dr.voravit

“โลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ มีแต่พอใจและไม่พอใจ เรื่องการศัลยกรรมความงามก็เช่นกัน หากทำแล้วมีความสุข ทำแล้วรู้สึกว่าชีวิตมั่นใจขึ้น ก็ทำได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ต้องถูกต้อง เหมาะสม และทำให้พอดี” 

…เป็นเสียงจาก “นพ.วรวิทย์ พูลสุวรรณ” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงาม ที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการนี้นานกว่า 13 ปี ที่พูดถึงกรณี “ศัลยกรรม” ซึ่งเป็น “กระแสฮิต” ไว้อย่างน่าคิด ทั้งนี้ นอกจากความเชี่ยวชาญเรื่องความสวย-ความงามแล้ว กับเรื่องราวชีวิตของคุณหมอท่านนี้ก็ยังมีแง่คิด-แง่มุมน่าสนใจ กว่าจะมาเป็น…และกับการเป็น “คุณหมอศัลยกรรมชื่อดัง” ในวันนี้ ซึ่งทีมงานคอลัมน์ “วิถีชีวิต” มีเรื่องราวมานำเสนอ…

**********

“นพ.วรวิทย์ พูลสุวรรณ” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำ “เสนาเวชการคลินิก” เล่าว่า… เกิดกรุงเทพฯ แต่โตที่ จ.นครสวรรค์ ด้วยความที่คุณพ่อเป็นหมอ ทำให้ตั้งเป้าว่า… จะขอเดินตามเส้นทางคุณพ่อ หลังเรียนจบไฮสคูลที่สหรัฐอเมริกาก็เดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อเรียนต่อที่คณะแพทยศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า เมื่อเรียนจบก็ทำงานเป็นแพทย์อายุรกรรม ก่อนลาออกและบินไปเรียนต่อที่อเมริกาอีกครั้ง ด้านศัลยกรรมและคอสเมติก อยู่ที่นั่น 5 ปี จึงกลับไทย โดยเรียนเพิ่มในสาขาแพทย์เฉพาะทางด้านโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา (หู คอ จมูก) ในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อีก 3 ปี หลังเรียนจบก็ทำงานเป็นหมอด้านหู คอ จมูก และศัลยกรรมเรื่อยมา แต่แล้ววันหนึ่งก็ถึงจุดเปลี่ยน เมื่อสังเกตเห็นว่า… ศัลยกรรมเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในไทย บวกกับการได้ศึกษาดูงานจากต่างประเทศมา จึงตัดสินใจว่า… จะทำงานเต็มตัวด้านนี้ โดยได้เปิดคลินิกมาตั้งแต่ปี 2544 นับจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว…

“ตัดสินใจจากแรงจูงใจหลายอย่าง จริง ๆ การทำงานที่ผ่านมาผมก็คลุกคลีเกี่ยวกับด้านนี้มาตลอด ตั้งแต่ตอนเป็นหมอหู คอ จมูก บางเคสก็ต้องเข้าไปแก้ไขใบหน้าคนไข้ เช่น กรณีดั้งหัก ภายในช่องปาก ภายในหู ซึ่งพบว่า… การศัลยกรรมไม่เพียงช่วยแก้ไขอาการเจ็บป่วย แต่ช่วยสร้างความมั่นใจในชีวิตให้คนไข้ได้ด้วย” 

คุณหมอวรวิทย์ กล่าวว่า… ศาสตร์ของศัลยกรรมความงามและคอสเมติกนั้น มีความเป็น “ศิลปะ” ด้วย โดยเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่มีเรื่องความสวยงามและหลักวิชาการแพทย์ควบคู่กันไป

“การทำให้คนมั่นใจจนมีความสุขได้ เป็นความรู้สึกที่ดีมาก จึงคิดว่าคงเหมาะกับงานด้านนี้ ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพด้วย เวลามองคนไข้ มองเหมือนคนทำงานศิลปะ คิดว่าจะทำเช่นไรให้งานออกมาดีที่สุด”

ทั้งนี้ กระแสศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน ที่บางครั้งเกินขอบเขต-รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนเกิดเป็นกระแสครึกโครมเชิงลบหลายครั้งนั้น กับเรื่องนี้ คุณหมอวรวิทย์ ระบุว่า… ตามหลักวิชาการแพทย์ทุกคนต้องพูดคุยและทำความเข้าใจกับคนไข้ก่อนการผ่าตัดทุกครั้ง เพื่อตรวจสอบและค้นหาความต้องการที่แท้จริงของคนไข้ จากนั้นแพทย์จะพิจารณาดูว่า… สิ่งที่คนไข้ต้องการทำนั้น ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ ทำแค่ไหนถึงจะพอดี ตรงนี้ต้องพูดคุยกันก่อนเพื่อให้เข้าใจตรงกัน

“ท้ายที่สุดเราจะบอกทุกคนว่า…ในโลกนี้ไม่มีอะไรเพอร์เฟกต์หรือสมบูรณ์แบบที่สุดหรอก ที่มีคือพอใจ ไม่พอใจ มีความสุข ไม่มีความสุข” …คุณหมอวรวิทย์ ระบุถึงกระแสการศัลยกรรม ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม คุณหมอระบุว่า… ปัจจุบันที่สังคมไทยยอมรับเรื่องนี้มากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะเทคโนโลยีและวิทยาการด้านนี้ที่พัฒนา ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่หรือผิดปกติอะไร ถือเป็นธรรมชาติด้านหนึ่งของมนุษย์ ที่ต้องการดูดีเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น แต่ก็ต้องทำอย่างพอดี…ไม่มากเกินไป โดยคุณหมอกล่าวว่า… “ถ้าคิดทำเพื่อให้เหมือนกับดาราคนนั้นคนนี้ จุดนี้ไม่ใช่แล้ว คือไม่ได้ปรับปรุงในส่วนที่ควรแก้ไขของตัวเอง แต่ทำเพื่อให้เหมือนคนอื่น ซึ่งบางคนขาดความเป็นตัวเองไปเลย ทำจนจำตัวเองไม่ได้ ถือว่าเกินขอบ เขต”

เรื่อง “อายุคน ไข้” ที่ผ่านมาก็เป็นอีกเรื่องที่สังคมเกิดคำถาม เรื่องนี้ นพ.วรวิทย์ กล่าวว่า… อายุที่เหมาะสมคือ 20 ปีขึ้นไป เพราะเริ่มจะสามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ส่วนบางรายที่อายุไม่ถึง พิจารณาแล้วว่ายังไม่สามารถทำงานหาเงินเพื่อมาทำศัลยกรรมเองได้ ก็ต้องขอคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองก่อน ต้องได้รับความเห็นชอบก่อน ถึงจะรับเป็นคนไข้

“มีหลายเคสที่ไม่ทำให้ สุดท้ายเขาไปทำกับคนอื่น ที่สุดก็สูญเงินเป็นแสน วันหนึ่งเขาก็กลับมา

บอกว่า… รู้อย่างนี้เชื่อหมอดีกว่า ซึ่งกรณีนี้พบบ่อยมาก ถามว่าผมทำได้ไหม ทำได้ แต่ได้ไม่คุ้มเสีย อีกอย่างผมทำคลินิกนี้ให้แตกต่างจากที่อื่น ไม่โฆษณา ไม่มีเว็บไซต์ มีแต่เฟซบุ๊กใช้ตอบคำถามคนไข้ โดยผมตอบเอง และไม่มีการติดป้ายเชิญชวน เพราะผมถือว่าแพทย์เท่านั้นที่พิจารณาได้ว่า… ควรทำหรือไม่ควรทำ จุดนี้เป็นนโยบายที่สำคัญ”

ถึงกระนั้น หากมองในแง่สังคม กรณีนี้เกิดขึ้นมาจากหลายปัจจัย โดยสาเหตุที่วัยรุ่นนิยมทำศัลยกรรมนั้น คุณหมอบอกว่า… เหตุผลง่าย ๆ คือเพื่อให้เหมือนดาราที่ชื่นชอบ ที่วัยรุ่นยกเป็น “ต้นแบบชีวิต” ส่วนอีกปัจจัยก็อาจเกิดจาก “โฆษณาที่เกินจริง” ที่เป็นตัวเร้าหรือกระตุ้นให้คนหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากเกินไป จนตกเป็นเหยื่อ-หลงกล “มิจฉาชีพ-คนที่ไม่รู้จริง” จนเกิดปัญหา ซึ่งในฐานะแพทย์ อยากฝากถึงคนที่คิดทำศัลยกรรมว่า… ควรทำความเข้าใจ อย่าคาดหวังสูง และคนเราไม่จำเป็นต้องสวยหล่อเหมือนกับใคร แต่ควรเป็นตัวเองจะดีที่สุด เพราะความต้องการของคน บางทีก็ทำให้มองข้าม “มุมลบ” บางด้านไป ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ล้วนเกิดจาก “ความไม่พอดี-การไม่ยึดทางสายกลาง” ทั้งสิ้น…

“คนเราต้องการสร้างความเชื่อมั่น จึงเลือกทำศัลยกรรม แต่ถ้าทำแล้วไม่เข้ากับตนเอง หรือทำแล้วมีคนทักว่าไม่สวย สุดท้ายก็เกิดความไม่มั่นใจอีก จนต้องทำใหม่ เท่ากับว่าปัญหาวนกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีก ผมคิดว่าอย่าไปกังวลเกินไป ถ้าอยากทำก็ควรทำแต่พอดี ให้เข้ากับตัวเอง อย่าถึงกับผิดเพี้ยนจนมากเกินไป”

*********

ทั้งนี้ ทิ้งท้ายเรื่อง “การทำศัลยกรรม” คุณหมอวรวิทย์ กล่าวว่า… “บางคนที่เขาทำเพราะต้องทำ เพราะเขามีความทุกข์ อย่างเช่นเคสหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่ทุกข์เพราะปัญหาสิวที่อักเสบเต็มใบหน้า ทำให้เครียด ไม่กล้าใช้ชีวิต หน้าที่ของผมก็คือ ทำให้เขาหลุดพ้นจากความทุกข์นั้น รักษาให้เขา คืนความมั่นใจให้เขาใช้ชีวิตได้ แต่ไม่ใช่สร้างให้เขาเป็นดาราเกาหลี แบบนี้เป็นไปไม่ได้ และผมเองก็ไม่ทำ เพราะมันเกินจากความเป็นธรรมชาติไป… ที่ผมคาดหวัง คือทำอย่างไรให้คนทำศัลยกรรมอย่างพอเพียง เพราะเรื่องนี้ถ้าทำมากไปก็เป็นผลเสีย เสียเวลา เสียเงิน และยิ่งส่งผลทำให้ผู้คนหลุดจากความเป็นจริงไปเรื่อย ๆ…

ทำแต่พอประมาณ…ดีที่สุด” .

‘คุณหมอโรบินฮู้ด’

นพ.วรวิทย์ พูลสุวรรณ สมรสกับ คุณชนิตา รักกสิกรณ์ และมีทายาทคล้องใจ 1 คน คือ น้องชนวีร์ พูลสุวรรณ ทั้งนี้ แม้จะเป็นหมอด้านความสวยความงาม แต่อีกมุมคุณหมอวรวิทย์ก็สนใจการทำงานด้าน “จิตอาสา” มาก หากมีโอกาสก็จะลงพื้นที่ชนบทห่างไกลเพื่อตรวจรักษาโรคให้ประชาชน ซึ่งการสนใจทำงานด้านจิตอาสานี้ เกิดขึ้นเมื่อตอนที่มีโอกาสออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่กับ “มูลนิธิแสง-ไซ้กี เหตระกูล” เมื่อในอดีต โดยได้ติดตาม ศ.นพ.เทพพนม เมืองแมน ไปทำงานร่วมกับมูลนิธิฯ และอีกส่วนก็เกิดจากความชอบถ่ายภาพและเดินป่า ที่ก็ช่วยจุดประกายเรื่องนี้ด้วย

“ผมเคยเห็นภาพที่จำติดตา คือที่ดอยเชียงดาว ตอนนั้นเดินป่าไปเจอชาวเขาคนหนึ่ง ที่เขาเสพฝิ่นเพราะเชื่อว่าจะช่วยรักษาอาการป่วยได้ ตอนนั้นคิดว่าจะช่วยเขาได้ยังไง ก็เก็บไว้ในใจ จนเมื่อได้ติดตามอาจารย์เทพพนมไปออกหน่วยแพทย์ ทำให้รู้ว่าเราทำเรื่องนี้ได้ จึงเริ่มต้นด้วยเงินทุนส่วนตัว โดยจัดหน่วยแพทย์เล็ก ๆ

ออกไปรักษาให้ชาวบ้านตามหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ห่างไกล เรื่องนี้ทำให้ผมมีความสุขที่สุด

เหมือนเป็นโรบินฮู้ด (หัวเราะ) เราทำงานกับคนที่มีกำลังทรัพย์เรื่องความสวยความงาม และเอากำไรที่เกิดจากตรงนี้ตอบแทนส่งต่อไปสู่คนที่เขาขาดแคลนและต้องการความช่วยเหลือ ผมพยายามออกหน่วยให้ได้อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับเวลาที่มี สิ่งที่ทำตรงนี้ก็ไม่แตกต่างจากงานประจำที่ทำ เพราะศัลยกรรมความงามเราทำให้คนมีความสุข ส่วนตรงนี้ก็ช่วยให้คนพ้นจากความทุกข์ ซึ่งสร้างความสุขใจให้เราได้ทั้งคู่”.

 ที่มาจาก เดลินิวส์

เชาวลี ชุมขำ :เรื่อง

สันติ มฤธนนท์ :ภาพ

เรื่องน่าสนใจ