ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ประเทศไทยไม่อนุญาตให้ทำการฉีดเฟรชเซลล์แน่นอน เนื่องจากไม่มีเอกสารหลักฐานยืนยันว่าได้ผลอย่างไร ขณะที่ออสเตรเลียก็ไม่ให้การรับรอง เพราะศึกษาวิจัยการใช้เฟรชเซลล์รักษาโรคดาวน์ซินโดรมในเด็กแล้วไม่ได้ผลจึงไม่อนุญาตให้ใช้ภายในประเทศ
เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาก็ไม่อนุญาต และไม่ให้นำเข้า ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกและยึดใบอนุญาต หากการฉีดเฟรชเซลล์ดีจริงก็ต้องอนุญาตให้ใช้ทั่วโลก แต่ปัจจุบันยังใช้แค่ในเยอรมนี ส่วนนิวซีแลนด์และฝรั่งเศสที่ระบุว่าให้บริการก็เป็นคนเยอรมันไปทำเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ แพทยสภาได้ทำหนังสือถึงสถานทูตเยอรมนีเพื่อขอข้อมูลหลักเกณฑ์ กฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมดูแลการรักษาด้วยเฟรซเซลล์ไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ
ผศ.นพ.นิพัญจน์ อิศรเสนา ณ อยุธยา หัวหน้าศูนย์วิจัยสเต็มเซลล์และเซลล์บำบัด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่จะเอาเซลล์สัตว์มาฉีดในมนุษย์ มาใช้ในประเทศไทย เพราะเป็นเซลล์สัตว์ แพทย์แผนปัจจุบันไม่ยอมรับอยู่แล้ว
ด้าน นพ.สมนึก ศิริพานทอง กรรมการและประชาสัมพันธ์สมาคมเซลล์บำบัดไทย กล่าวว่า สมาคมเซลล์บำบัดเยอรมนี มีข้อบ่งชี้ในการฉีดเฟรซเซลล์ที่ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ 9 ข้อ ได้แก่ 1. ชะลอวัย 2. ร่างกายเสื่อมสภาพ 3. หลอดเลือดตีบ อย่างอัมพาต 4. ภูมิแพ้ 5. ภูมิคุ้มกันไม่ดี ติดเชื้อง่าย 6. สภาวะทางจิต เช่น ซึมเศร้า 7. โรคต่อมไร้ท่อ เช่น มีบุตรยาก 8. การรักษาโรคที่เกิดจากพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม แต่ในส่วนนี้ยังมีการถกเถียงอยู่มากว่าดำเนินการได้หรือไม่ และ 9.เป็นการรักษาเสริมสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
นพ.สมนึกกล่าวว่า ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์หรือเมดิคัลฮับ มีคนไข้จากทั่วโลกกว่า 120 ประเทศ เข้ามารักษาและมีโรคแปลกๆ จึงต้องเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ ซึ่งในประเทศไทยจะย้ำว่ายาที่ใช้ต้องเป็นยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รับรองเท่านั้น
ขณะที่ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนค่อนข้างยากและนาน 5-10 ปี กว่าจะได้ขึ้นทะเบียน โรคก็เกิดการดื้อยา และมียาตัวใหม่ที่มีประสิทธิภาพออกมาแล้ว ประเทศไทยจึงควรเปิดช่องให้เอาเทคโนโลยีที่ประเทศต้นทางใช้ได้ผลและให้การรับรองแล้วเข้ามาใช้ เพราะประเทศนั้นเขามั่นใจแล้วว่าประชาชนเขาปลอดภัย อาทิ สหรัฐฯ วิจัยว่าคนไข้ที่เป็นเบาหวานต้องตัดขาถึง 13% พอมีการฉีดเซลล์ชนิดพิเศษเอ็มเอสซีเข้าไปปรากฏว่าลดการตัดขาลงเป็น 0% แล้วทำไมคนไทยต้องรักษาด้วยมาตรฐานของ อย.และทำให้ต้องถูกตัดขาถึง 13% ในเมื่อมีเทคโนโลยีที่สามารถรักษาได้แบบนี้
“เรื่องนี้เป็นนโยบายของภาครัฐ หาก ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุขเห็นว่าเรื่องนี้จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพจริงๆ ประเทศไทยต้องมีองค์ความรู้ที่หลากหลาย ตรงนี้ไม่ได้ถามแพทยสภา แต่ถามนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดว่าประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นผู้นำด้านการแพทย์หรือไม่ หรืออนุญาตให้ใช้การแพทย์เท่าที่มี ต้องเรียนถามนายกรัฐมนตรีว่าจะอนุญาตให้มีฟาสต์แทรกได้ไหม สมาคมเซลล์บำบัดไทยยินดีไปให้ข้อมูล” นพ.สมนึก กล่าว
ที่มา : manager