได้พี่”
พอเป็นข่าวดังก็มีการออกหมายเรียกแล้วไม่ไป จนออกหมายจับแต่ก็ไม่ไป เกิดอะไรขึ้น
อ้อนน้อย : “ยังไม่มีหมายเรียกอะไรทั้งสิ้นมาที่บ้านเลยค่ะ”
ก้อย : “หลังเกิดเหตุการณ์เราไม่ได้นิ่งนอนใจนะพี่ เรารอหมายเรียก เพราะว่าเรารู้ว่าเดี๋ยวมันจะเป็นหนึ่งสองสามสี่เป็นยังไง ระหว่างนั้นเรารอหมายเรียกตลอดเวลา แต่มันไม่มีค่ะจริงๆ แล้วเราก็งงกันสองคน ถามว่าถามตำรวจมั้ยก็ถามเขา เขาตอบว่าเป็นกระแสที่ดังมากในโซเชียล สามารถออกหมายจับได้เลย ซึ่งหนูสองคน งงจริงๆ ค่ะ ปกติน่าจะออกหมายเรียกก่อน ถ้าไม่ไปค่อยเป็นหมายจับเพราะเราไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย เราไม่เคยไปข่มขู่เขา”
อ้อนน้อย : “ตอนที่มีหมายจับ มีความรู้อยู่นิดหนึ่งว่าถ้าเราโดนจับแต่ไม่มีเงินประกันตัว ติดคุกแน่นอน ก็เลยขอไปหาเงินอีก เรารู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้เราไม่ตั้งใจ เราก็ต้องการสู้ความจริง เราก็เลยไปหาเงินก่อน”
ประเด็นที่หลายคนสงสัย เขาบอกให้ไปมอบตัว แต่คุณไม่ไป คุณไปไหน
ก้อย : “เรารอหมายเรียกจริงๆ แต่มันออกมาเป็นหมายจับเลย”
อ้อนน้อย : “ตอนออกมาเป็นหมายจับ เราไม่ไปเพราะเรายังไม่มีเงินเลย ซึ่งก็ขอให้ทางกฎหมายพิจารณาว่าเราผิดหรือไม่ผิด”
วันที่ไปมอบตัว มีการเจอคู่กรณี หรือพูดคุยอะไรยังไง
อ้อนน้อย : “ยังค่ะ ยังไม่เคยเจอกันเลย ตั้งแต่วันนั้น”
ก้อย : “ยังไม่มีการโทรคุยอะไรทั้งสิ้น”
วันมอบตัวสู้คดี เท่าที่จำได้ มีการตั้งด่านสกัดจับ มันคือเรื่องอะไร
ก้อย : “คือเราได้คุยกันแล้วว่าเราจะมอบตัววันนี้ แต่เราแค่ขอเวลาหาเงิน แค่นั้น ขอเวลาหาเงิน อยู่ๆ เรารอหมายเรียก แต่เราเจอหมายจับเลย หมายเรียกต้องสองครั้งใช่มั้ยคะ เท่าที่เรารู้ ถึงจะออกหมายจับ ซึ่งเราเป็นหมายจับเลย เราก็ต้องขอเวลาหาเงินก่อนก็ต้องหาให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็สรุปเป็นแสนห้า เราก็ต้องไปหาเงิน แค่นั้นจริงๆ เรื่องด่านอันนั้นก้อยไปก่อน เราไปกันสองคัน ก้อยไปคันแรก อ้อนตามคันที่สอง พอก้อยไปปุ๊บ ทำไมถึงมีด่านก่อนถึงโรงพักสองร้อยเมตร เราก็งง ในเมื่อเราบอกแล้วว่าจะไปมอบตัว”
เขาต้องการจะจับ
ก้อย : “อันนั้นก็ไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นเรื่องของตำรวจ เราแค่งงว่าทำไมถึงมีด่านก่อน ในเมื่อเราไม่ได้หนี เรายืนยันว่าเราจะมอบตัวไปต่อสู้ในชั้นศาล”