ทำสีเล็บแบบเจลบ่อยๆ เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้จริงเหรอ ?
สีทาเล็บแบบเจล หนึ่งในนวัตกรรมที่ออกแบบมาให้ทนทาน ไม่หลุดร่อน อยู่บนหน้าเล็บได้แบบไร้กังวล แต่หลายคนอาจลืมคิดไปว่าสีเหล่านี้ถูกคิดค้นขึ้นมาพิเศษสุดให้แห้งด้วยการใช้รังสี UV ฟังไม่ผิดมันคือรังสียูวีจริงๆ รังสีอันตรายที่เราหนีมาตลอดชีวิต แล้วทำไมเราถึงอยากเอาผิวหนังไปเผชิญหน้ากับมันอย่างใกล้ชิดอีกละ ไม่ใช่ว่าต้องเลี่ยงหรอกเหรอ?
จากการวิจัยจากมหาวิทยาลัย Medical College of Georgia at Georgia Regents University in Augusta ในสหรัฐฯ พบว่า การได้รับแสงยูวีจากเครื่องอบเล็บ สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อ DNA ของเซลล์ได้ แต่โอกาสทำให้เซลล์เกิดอันตรายจนเปลี่ยนแปลงไปถึงขั้นเป็นมะเร็งนั้นน้อยมาก แม้จะใช้อุปกรณ์ที่มีกำลังผลิตแสงได้สูง (โล่งอกไปนิด)
แต่ถ้าใครเกิดความกังวลใจ ก็ใช่ว่าจะไร้ทางแก้เสมอไป ย้อนกลับไปที่เคาน์เตอร์สกินแคร์ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ในห้องนอน ไอเท็มหนึ่งชิ้นที่เราหยิบมาปกป้องผิวจากรังสีที่มองไม่เห็นเหล่านี้ นั่นก็คือครีมกันแดด นั่นละชอยส์ที่ถูกต้องที่สุด! หรือบางครั้งการใส่ถุงมือที่กันรังสียูวีได้ก็โอเคเช่นกันนะ
นอกจากนี้ การทำเล็บเจลบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้คุณเจอกับปัญหาเล็บบาง แห้ง ฉีกง่าย เพราะการทำเล็บเจลแต่ละครั้ง จะมีการตะไบหน้าเล็บ ร่วมกับการล้างสีออกด้วย acetone และสิ่งที่ตามมาจากการทำต่อเนื่องก็คือเล็บบาง แห้ง ฉีกง่ายนี่แหละค่ะ ควรพักเล็บบ้าง หยุดเป็นช่วงๆ หรือทำเล็บธรรมดาสลับกับเล็บเจล เพื่อเว้นช่วงให้เล็บได้พักซ่อมแซมตัวเอง เราแนะนำว่าให้ทำต่อเนื่อง 3 เดือน แล้วหยุด 1 เดือนค่ะ
เราไม่ได้บอกว่าให้คุณเลิกทำเล็บ เพียงแต่อย่าใช้เครื่องอบเล็บเหล่านี้บ่อยจนเกินไป โดยเฉพาะเครื่องที่มีกำลังสูง 2 – 3 เดือน / ครั้ง น่าจะพอดี
เนื้อหาโดย Dodeden.com