วันนี้เรามารีวิว เรื่อง Make Over ปรับรูปหน้า โบท็อกซ์ ร้อยไหม ฟิลเลอร์ เนื่องจากเราอายุ ปาเข้าวัยกลางคน 34 ปีแล้วปัญหาผิวหน้า หรือขอเรียกภาษาชาวบ้านกว่า “ หนังหน้า “ จะถูกกว่า เพราะพออายุเยอะเข้า หนังหน้าเรา ที่เคย ตึง มันก็เผละบาน ซึ่งหน้าเราใหญ่มาตั้งแต่เกิดแล้ว ก็ใหญ่ ย้วย เข้าไปอีก
โชว์ด้วยภาพปัจจุบัน หลังไป Makeover มาค่ะ เราเป็นสาวออฟฟิศทำงานด้าน PR จึงต้องดูแล บุคลิก หน้าตา ดูดีอยู่เสมอค่ะ เพื่อตัวเราเอง ตำแหน่งหน้าที่ และภาพลักษณ์องค์กรด้วย
เลื่อนลงมา ก็ต่อด้วยภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทำงานออฟฟิศแรกๆ ก็สวยธรรมชาติตามวัยค่ะ อิอิ
ก่อนอื่นขอเท้าความ ย้อนไปเมื่อ 5 ปีให้หลัง นอกจากจะตัดสินใจ เสริมจมูก และตัดปีกจมูกเพื่อความมั่นใจเราฉีด โบท็อกซ์ ครั้งแรก ตั้งแต่ยุคที่โบท็อกซ์ ยังเป็นเรื่องใหม่ และมีราคาสูงกว่าปัจจุบันพอสมควรคือ หมื่นกว่าบาท up สมัยนี้ มี 4000 ก็ฉีดหน้าเรียวได้แล้ว เราฉีดโบตอนอายุ 29 ตอนนั้นหวังผลเพียงอย่างเดียวคือ หน้าเรียวเล็ก เนื่องจากเป็นคน มีกรามใหญ่แต่กำเนิด แถมชอบเคี้ยวของเหนียวๆนอนขบฟัน โอ๊ยย ครบเซ็ต ตอนนั้นพอมีการฉีดโบหน้าเรียวกันขึ้น ก็ดีใจมาก เนื่องจากหน้าตาเป็นคนเกือบสวย แค่หน้าเหลี่ยมเฉยๆ เราก็ฉีดโบกราม เรื่อยมา ประมาณ ปีละครั้ง
จากการฉีด มา 5 ครั้ง เรื่อยๆตั้งแต่อายุ 29 จน 34 ย่าง 35 แล้ว เราก็รู้สึกว่า มันแค่ช่วยให้กรามเล็กลง หน้าดูผอมขึ้น และจริงๆแล้ว โบท็อกซ์ ไม่ได้ช่วยพยุงหน้ายกกระชับให้เราได้ อายุเริ่มเยอะ ผิวก็หย่อน เห็นชัดว่า โครงหน้าดูเหมือนกว้างขึ้นช่วงตรงแก้ม มีร่อง และเห็นรอยชัด แม้เวลาไม่ได้ยิ้ม ร่องแก้มลึกขึ้น แก้มและ คางดูหย่อนๆ ยิ้มแล้ว ช่วงคางดูเป็นย่นๆ ริ้วๆ หนังตา และหางตาตก บ่งบอกถึงวัยจริงๆที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เราแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้ค่ะ
ในรูปถ่ายก่อนหน้านี้ ในภาพนั่นฉีด โบท็อกซ์ ออกฤทธิ์อยู่นะคะ แต่หน้าบานออกข้างและผิวแก้มไม่กระชับ และมีริ้วรอยร่องแก้มลึก
จึงติดต่อโทรนัด ลางานเข้าไปปรึกษาคุณหมอ เป็นคุณหมอผู้หญิง ใจดี เป็นกันเอง ทำให้เราไม่เกร็ง ดูหน้าปั๊บ วิเคราะห์ได้ทันทีว่า หน้าเราควรจะทำอะไรบ้าง ซึ่งโดนใจมาก เพราะหมอมองปัญหาหน้าเราออก เหมือนที่เราคิดไว้เลยค่ะ ว่าเราอยากลด อยากเพิ่ม ตรงไหน
จากนั้น ก็มานอน ทายาชารออย่างใจจดใจจ่อ เราไม่กลัวเข็ม หรือเครื่องมือหมอเลยค่ะ รุ่นนี้ หน้าเหนียว และทนมากก ฮ่าๆๆ ไม่สะทกสะท้านละ
คุณหมอเริ่มจาก ร้อยไหม ที่แก้มก่อน ซึ่งตรงร้อยไหมเราว่าเจ็บนิดๆ แต่ไม่มากนะคะ ทนได้สบายๆ ฉีดสิวเราว่าเจ็บกว่าร้อยไหมค่ะ และใช้เวลาไม่นาน ก็ ฉีด ฟิลเลอร์ ร่องแก้ม ต่อด้วย ฟิลเลอร์คางต่อทันทีค่ะ คุณหมอมือเบามาก …. แต่ขั้นตอน ฟิลเลอร์ ก็มีฉีดยาชาเพิ่มด้วยนะคะ เพราะมันจะเจ็บสุด ก็เจ็บจริงๆ นะแต่สีทนด๊ายยย จบฟิลเลอร์ ก็ต่อด้วย โบท็อกซ์ กราม และ หางตา ทันที ตรงกรามคุณหมอดูโครงหน้าเรา ให้เรากัดกรามเพื่อดูกล้ามเนื้อ และ จะฉีดแค่บริเวณ แนวขากรรไกรนะคะ ไม่ฉีดมาถึงใต้โหนกแก้ม( เหมือนที่ที่เราเคยไปฉีดมา เพราะฉีดเลยมาถึงใต้โหนกแก้มทำให้หน้าซูบเกินพอดี หน้าดูจนๆ )เราชอบเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ของคุณหมอจ๊ะ แบบนี้ ค่ะ เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อ ยุบแค่บริเวณกราม แต่ตรงแก้มยังมีเนื้อ ป่องๆ นิดๆ กำลังดี ทำให้ดูหน้าเด็กค่ะ ^^
หลังทำ หน้าดูแปลกตาขึ้นมานิดนึง ฟิลเลอร์จะเห็นผลในทันที ร่องแก้มหายไป และคางยาวขึ้น ส่วนร้อยไหมยกกระชับแก้ม ก็เหมือนจะรั้งๆให้แก้มดูเล็กลงนิดนึงค่ะ
1 ชม. ผ่านไป หลังจากออกจากคลินิก ก็รู้สึก ตึงๆหน้านิดๆ แต่ไม่เจ็บ ( ถ้าไม่เอามือจับๆ )หน้าเป็นรูๆ เต็มไปหมดเลย เวลาดื่มน้ำ ต้องค่อยๆ กลัวน้ำจะรั่วซึมออกทางรูแก้ม ฮ่าๆ
เช้าวันแรก ก็ไปทำงานปกติค่ะ ทานอะไรได้ปกติ แต่ถ้าทานคำใหญ่มาก ก็จะเจ็บแก้ม หัวเราะมากๆก็เจ็บค่ะพอพ้น 3 วันก็เริ่มหาย
พอ 7 วัน รอยรูๆที่แก้ม ก็จางหายไป เหลือรอยนิดๆ รองพื้นปกติ ก็ไม่เห็นแล้วค่ะ
ประมาณ สองสัปดาห์ หน้าก็เริ่มเรียวขึ้นแล้วค่ะ
ทำรูปเปรียบเทียบชัดๆก็จะยิ่งเห็นถึงความต่าง
กลับมาดู Before / Afterรูปสมัยอายุ 24 ตอนยังไม่เสริมจมูก เทียบกับรูปปัจจุบัน ถ่ายเมื่อ 3 วันก่อนค่ะ
10 ปีผ่านไป ………… ดูรูปเอาเลยค่า จริงๆไม่ใช่การ โมดิฟาย ด้วยมีดหมอ หรือเข็มหมออย่างเดียวนะคะ เดี๋ยวนี้ยอมรับว่า มันมีตัวช่วยเยอะ เช่น บิ๊กอาย อายไลน์เนอร์ ไฮไลท์ เฉดดิ้ง เทคนิคการแต่งหน้าอำพรางจุดบกพร่อง หลอกพรางด้วยแสง ฯลฯ นี่ยังไม่รวมมุมกล้องหน้าเรียว จากมือถือ และแอพฉลาดๆอีกมากมาย ( ในรูปไม่ได้ใช้แอพแต่งนะคะ )
ทำให้ผู้หญิงทุกวันนี้ สวยขึ้น ดูดีขึ้น มั่นใจขึ้นค่ะบางคนอาจจะ แอนตี้เรื่องพวกนี้ หาว่าเราเยอะ เราใช้เงินเปลือง และมองว่า มันดูอันตรายหรือเปล่า เราว่าความสุข ความพอใจของแต่ละคนมันต่างกัน เรามีจุดมั่นใจของเรา และมีความสุขกับสิ่งที่เราเป็นและเห็นคุณค่าในตัวเองก็พอค่ะ และที่สำคัญนั้น ในเรื่องการ ฉีด เสริม เติมแต่ง ด้วยยา พวก โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรืออื่นๆ ควรจะทำที่ โรงพยาบาล หรือ คลินิกความงามเฉพาะทางกับคุณหมอที่เชี่ยวชาญเท่านั้นค่ะ เพราะของพวกนี้ถ้าเข้าร่างกายผิดที่ผิดทางแล้ว มีอันตรายใหญ่หลวง รักจะสวยก็ต้องรักและใส่ใจในความปลอดภัย และมาตรฐานกันด้วยนะจ้ะ สาวๆ