คุยกับ Drag Queen คนไทย ที่ไปดังไกลถึงนิวยอร์ก อยากรู้ว่า Drag Queen คืออะไร มาอ่านกัน
การประกวด Drag หรือการแต่งหญิงเพื่อการแสดง เมื่อการแสดงจบลง พวกเขาทั้งหมดก็ใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ในลุคผู้ชายทั่วไป เรียกว่าเป็น Character / Persona แต่หาใช่การใช้ชีวิตประจำวันไม่ และที่สำคัญหนึ่งในรอบห้าคนสุดท้าย 5 Finalists นั้นเป็นหนุ่มไทยที่ชื่อว่า เมธาวี สายัมพล (พลุ) หรือในชื่อวงการที่ชาวมหานครนิวยอร์กรู้จักกันดีว่า “Pattaya Hart” กับหน้าสวยฉ่ำ
ทีมงานแอตติจูดไทยแลนด์ จึงขอนัดพูดคุยกับเขาเมื่อครั้งมาเยือนเมืองไทยก่อนต้องบินกลับไปนิวยอร์กอีกครั้ง
คุณพลุ : หลังจากผมจบวารสารฯ ธรรมศาสตร์ และทำงานการตลาดอยู่ 2 ปี ก็คิดถึงเรื่องการเต้น เลยไปเรียนเต้นที่ Point Studio ของคุณครูอร เหมือนฝัน อัมพันแสง เรียนๆ ไปได้สักพักคุณครูก็ชวนให้ไปลองออดิชั่นละครเวที และก็ผ่านการคัดเลือก ช่วงฝึกซ้อมละครก็ได้มีโอกาสได้รู้จักได้เรียนรู้ประสบการณ์จากพี่ๆ นักแสดงและนักเต้นคนอื่นในวงการ เลยทำให้ตัดสินใจลาออกจากงานออฟฟิศ เพื่อมาทำงานเป็นแดนเซอร์เต็มตัวครับ
1
ก่อนจะมาเป็น Drag Queen คุณพลุทำอะไรมาก่อนบ้าง?
พอทำงานเต้น และงานสอนเต้นมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ได้มีโอกาสกลับไปเรียนเต้นกับคุณครูอารีย์ สหเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นคุณครูสอนเต้นคนแรก ท่านแนะนำว่าถ้าอยากจะเอาดีด้านนี้จริงๆ ควรจะไปเรียนเต้นที่เมืองนอกเพื่ออัดพื้นฐานด้านการเต้นให้เต็มที่ ผมเลยตัดสินใจไปนิวยอร์ก ที่โรงเรียน Steps on Broadway ซึ่งมีชื่อเสียงมากๆ ที่หนึ่งในนิวยอร์กครับ

เรียนไปเกือบปีนึง ครูและเพื่อนๆ ก็แนะนำให้ไปลองออดิชั่นดู เพราะที่นิวยอร์กมีการออดิชั่นงานแสดงแทบทุกวันเก็บประสบการณ์และทดสอบตัวเองไปในตัว จนได้ผ่านออดิชั่นงานเต้นของบริษัทเรือของ Celebrity Cruise และได้ไปทำงานกับบริษัทนี้มา 2 สัญญาครั้งละ 6 – 8 เดือนในทะเล Mediteranean และโซน Caribbean

การไปอยู่บนเรือทำให้ต้องแต่งหน้าทำผมเอง เลยเป็นจุดเริ่มต้นในการหัดแต่งหน้า ทั้งแต่งหน้าแสดงทั่วไป และแต่งเป็นตัวละครประหลาดๆ ก็เริ่มสนุกกับมัน จนวันนึงเพื่อนรูมเมตแนะนำให้ดูรายการ RuPaul’s Drag Race เป็นรายการคล้ายๆ America’s Next Top Model แต่อันนี้ประกวด Drag Queen ผู้แข่งขันต้องมีการแสดงลิปซิงก์แข่งกัน ดูแล้วก็รู้สึกสนุก ชอบในความสร้างสรรค์ ชอบไอเดียการแต่งตัวและการแต่งหน้าของคนในรายการ เลยลองหัดเทคนิคการแต่งหน้าแบบ Drag Queen ดูครับ

2
ชีวิตพลิกผันมาเป็น Drag Queen ชื่อดัง
พอหมดสัญญาเรือรอบ 2 ก็กลับไปเรียนเต้นต่อที่นิวยอร์ก รอบนี้เลยตัดสินใจอยากลองแต่ง Drag แสดงดูกับเขาบ้างเพราะเพื่อนเล่าให้ฟังว่ามันมีประกวด Drag Queen สมัครเล่นในคลับหลายๆ ที่ ก็ไป มีชนะบ้างแพ้บ้าง

หลังจากนั้นก็มีคนมาชักชวนให้ไปเป็นแขกรับเชิญแสดงโชว์ที่บาร์นั่นนี่ แล้วก็มีโดนลากไปประกวด Drag Queen เวทีนึงชื่อว่า Our Lady of Saliva ที่ The Ritz Bar เป็นการประกวดที่สนุกและมีชื่อเสียงของวงการ Drag Queen ในนิวยอร์ก ก็ปรากฏว่าชนะที่ 1 มาแล้วก็มีคนติดต่อให้ไปแสดงโชว์ที่นั่นนี่เรื่อยๆ มา

ต่อมาคนรู้จักเรามากขึ้นเพราะผลงานโปรเจกต์ Half – Drag คือแต่งหน้าแค่ครึ่งหน้า แล้วถ่ายรูปให้เห็นความแตกต่างระหว่างตัวตนที่แท้จริงที่เป็นผู้ชาย แต่พอตกกลางคืนก็แต่งหน้าใส่วิกเพื่อเป็นอีกคาแร็คเตอร์หนึ่ง ในภาพไม่มีการตัดต่ออะไรเลยก็คือเป็นแต่งหน้าแค่ครึ่งเดียว

คำจำกัดความในการประกวดตอนนั้นคือ New, Beautiful but Haunting เราก็ไปตีโจทย์เอาก็ทำออกมา ก็คือเป็นรูปคนที่มีเล็บเอาไว้ฟ้อนเพราะว่าจะได้แสดงถึงความเป็นไทย พอประกวดชนะแล้ว รูปนี้ก็ขึ้นเว็บไซต์เขาเลยกลายเป็น 1 ใน 10 ที่โชว์ในหน้าหลักของเขา คนรู้จักเรามากขึ้น แล้วก็มีคนติดต่อให้ไปโชว์ที่บาร์โน้นบาร์นี้ค่อนข้างเยอะเลยครับ

3
ทำไมถึงใช้ชื่อว่า Pattaya Hart?
ผมใช้เป็นชื่อ Drag เพราะว่าตอนแรกอยากจะตั้งชื่อให้มันตลกๆ เหมือนกับว่า Drag Queen จะมีชื่อตลกๆ เยอะคนหนึ่งที่รู้จักชื่อ Dixie Longate แล้วก็มี Bridget Tunnel ชื่อ Paige Turner คือมันจะมีแต่ชื่อตลกๆ … แล้วมานั่งคิดว่าเมืองไทยจะอะไรดี ก็พัทยาดีกว่า ได้พรีเซนต์ไทยแลนด์ด้วย บางคนก็จะไม่เข้าใจ แต่ถ้าเกิดเป็นพวกฝรั่งที่เคยมาเมืองไทยก็ขำ

4

ถามเรื่องส่วนตัวบ้างที่บ้านรู้หรือเปล่าว่าเราทำอาชีพนี้อยู่?
รู้ครับเพราะบอกตลอด แต่ก่อนแม่ไม่เข้าใจคิดว่าอยากเป็นผู้หญิง จนวันหนึ่งแม่ทักเข้ามาหลังจากผ่านไปเดือนนึงบอกว่าไม่ใช่กลับมามีจิ๋มมีนมนะ เราก็บอกว่าเฮ้ย! แม่ถามจริงเหรอเนี่ย สิ่งที่กลัวที่สุดเลยคือกลัวคนไม่เข้าใจ โดยเฉพาะคนไทย สำหรับคนไทยการเป็น Drag Queen ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ถือว่าเป็นเรื่องแปลก พอเห็นว่าแต่งหญิงแล้วคนก็จะเข้าใจว่าเป็นสาวประเภทสองหรือเป็นโชว์ตลก แต่ของเรานี่จะแต่งสวยเลย

ตอนหลังก็เลยจับแม่นั่งดูรายการ Rupaul ประมาณเทปนึงก็อธิบายให้ฟังว่าแบบนี้ มันเป็นผู้ชายแล้วก็มาแต่งหน้าเป็นผู้หญิงอยู่บนเวที พอลงเวทีมาก็จะเป็นอีกแบบนึง ไม่ได้เป็นอะไร มันคือศิลปะมันเป็นการแสดงมากกว่าแล้วเราก็ทำเพื่อการแสดงแถมมีเงินพิเศษด้วย

5
แพลนอนาคตไว้อย่างไรบ้าง?
แพลนในชีวิตตอนนี้ยังอยากที่จะเรียนรู้ฝึกฝนหาประสบการณ์สร้างเนื้อสร้างตัวสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองให้ได้อย่างเต็มที่ที่สุดก่อน มีแพลนว่าถ้ากลับมาอยู่เมืองไทยแบบถาวรเมื่อไหร่ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะมีโรงเรียนสอนเต้นเป็นของตัวเอง หรือมีทีมเต้นของตัวเอง อยากมีโอกาสได้ทำงานในวงการการแสดงของเมืองไทย อยากมีโอกาสนำเสนอผลงานการเต้นการแสดงในสไตล์ที่แตกต่างจากประสบการณ์ที่เราได้เรียนรู้มาจากการทำงานหลายๆอย่างครับ
ติดตามผลงานคุณพลุได้ที่
Instagram: plooplu
Facebook: Pattaya Hart
Credit : Attitude

เรื่องน่าสนใจ