กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา บุกรวบหมอเถื่อน ลักลอบใช้คอนโดมิเนียม ย่านบางเขนเป็นฐานฉีดสารเสริมความงาม พบเคยต้องโทษมาแล้วแต่ยังกลับมาทำผิดซ้ำซาก สั่งลงดาบทันที 4 ข้อหา พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีต่อ

 

กรม สบส

 

วันนี้ (1 ตุลาคม 2562) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ด้วยกรม สบส.ได้รับการประสานจากขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ในการบุกจับหมอเถื่อนซึ่งลักลอบใช้คอนโดมิเนียม ย่านบางเขนเป็นฐานฉีดสารเสริมความงาม จึงได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากกองกฎหมาย กรม สบส.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านบางเขน โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นของพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ พบว่าหมอเถื่อนรายนี้ซึ่งมีฉายาว่า “หมอป็อป” เคยต้องโทษมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อพ้นโทษออกมากลับมาทำผิดซ้ำซากเช้าห้องพักในคอนโดมิเนียม เปิดเป็นคลินิกเถื่อน ลักลอบให้บริการฉีดสารเสริมความงาม อาทิ โบท๊อกซ์ ฟิลเลอร์ ฯลฯ โดยมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่ฯจึงแจ้งข้อหาในเบื้องต้นทันที 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1)ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2)ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3)จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ4)จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนนำตัวผู้กระทำผิดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนดให้การศัลยกรรมหรือฉีดสารเสริมความงามประเภทต่างๆ จะต้องกระทำโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมและทำในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หากกระทำโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญ หรือทำในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้รับบริการได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยก่อนรับบริการทางการแพทย์ทุกชนิด ขอให้ตรวจสอบหลักฐาน 4 ประการ ซึ่งประกอบด้วย 1.ป้ายชื่อคลินิกต้องแสดงเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก 2.มีการแสดงใบอนุญาตเปิดกิจการคลินิก 3.มีการแสดงหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมคลินิกที่เป็นปีปัจจุบัน 4.มีการแสดงหลักฐานของแพทย์ที่ให้บริการในคลินิก ทั้งชื่อ-นามสกุล และภาพถ่ายติดที่หน้าห้องตรวจ และเพื่อความมั่นใจให้ตรวจสอบชื่อคลินิกที่เว็บไซต์สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรม สบส. (www.mrd-hss.moph.go.th) และตรวจสอบชื่อแพทย์ที่เว็บไซต์แพทยสภา (www.tmc.or.th) หากไม่พบรายชื่อหรือแสดงหลักฐานไม่ครบถ้วนไม่ควรรับบริการโดยเด็ดขาดและหากอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ขอให้แจ้งเบาะแสมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรม สบส.หมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7057 แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาคก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ในวันและเวลาราชการเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

เรื่องน่าสนใจ