ถึงคราวต้องบำรุงตับ ถ้าไม่อยากให้ร่างกายย่ำแย่ เพราะในร่างกายคนเรา ตับคืออวัยวะที่ต้องรับบทหนัก เมื่อเกิดภาวะอ้วนจากการกินดี (เกิน) เข้าไป ซึ่งสังคมก็เริ่มตระหนักกันแล้วคือ “ไขมันจุกตับ” ที่หลายคนยังเข้าใจผิดตามศัพท์เดิมที่เรียกไขมันพอกตับว่าเป็นไขมันส่วนเกินมาหุ้มรอบตับ ซึ่งไม่ใช่ เพราะมันจุกเข้าไปถึงข้างในเซลล์ตับย่อยๆ เลยทีเดียว
ตับ เป็นอวัยวะที่น่าห่วงใย ทะนุถนอมเหมือนนางเอก เพราะบอบบางต่อสารพิษยา และอาหารที่เรากินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้น การบํารุงตับไว้ จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะหลายคนก็มีโรคประจําตัวเป็นไวรัสตับอักเสบบีบ้าง มันจุกตับบ้าง หรือถุงน้ำในตับ ดังนั้นการดูแลตับไว้ ด้วยการรู้กิน ย่อมช่วยได้แน่ แถมทําให้ตับสุขภาพดีต่อไปได้อีกนานด้วย
ลดความหวานและแป้ง
ปัญหาที่ร้ายแรงของ มันจุกตับ (Non alcoholic fatty liver) คือความอ้วนอันเกิดจากการ “กินเกิน” โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตขัดขาว เช่น ข้าวขาว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว ขนม น้ำหวาน มีเทคนิคคือ ควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์ร่วมด้วย เพราะจะช่วยให้น้ำตาลจากแป้งนั้นไม่ถูกดูดซึมเข้าในร่างกายเร็ว แล้วเปลี่ยนเป็นตับอ้วน ๆ อุดมไขมัน
เลี่ยงเนื้อแดง ทานเท่าที่จำเป็น เนื้อสัตว์มีโปรตีน แต่นั่นก็ยังไม่หนักหนาเท่าเนื้อแดงที่เป็นแหล่งไขมันอิ่มตัวพ่วงเข้าไปด้วย โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาตับอยู่แล้ว ซึ่งตับที่เสียหายนั้น ไม่อาจย่อยโปรตีนลงไปเป็นกรดอะมิโนได้เต็มที่ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อทั้งตัวตับเอง และมีของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญไม่หมดเกิดขึ้น นอกจากนั้น ยังมีการศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างโรคตับเรื้อรัง มะเร็งตับกับสารในเนื้อสัตว์ ที่มีผลต่อตับ
ลดโซเดียมลง
สารนี้เป็นแร่ธาตุที่สร้างความเค็มที่สูง มีผลกับตับมากกว่า ลําพังแค่ความดันเลือดสูงอย่างเดียว โดยเฉพาะกับผู้มีตับป่วยอยู่แล้ว ที่ตับผลิตโปรตีนไข่ขาว คืออัลบูมินลดลง ซึ่งผลคือเกิดภาวะที่คนไทยเราเมื่อก่อนเรียก “ท้องมาน (Ascites)” คือมีน้ำขังในพุงที่อวบอิ่ม และยังมีแขนกับขาบวม เพราะน้ำเข้าไปแทรกได้อีก ซึ่งการกินเค็มเพิ่มเข้าไปอีกนั้น จะยิ่งทําให้สถานการณ์เลวร้ายลง ทําให้ภาวะความดันหลอดเลือดในตับสูง (Portal hypertension) จึงขอให้กินเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชาต่อวันค่ะ
ลองผักใหม่ๆ ในอาหาร
ในบ้านเรามีเยอะ เรื่องนี้แทบไม่ห่วง เป็นต้นว่า กระเทียม ขมิ้น หรือพืชสมุนไพรอย่างชาเขียวก็ยังได้ ส่วนในอาหารฝรั่ง ก็ขอให้ลองหาอาร์ติโช้คมากิน ซึ่งกินกับสลัดก็อร่อย แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าของกินใด ต้องอยู่ในกฎที่ว่า ไม่กินปริมาณเกินพอดี หรือกินซ้ำจนเกินไปนัก เพราะกฎของตับดี คือต้องไม่หนักสมุนไพรหรืออาหารเสริมมากเกินไป ดังนั้น ในการกินเพื่อตับจึงไม่ยากนัก ในการจัดอาหาร คือให้มีผักเขียว และผักสีอื่นๆ ซึ่งมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ตับต้องรับมืออยู่มากทุกวัน
ชีลิมาริน
คนที่ไม่สบายมีปัญหาตับ เมื่อไปพบกับหมอ บางที่จะได้รับวิตามินบํารุงตับที่อยู่ในรูปเม็ดนุ่มหรือแคปซูลบ้าง อย่างที่ถูกพูดถึงกันบ่อย นอกจากกลุ่มฟอสโฟไลปิดส์แล้ว ก็มีซีลิมาริน ที่เป็นสารฟลาโวนอยด์จากต้นไม้ดอกเล็กๆ น่ารักชื่อ น้ำนมราชสีห์ (Garden spurge ) ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นจากยุโรปยืนยันผลของมันต่อโรคตับที่รุนแรงอย่าง “ตับแข็ง” ที่ช่วยให้การทํางานของตับดีขึ้น และช่วยลดจํานวนเสียชีวิตจากผู้ป่วยโรคตับได้
ตับ แม้จะดูเปราะบางต้องถนอม แต่ก็ไม่ได้เอาใจยากนะคะ สําหรับตับแล้ว ไม่ได้ต้องการสปาล้างตับ ดีท็อกซ์ หรือเปิดเพลงกล่อม หากแค่คอยระวังการกิน ความเครียด และการหาพิษ เข้าสู่ตัวโดยไม่จําเป็นเท่านั้น เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และการกินของโปรด (จนเกินไป) เพียงเท่านี้ก็ เป็นหลักชัยที่ดีสุดให้ตับแล้วค่ะ
เนื้อหาโดย Dodeden.com