เป็นนางเอกสาวที่มีกระแสอยู่ตลอด เมื่อพูดถึง “แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ล่าสุดกับกรณี ช่อง 7 สี ร่อนจดหมายชี้แจงให้พ้นจากการเป็นนักแสดงในสังกัด ก็กลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ ล่าสุดเจ้าตัวขอเปิดใจแบบหมดเปลือกในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทาง “ช่อง 2” พร้อมเผยคุยกับสามี “โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ถึงการพับโครงการมีทายาท
หมดสัญญากับช่อง ?
“ยังไม่ได้หมดสัญญาค่ะ แต่เราก็ยุติกัน เราคุยกันตกลงกันด้วยดีค่ะ แล้วก็จบกันอย่างราบรื่น”
ขอบคุณพระเจ้าเหมือนประชดประชัน ?
“บางคนจะเข้าใจอย่างนี้ค่ะว่าหลังจากยกเลิกสัญญาจะมีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ แต่ว่าอันนี้อธิบายไว้ก่อนว่าสำหรับโมแล้วการยกเลิกสัญญาคือสิ่งที่ดีกว่าก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ดูแย่หรืออะไรนะคะ แต่หมายถึงว่าบางครั้งเราอธิฐานไว้ในระดับหนึ่ง แต่พระเจ้าประทานสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าให้ คือการที่เรายกเลิกสัญญากันแล้วเป็นไปด้วยความราบรื่น”
คนมองอาจจะไปที่อื่น ?
“อันนี้ที่คนเข้าใจอาจจะเป็นเพราะเราไปเล่นละครที่อื่นก็เลยถูกยกเลิกสัญญา แต่จริงๆ แล้วละครเรื่องเพลิงดาว ช่อง 7 เป็นคนอนุญาตให้ไปเล่น ตอนนั้นที่รับเรื่องเพลิงดาวก็ขออยู่นานพอสมควร หมายถึงว่าขอแล้วช่องพิจารณาอยู่นานมากเลยค่ะ กว่าจะอนุญาต แล้วตอนนั้นก็ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องยกเลิกสัญญาอะไรใดๆ เลยทั้งสิ้นค่ะ”
ดาราในช่องมองว่าทำไมโมไปเล่นช่องอื่นได้ ?
“ใช่… ก็กลายเป็นหลายมาตรฐานรึเปล่า พอมีเหตุการณ์แบบนี้เราก็เลยคุยกันว่าเราก็ไม่สบายใจกันทั้ง 2 ฝ่าย ทางผู้ใหญ่ก็คุยกันว่าอย่างนี้ไม่ต้องพิจารณาเคสบายเคสจนปวดหัวไปหมดเหรอ เดี๋ยวคนโน้นมาขอ คนนี้มาขอ ส่วนตัวโมเองก็ไม่อยากจะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเขาอยากจะออกไปแบบโมบ้าง ก็เลยคุยกันว่าเราจะเอายังไงกันดี ถ้างั้นเราเหลือสัญญากันอีกแค่นิดเดียวแล้วก็กว่าจะถ่ายเพลิงดาวจบมันก็หมดสัญญาพอดี ดังนั้นทางช่องให้โมเป็นอิสระในการตัดสินใจรับงานดีกว่า”
เป็นความต้องการของเราเอง ?
“ทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกัน เพราะว่าโมได้ยื่นข้อเสนออีกข้อเสนอหนึ่งไปว่าถ้าเกิดมันมีปัญหาแบบนี้ยังไงโมก็ต้องเลือกช่อง 7 ก่อน โมก็ถามว่าหรือว่าจะไม่ให้โมเล่นเพลิงดาวก็ได้ แต่ด้วยความที่ผู้ใหญ่ก็เข้าใจค่ะว่าเราไปฟิตติ้งแล้ว มันมีการเสียค่าใช้จ่ายในการทำงานไปแล้ว เรามีการตกลงกันแล้วซึ่งในระดับผู้ใหญ่แล้วมันเสียคำพูดกันไม่ได้ ก็เลยเกิดความเสียหายมากกว่า เพราะฉะนั้นเราก็เลือกทางที่มันเสียหายน้อยที่สุดก็คือการยกเลิกสัญญากันดีกว่า”
มาที่เรื่องโตโน่กันบ้าง ตกลงเป็นสามีภรรยากันแล้วเหรอ ?
“ก็แต่งงานกันแล้ว”
จริงเหรอ ไม่เห็นใส่ชุดวิวาห์ ?
“เราจัดงานวิวาห์แบบคุณค่าทางจิตใจมากกว่าคุณค่าทางสังคม”
ประหยัด ไม่จัดเลี้ยง ?
“ประหยัดตังก์(หัวเราะ) จริงๆ แล้วคือ ในทางศาสนาเราแค่มอบชีวิตเราให้องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำตามพิธีถูกต้อง ผู้ชายให้เกียรติผู้หญิง ผู้หญิงให้เกียรติผู้ชาย แค่นั้นเองมันก็จบสิ้นพิธีการแล้ว ส่วนเลี้ยงใหญ่โต พิธีฉลองมงคลสมรสโมว่ามันเปลือง”
ไม่คิดว่าจะเป็นคนเค็ม ?
“คิดดูจัดงานแต่งงานใช้เงินล้านนะคะ มันไม่รู้จะเอาไปปรนเปรอทำไมในเมื่อเราแค่รักกัน แล้วก็อยากจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน”
วางแผนชีวิตครอบครัวยังไง ?
“ก็วางแผนว่า ตอนแรกยังไม่มีการยกเลิกสัญญาใช่ไหมคะ ก็กะจะเล่นสัก 2 เรื่องแล้วก็มีน้อง จริงๆ พร้อมแล้วก็อยากมีกันตั้งนานแล้ว อยากเป็นคุณพ่อคุณแม่ยังสาว ยังหนุ่ม แต่ว่าพอเราเริ่มต้นชีวิตใหม่การเป็นอิสระ(นักแสดงอิสระ) ก็มีหนทางการทำงานเข้ามาให้เลือกมากมาย ทีนี้ก็เลยอยากจะลุยกับตรงนี้ พี่โน่เองก็มีโปรเจ็คต์ที่จะทำอีกหลายๆ อย่าง ทั้งธุรกิจของเขาแล้วก็เพลงของเขา เหมือนกับเราได้ก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นขอเวลาตรงนี้ก่อนค่อยมีน้อง”
มีงอนมีเหวี่ยงกันไหม ?
“ตอนนี้ก็เติมความหวานให้กันเรื่อยๆ ไม่ทะเลาะกันแล้วค่ะ”
อยากมีลูกตอนอายุเท่าไหร่ ?
“เมื่อก่อนเคยคิดว่าอยากจะมีตอน 27 ตอนนี้ก็เลยมาซักพักหนึ่งแล้ว แล้วก็ต้องเลื่อนออกไปอีกแล้วก็คง 30 กว่าๆ”
โตโน่บอกไหม อยากมีลูกกี่คน ?
“ 2 คน”
มีแฝดทีเดียวแล้วกัน ?
“อยากมีแฝด ใช่ค่ะ โมอยากได้แฝด แต่พี่โน่อยากได้พี่กับน้อง พี่โน่อยากได้ผู้ชาย โมอยากได้ผู้หญิงค่ะ”
ติดตามบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ได้ทางช่อง 2