ถูกยกให้เป็นพ่อพระแห่งยุคนี้ สำหรับหนุ่ม กรรชัย กับการช่วยเหลือสังคม และบทบาทผู้ประกาศข่าวที่ทำเอาเจ้าตัวกลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง ที่วันนี้จะมาเปิดเผยทุกประเด็นตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการมาเป็นผู้ประกาศ เจอดราม่าถูกหาว่าสร้างภาพ เป็นมาเฟียในวงการสื่อ ผ่านทางรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ที่มีธัญญ่า ธัญญาเรศ และนุ้ย สุจิรา เป็นพิธีกร
ไปตรวจโควิดผลออกมายังไง?
หนุ่ม : ไม่เป็น ตัวพี่เองความเสี่ยงต่ำ แต่ก็เสี่ยงเพราะทำงานในตึกเดียวกับน้องที่ติด ทางบริษัทเองเขามีมาตรการป้องกันอยู่แล้วคือพ่นยาทุกชั้น ควบคุมบุคคลเข้าออก ตรวจแหย่จมูก แต่ผลออกมาแล้วคือเป็นลบ ทำงานอยู่ชั้นเดียวกับน้องและมีโอกาสได้เจอกัน
กลัวมั้ยตอนนั้น?
หนุ่ม : ไม่กลัวนะ เพราะเราทำงานตรงนี้มานาน อยู่กับโควิดนามานนนมากปีนึงแล้ว เราทำข่าวอ่านข่าวทำตามมาตรการและเตือนคนอื่นด้วย เลยเบาใจในเรื่องมาตรการป้องกันตัวเองอยู่แล้ว เราล้างมือตลอดถ้ามีเชื้อเข้ามาได้คือเก่งมาก ถ้าติดก็คงจะบันเทิง หลายภาคส่วนมากเลย
จากพิธีกรข่าวบันเทิง เป็นดารา มาเริ่มต้นเป็นผู้ประกาศข่าวได้ยังไง?
หนุ่ม : มีโอกาสได้ทำรายการเชิงข่าวก่อนหน้านี้จนรายการปิดฉากไป ก็มีรายการอื่นจากวาไรตี้ข่าวมาเป็นฮาร์ดทอล์ค จนได้มาทำโหนกระแส และผลตอบรับดีมาก ผู้บริหารเรียกเราไปคุยถามว่าอยากเป็นผู้ประกาศมั้ย เราไม่อยากเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่เราขอไปนอนคิดดูก่อน เราเป็นคนสัมภาษณ์คนคืออยากรู้เรื่องของเขา แต่อ่านข่าวคือเอาเรื่องของครอื่นไปเล่าให้ฟังมันต่างกันนะ ความเคยชินมันไม่มี คิดว่าเรายังไม่อยากทำ จนผู้ใหญ่ถามมาอีกเราคิดว่าเป็นโกาสของเรา โอกาสแบบนี้ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะกลับมาหรืออาจไม่มีอีก แต่ถ้าเราทำมาไม่ดีค่อยถอย แต่พอเรามาทำรู้เลยว่ามันช่างเป็นโอกาสที่โชคดีมากเลย และเราอยากหยิบยื่นโอกาสนี้ให้ประชาชรเหมือนกันคือการเป็นกระบอกเสียงให้กับเขา
ตอนแรกๆมีดราม่า?
หนุ่ม : ต้องยอมรับว่าเราเองเป็นคนบันเทิงมาก่อน เล่นละครมาก่อน ทำมาทุกอย่างในวงการ มันฝังรากลึก พอเรามาเป็นผู้ประกาศอาจจะมีคนจับจ้องและไม่ยอมรับเรา มีคนดูถูก ว่าเป็นสื่อตัวปลอม เราชอบเวลาคนด่า เพราะยิ่งพูดเราจะหยิบตรงนั้นมาเป็นแรงเสริมเรา แล้วคิดว่าแล้ววันนึงจะทำให้เห็นและดีกว่า คนในวงการก็มี คำพูดที่รับไม่ได้เลยที่เค้าว่าคือสื่อเป็นสื่อกลางได้แต่เป็นคนกลางไม่ได้ เรื่องนี้เคยเกิดที่ช่วยกรณีแพรวาที่ขับรถชนบนโทเวย์ เราเป็นคนเอาเงินจากแพรวาไปจ่ายผู้เสียชีวิตช่วยคุย สุดท้ายมีคนออกมาพูดถึงเราว่าสื่อเป็นสื่อกลางได้แต่เป็นคนกลางไม่ได้ เรารู้สึกว่า จริยธรรมทางด้านความคิดไม่มีเลย รับอย่างเดียวไม่ได้มันต้องคืนให้สังคมบ้าง มันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเราเลย
เป็นพ่อพระแห่งยุคไปแล้ว?
หนุ่ม : อย่าใช้คำนั้นเลยครับ ผมพยายามพูดว่าตัวผมเองไม่ฝช่ซุปเปอร์แมน ช่วยใครทั้งประเทศไม่ได้อยู่แล้ว ช่วยในมุมที่พอจะช่วยได้ ทุกวันนี้มีคนส่งมาเยอะ เราก็ให้คนไปเช็กก่อนก็เข้าไปช่วยเหลือ
มีคนเปรียบเทียบกับคุณสรยุทธิ์
หนุ่ม : เปรียบเทียบไม่ได้เลย ต้องทำความเข้าใจด้วยว่าไม่มีใครเป็นใครได้ ทุกคนมีแนวทางของตนเอง แค่บังเอิญโอกาสของเราพี่ยุทธไม่ได้อยู่ตรงนี้ พี่ยุทธเป็นครูเราคนนึง มีอะไรก็ปรึกษาเขา ทุกคนมีคุณค่าในตัวเองไม่ต้องยกหางผม
กลัวมั้ยว่าถ้าพี่ยุทธกลับมาแล้วเราจะตก?
หนุ่ม : ผมรอพี่ยุทธกลับมาครับ ผมอยากมีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่ยุทธจริงๆจัง ที่ผ่านมาผมเนียนรู้จากพี่เขา มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมผมก็บอกว่าผมรอพี่เขา พี่ยุทธกลับมาเขาเป็นที่หนึ่งอยู่แล้วเราเป็นรุ่นหลัง
มีคนบอกว่าช่วยเหลือสังคมสร้างภาพ?
หนุ่ม : ผมไม่เคยไปบอกว่าผมทำอะไร ให้เงินทุนการศึกษาลูกของลัลลาเบล 2 ปีแล้ว ผมก็ไม่เคยบอกแต่ที่มันหลุดออกมาเพราะเขาถ่ายรูปแล้วแอบเอาไปลงมันถึงเป็นข่าวออกมา ผมไม่ชอบการสร้างภาพ
เป็นมาเฟียวงการสื่อ ห้ามทำให้โกรธ?
หนุ่ม : เรื่องนี้มดดำพูดเอง มันมีลูกค้าที่จะซื้อแล้วดึงไปมา เราก็ปฏิเสธลูกค้าคนอื่นจนสุดท้ายไม่ซื้อ แล้วเขาไปซื้อรายการ เราบอกถ้ามีสินค้าตัวนี้เราไม่เข้ารายการ แต่สุดท้ายก็ได้คุยกัน ผมไม่ได้เคียดแค้นหรือโกรธ มดดำเลยว่าเราเป็นมาเฟียมีเรื่องกับเราไม่ได้
สรุปคนในวงการมีปัญหากับพี่ได้มั้ย?
หนุ่ม : มีได้ มีกันเยอะแยะ สมัยนี้ต่อหน้ายิ้มคล้อยหลังไปก็ด่ากันละ มานั่งเอาคำคนมาอยู่ในหัวเรา มันไม่ไหว
เป็นเรื่องชี้เป้าดารา พ.พาน?
หนุ่ม : เป็นเรื่องเลยเราไม่รู้เรื่องเลย เราทำรายการกับมดดำมันมีสคริปต์ แล้วมดดำเป็นคนอ่าน ดาราพ.พานขายช่วงล่าง 3 ล้าน มดดำก็อ่านไป เผอิญผมอยู่ในกลุ่มเพื่อน ละมีดารานี้ๆ แต่เราว่าไม่ใช่มั้ง สื่อก็เอาไปพาดหัวกันบอกว่ากรรชัยชี้เป้าว่าเป็นคนนี้ อันนี้เราไม่ได้บอกว่าเป็นใคร แค่บอกว่าเห็นคนพูดกันในกลุ่ม ปัจจุบันสื่อจั่วหัวแรง ละคนสมัยนี้อ่าน 3 บรรทัดเขาเชื่อเลยไม่ได้อ่านข้างใน
เจอแบบนี้อยากออกจากวงการบันเทิงเลย?
หนุ่ม : อยากเลิก พิธีกรบันเทิงอยากเลิก เพราพว่าวันนี้เราเดินทางมาอีกสายนึงแล้ว ข่าวเพื่อสังคมเป็นจริงเป็นจัง บันเทิงเราอยู่กันมานาน เราไม่อยากอ่านข่าวคนที่เรารักมันลำบากใจ กลัวเด็กมันไม่ไหว้ ตอนนี้มีอยู่ในความคิดยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร ถ้าเลิกไปเลยต้องยอมรับว่ารากเหง้าของเราคือคนบันเทิง เชื่อว่าคนเราถ้าไม่ลืมกำพืดตัวเองยังไงก็เจริญ ก็ยังทำข่าวบันเทิงอยู่
หัวอกลูกนอกสมรส?
หนุ่ม : เรื่องราวของพ่อแม่ในอดีต ระบบของกฎหมายครอบครัวการเซ็นรับรองบุตร ตอนนั้นพี่อยากให้ทางแมคเวลล์คุณไมค์รับรองเป็นบุตรซะ เพราะมันมีกฏหมายมาเกี่ยวข้อง เพราะพี่เองคุณพ่อไม่ได้เซ็น ตัวเราเองเป็นบุตรนอกสมรส พอคุณพ่อเสียมันมีเรื่องพินัยกรรม ธุรกรรมต่างๆ ความเจ้บปวดมันอยู่ตรงที่ทนายถามว่าพ่อรับคุณเป็นลูกหรือปช่าว เอาเอกสารมาดู แต่การเลี้ยงดู นามสกุลมันพอสูจน์ได้ แต่เจ็บปวดแค่คำพูด
เกิดผลกระทบอะไรบ้าง?
หนุ่ม : ก็มันต้องดำเนินเรื่อง จบที่ศาล แต่ถ้าเซ็นตั้งแต่ต้นมันดีอยู่แล้ว อยากให้ซาร่าให้เค้าเซ็น เพราะผลสุดท้ายดีที่ตัวลูกอยู่แล้ว
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่