หลังจากที่พิธีกรหนุ่มอารมณ์ดี “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ออกมายอมรับว่าไม่ได้ช่วยอดีตภรรยา “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ผ่อนค่าบ้านและส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ลูก เพราะตอนที่ซื้อบ้านเจ้าตัวเป็นฝ่ายออกเงินก้อนใหญ่ไปกว่า 11 ล้านบาท ซึ่งพออดีตภรรยาตัดสินใจไม่ขายบ้านซึ่งเคยเป็นเรือนหอราคา 29 ล้าน ตนจึงยกเงินก้อนนั้นเป็นค่าเลี้ยงดูล่วงหน้าให้ โดยภายหลังเจ้าตัวโดนจวกเละว่าไม่แมนเอาเสียเลย
ล่าสุดตุ๊กได้มาร่วมงานแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่นใหม่ของชุดชั้นในไทรอัมพ์ในงาน Forever Young ณ ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน พระราม 9 เจ้าตัวก็ยอมรับว่าต้องกลับมารับงานมากขึ้น เรียกว่ารับหมดเกือบทุกงาน เพราะภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเป็นหลักแสน ทั้งค่าผ่อนบ้านและเลี้ยงดูลูกๆ อีกสองคน ส่วนบ้านที่ตนไม่ยอมขาย ตอนนี้ผ่อนจนมีหนี้ไม่ถึง 7 ล้านแล้ว
“กลับมาเล่นละครอีกครั้งหลังจากที่หายไป 2 ปีค่ะ เรื่อง ครอบครัวตึ๋งหนืด ตืดขั้นเทพ ตอนนี้ก็ต้องรับงานมากขึ้นแหละ แต่ก็ยังอยู่ในปริมาณที่เราต้องดูแลลูกได้ด้วยค่ะ ตอนนี้ยังจัดการได้อยู่ ถ้าไม่ได้ยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากัน คือก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองจะทำไปได้ตลอดนะคะ แต่ตอนนี้ยังโอเคอยู่ก็ทำไปก่อน ตอนนี้ก็มีงานเป็น MC เป็นแอมบาสเดอร์ มีงานอีเวนต์ พิธีกรรายการ แล้วก็มีละครเรื่องหนึ่ง แล้วก็เดินแบบบ้างประปรายค่ะ แต่ปกติก็รับประมาณนี้อยู่แล้วค่ะ ก็ถ้างานที่ติดต่อมาแล้วเราทำได้ ถ้าเหมาะกับเรา เหมาะกับเวลาที่เรามีก็รับหมดค่ะ”
“เรื่องภาระตอนนี้มันก็ไม่ได้เบาหรอก แต่เราก็ยังมีแรงก็ทำดูก่อน แต่ถ้าไม่ไหวยังไงเดี๋ยวค่อยมาปรับแผนกันอีกทีตอนนี้ทำได้ก็ทำไปก่อน เพราะแต่ละเดือนเราก็มีค่าใช้จ่ายเป็นหลักแสนเนอะทั้งค่าบ้านและการเลี้ยงดูลูก แต่ก็ยังพอหาได้อยู่ค่ะ ในส่วนของพี่บ๊วยเขาก็งดเรื่องของการผ่อนบ้านกับค่าเลี้ยงดูไปเท่านั้นเอง แต่เขาก็ยังมีเรื่องของค่าเทอมและค่าประกันลูกที่อยู่ในสัญญาที่เขาต้องรับผิดชอบ เขาก็ยังทำอยู่ค่ะ”
“คือจริงๆ แล้วเขาต้องได้ในส่วนที่ถ้าขายบ้าน แต่พอไม่ได้ขายเขาก็ไม่ได้ส่วนนั้น เขาก็ถือว่าปรับส่วนนั้นไปเป็นค่าเลี้ยงดูล่วงหน้าไป แต่ถามว่าตุ๊กโอเคไหม มันก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เราตกลงกันนะ มันไม่ได้มีอะไรถูกใจใครไปซะทั้งหมดหรอกค่ะ แต่ก็โอเคอะไรช่วยกันได้ก็ช่วยกัน อันไหนเรารับได้ทำเองไหวก็ลองทำเองดู เพราะเขาก็ไม่ไหว ซึ่งตอนนี้ในส่วนของค่าผ่อนบ้านก็เหลือไม่ถึง 7 ล้านแล้วค่ะ”
“ตุ๊กคงไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนั้นนะคะ แต่แค่คิดว่าเขาคงอยากอธิบายเหตุผลอยากให้คนอื่นเข้าใจว่าเพราะอะไร เพราะตุ๊กก็อธิบายความหมายเดียวกัน ก็แค่อยากให้เข้าใจว่าเขาทำหรือไม่ทำอะไร แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรเพิ่มเติมในส่วนของการช่วยเหลือกันนะคะ เพราะคุยกันไปจบแล้ว จริงๆ แล้วสัญญาก็ยังทำไม่เรียบร้อยนะ แต่คุยกันไปจบแล้ว ก็คงไม่มีอะไรเพิ่มเติมค่ะ จริงๆ แล้วทุกอย่างมันต้องจัดการตั้งแต่วันหย่าแล้วค่ะ เพราะนี่ก็หย่ามา 2 ปีแล้ว ก็มีเรื่องบ้านนี่แหละที่เปลี่ยนแปลง เพราะในสัญญาจริงๆ ต้องขาย แต่ตุ๊กไม่ยอมขายเอง”
“พี่บ๊วยเขาก็ยังมาหาลูกตลอดค่ะ เขาก็จัดเวลาของเขาค่ะ มาทุกอาทิตย์ๆ ละหลายๆ วัน เขามาเจอลูกเรื่อยๆ อยู่แล้ว ก็จะมีวันที่เขามารับลูกไปค้างบ้านเขาบ้างตามคิวเขา ทุกอย่างอยู่ในจุดที่เรายอมรับกันไปแล้ว ได้เท่าไหนก็เท่านั้น และก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจตุ๊กมาตลอดนะคะ เพราะเป็นส่วนใหญ่ส่วนหนึ่งเลยที่ทำให้เรามีพลังขึ้นมา ทำให้เรารู้สึกดีเพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้จักเราส่วนตัว แต่เขาก็อุตส่าห์เอ็นดูเรา เอ็นดูลูกๆ ก็ขอบพระคุณมากๆ เลยค่ะ (ยิ้ม) แต่ชีวิตก็คงไม่ได้ราบรื่นตลอดไปหรอกเนอะ มันก็คงมีปัญหาใหม่ๆ เข้ามาอยู่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมรับจะได้มีแรงสู้ต่อไป (ยิ้ม)”
“ก็เป็นธรรมดานะที่ผู้หญิงโสดก็ต้องมีคนเข้ามาอยู่แล้ว แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ไปถึงไหน เพราะไลฟ์สไตล์เรา เวลาของเราไม่ได้จะไปโฟกัสเรื่องนี้ ถ้าจะมีก็หยุดอยู่แค่เพื่อน หรือไม่มีเลย พูดแล้วก็เศร้านะ (หัวเราะ) คือเราเองก็ยังไม่ได้มีเวลารีแลกซ์ขนาดนั้นด้วย ก็คงรอให้ลูกโตกว่านี้ เข้าโรงเรียนก่อน เพราะเด็กเล็กต้องอยู่ในความดูแล 24 ชั่วโมงเลยค่ะ”
ที่มา : www.manager.co.th