สักรักษา ข้อดีของการสักเพื่อปกปิดข้อบกพร่องจากแผลเป็น เพื่อความสวย  ซึ่งเมื่อพูดถึงการสัก หลายคนคงจะนึกถึงการลงลวดลาย อันวิจิตรสวยงาม หรือลงสัญลักษณ์ต่างๆ บนผิวหนังตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งอาจจะทําเพื่อความงาม หรือตามความเชื่อถือศรัทธาของแต่ละคนก็เป็นได้ แต่จริงๆ แล้ว ประโยชน์ของการสัก ยังสามารถนํามาใช้ในการรักษาได้ด้วย

สักรักษา
ภาพจาก tattoos.lovetoknow.com

โดยการเติมสีเพื่อปกปิดร่องรอยแผลเป็นที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นตามผิวหนัง แม้กระทั่งศีรษะ เป็นการรักษาความผิดปกติของสีผิว เพื่อทําให้คนไข้เกิดความมั่นใจมากขึ้น

 

ประเภทของการสัก แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือการสักเพื่อความสวยงาม เช่น สักคิ้ว สักขอบตา สักขอบปาก สักริมฝีปาก สักหัวนม เป็นการสักเพื่อความ สวยงาม และเพิ่มความมั่นใจแก่คนไข้ ส่วนอีกกลุ่ม จะเป็นการสักเพื่อรักษาสีผิวที่ผิดปกติ เช่น ผิวที่ขาวผิดปกติ สีผิวที่กระดํากระด่างไม่สม่ำเสมอ เช่น ในคนไข้ที่เป็นแผลเป็นจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลเป็นจากการผ่าตัด หรือในกลุ่มคนที่มีความผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสี ซึ่งอาจจะเป็นมาแต่เกิด หรือมาเป็นทีหลังก็ได้ กรณีเป็นมาแต่กําเนิด เช่น คนที่เป็นปานขาว หรือปานตามตัวที่มีสีอ่อนกว่าสีผิวส่วนอื่น หรือในกลุ่มที่มาเป็นที่หลัง เช่น โรคด่างขาว หรือในคนไข้ที่เซลล์สร้างเม็ดสีไม่ทํางาน เช่น แพ้สารเคมี หรือโดนสารเคมีจนเซลล์สร้างสีตายไป รวมถึงคนไข้ที่สีผิวผิดปกติโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นต้น

สักรักษา
ภาพจาก microartmakeup.com

กลบร่องรอยอันไม่พึงปราถนาด้วยการสัก
เป้าหมายของการสักประเภทนี้ คือการเติมสี เพื่อปรับสีผิวบริเวณนั้นให้มีโทนใกล้เคียงกับสีผิวบริเวณข้างเคียง เรียกว่า Cosmetic Tattoo หรือ Cosmetic Pigmentation ด้วยการลงสีไปยังใต้ผิวหนัง เพื่อปรับสีผิวให้สวยงามสม่ำเสมอขึ้น ให้ใกล้เคียงกับสีผิวปกติ ในการรักษาบนใบหน้า ก็จะช่วยให้การแต่งหน้าทําได้ง่ายขึ้น

สีที่ใช้ในการสัก
เป็นสีนําเข้าจากอเมริกา ผ่านการรับรองมาตรฐาน FDA จึงไม่ต้องกังวลถึงปัญหาการแพ้ ได้จากแร่ธาตุต่างๆ ตามธรรมชาติ เช่น สีโทนแดง จะมีส่วนผสมของธาตุเหล็ก สีโทนเหลืองมีส่วนผสมของโครเมี่ยม หรือไททาเนียม เป็นต้น ซึ่งแร่ธาตเหล่านี้ จะไม่เกิดปฏิกิริยากับร่างกาย เนื่องจากเป็นสารอนินทรีย์ ไม่ใช่สารอินทรีย์ที่มาจากพืช หรือจากสัตว์ ซึ่งจริงๆ แล้ว กลับมีโอกาสแพ้ได้มากกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว สีที่สักไว้ จะเริ่มจางลงหลังสักประมาณ 1 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ตําแหน่งในการสัก เช่น การสักคิ้ว การสักบริเวณที่ผิวหนังหนา เช่น มือ เท้า แขน ขา มักจะอยู่ได้นานกว่าบริเวณที่ผิวหนังบาง เช่น ริมฝีปาก ปานนม หรือหัวนม (คิ้วอยู่ได้ประมาณ 3-4 ปี ปากอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี) เมื่อสีจางลง ก็สามารถมาเติมเพิ่มได้

สักรักษา
ภาพจาก microartmakeup.com

การเลือกสีที่ใช้ในการสัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ นับเป็นสิ่งสําคัญมาก แพทย์จึงต้องใช้ประสบการณ์ และทําความเข้าในการเลือกใช้สี หรือผสมสีให้กับคนไข้ เพื่อให้ได้โทนสีที่ใกล้เคียงกับสีผิวบริเวณข้างเคียงมากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก เพราะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น สีผิวเดิมของบริเวณที่เป็นแผล สีผิวบริเวณข้างเคียง และหลังจากทําไปได้ระยะหนึ่ง จะจางลงไปอีก ไม่เหมือนกับสีที่สักใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์ในการติดของสี การดูดซึมสีของสภาพผิวหนังของแต่ละคน ซึ่งแตกต่างกันออกไป ทําให้ผลลัพธ์ที่ได้ในคนไข้แต่ละราย ค่อนข้างคาดเดาได้ยาก แต่แพทย์จะให้ข้อมูลกับคนไข้ถึงความเป็นไปได้ ว่าสามารถช่วยได้มากน้อยขนาดไหน

สักรักษา
ภาพจาก microartmakeup.com

เครื่องมือที่ใช้
การสักมี 2 ประเภทคือ สักด้วยมือ เช่น การสักลาย สักลงยันต์ต่างๆ และการสักด้วยเครื่องสัก ซึ่งการสักด้วยเครื่อง จะมีข้อดีคือ การลงสีและลายเส้น จะมีความสม่ำเสมอมากกว่าการใช้มือ ซึ่งอาจจะแรงบ้าง เบาบ้าง สีลงไปลึกบ้าง ตื้นบ้าง หรือติดบ้างไม่ติดบ้าง เมื่อเวลาผ่านไป อาจทําให้เกิดการกระดํากระด่างได้ หรือในบางจุดที่ลงสีลึกมากเกินไป อาจทําให้แผลกลายเป็นสีขาวไปเลยก็มี 
เครื่องมือในการสัก จะมีลักษณะคล้ายพู่กันที่สามารถลงสีให้หนัก เบา ตามต้องการได้ โดยอาศัยแรงกด สามารถไล่โทนอ่อนแก่เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นได้ เช่น การสักคิ้ว การควบคุมน้ำหนักในการกดจึงเป็นสิ่งสําคัญ

ขั้นตอนในการรักษา
แพทย์จะซักประวัติ สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับแผลเป็น เช่น ระยะเวลาที่เป็น และตรวจลักษณะของแผลอย่างละเอียด หลังจากนั้น จึงให้ยาระงับความเจ็บปวดเฉพาะที่ ซึ่งทําได้ 2 วิธีคือ ใช้การแปะยาชาบนผิวหนังบริเวณที่จะทํา หรือใช้ยาชาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สักว่า ไวต่อความรู้สึกมากน้อยขนาดไหน และขึ้นอยู่กับขนาดของแผล หลังจากนั้น แพทย์จะทําการผสมสีที่ใช้สัก บันทึกค่าสีที่ใช้ ก่อนลงมือสัก ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ในการทํา ขึ้นอยู่กับความกว้างของบริเวณที่ทํา โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 5-20 นาทีค่ะ

สักรักษา
ภาพจาก microartmakeup.com

ข้อจํากัด
แผลเป็นที่ยังใหม่อยู่ ไม่สามาถทําได้ ต้องเป็นแผลที่อยู่ตัวและเซลล์ผิวหนังบริเวณนั้นไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว (เป็นปีขึ้นไป) และต้องเป็นแผลที่ไม่กว้างมากนัก แพทย์จะดูว่าแผลใหญ่ขนาดไหน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่เป็นด้วย เช่นแผล 10 ซม. ถ้าเป็นที่หน้าก็เรียกว่าใหญ่ แต่ถ้าเป็นที่หลังก็ไม่ใหญ่มาก เพราะหลังทําแล้วอาจจะดูกลืนกับผิวบริเวณข้างเคียง เพราะเป็นพื้นที่ใหญ่ จึงต้องประเมินตําแหน่งที่เป็น กับขนาดของ
แผลให้สัมพันธ์กัน ในแผลที่ใหญ่ การเกลี่ยสีให้กลืนกับผิวหนังจะทําได้ยากขึ้น นอกจากนี้ การสักด้วยสีเนื้อ (เพื่อปิดแผลเป็น) ไม่สามารถลบออกด้วยเครื่องเลเซอร์ได้ ต้องรอให้จางไปเอง (โดยเฉลี่ยประมาณ 3-5 ปี)

••••••••••••••••••••••••••••

หลังทํา เราอาจจะรู้สึกแสบบริเวณที่ทําเพียงเล็กน้อย ควรเว้นการโดนน้ำประมาณ 3 วัน ไม่ควรปิดแผล และควรทายาให้แผลชุ่มชื้น บางบริเวณ เช่น การสักปาก สักตา อาจะมีการบวมบ้างประมาณ 1-2 วัน ให้ประคบเย็นเพื่อลดบวม สามารถทํางานได้ตามปกติ หลังสักประมาณวันที่ 2 แผลจะเริ่มตกสะเก็ดและลอกออกค่ะ

 

เนื้อหาโดย Dodeden.com

เรื่องน่าสนใจ