ในเว็บไซต์พันทิบได้มีการแชร์ข้อมูล โดยระบุว่า ก่อนอื่นขอแจ้งให้ทุกท่านทราบก่อนว่าได้ยืม log in ของเพื่อนมาโพสท์ค่ะ เรื่องราวที่เขียนขึ้นมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง สิ่งใดที่ดิฉันทำผิดดิฉันยอมรับค่ะ ที่สำคัญไม่ได้ต้องการทำลายธุรกิจร้านอาหารของใคร ไม่ได้ต้องการทานฟรี ไม่ได้ต้องการส่วนลด ไม่ต้องการสิทธิพิเศษใดๆ
แต่ที่เขียนทั้งหมดเพื่ออยากให้สังคมรับรู้และตัดสินใจ ตลอดจนพนักงานบริการที่บกพร่องจะได้ปรับปรุงตัว และเป็นมาตรฐานที่ดีในการบริการต่อไปค่ะ
**สำหรับท่านที่มีเวลาน้อยขี้เกียจอ่านให้อ่านย่อหน้านี้ค่ะ แต่ถ้ามีเวลาก็เชิญอ่านฉบับเต็มด้านล่าง… ย่อๆคือไปทานสุกี้ญี่ปุ่นกะครอบครัว แต่ดิฉันอาจจะพลาดที่สั่งจู้จี้ยอมรับค่ะ แต่กลับมีคำว่า “ไอ้ sard เรื่องเยอะ” เขียนมาในบิลตอนเรียกเก็บเงิน และไม่ได้รับการขอโทษที่ดีพอจากพนักงานผู้ที่กระทำ แต่คนอื่นๆก็โอเคนะคะ**
วันที่ 27 กันยายน 2557 เวลาประมาณ 15.00 ดิฉันและครอบครัว (สามี-ดิฉันและลูกสาว) ได้ไปทานอาหารนอกบ้านที่ร้าน.. (ขอไม่บอกชื่อร้านนะคะ ไม่ได้ต้องการให้ธุรกิจใครเสียหาย)
ลักษณะของร้านนี้มี 2 แบบ ค่ะ ข้างในคือบุฟเฟต์ ส่วนข้างนอกเป็น a la carte
ดิฉันได้เลือกที่จะทาน a la carte เนื่องมาจากไม่ได้ต้องทานเยอะค่ะ จึงตัดสินใจนั่งด้านนอกและสั่งชุดชาบู ชาบูกับพนักงานชายท่านนึงตามภาพค่ะ เพราะว่าลูกสาวอยากทานเส้นอุด้งค่ะ แต่พนักงานชายท่านนั้นแจ้งว่าชุด a la carte มีบริการแค่สุกี้ญี่ปุ่นเท่านั้นและสุกี้ไม่มีเส้นอุด้งมีแต่เส้นบุก..
ดิฉันเข้าใจดีเลยสั่งชุดสุกี้ญี่ปุ่นหมู 2 ชุดค่ะแต่ขอแค่ผักกาดขาว เห็ดเข็มทอง และหากเป็นไปได้ขอเส้นอุด้งเพิ่ม แต่ทางพนักงานยืนยันไม่สามารถให้บริการเส้นอุด้งได้ ดิฉันจึงขอสั่งเส้นอุด้งเพิ่มพิเศษและยินดีจ่ายเงินเพิ่มค่ะ และพนักงานชายท่านนั้นก็ตกลงค่ะ
**ดิฉันขอยอมรับนะคะว่าเรื่องมากในการสั่ง (เข้าใจจริงๆว่าการสั่งนอกเหนือจากเมนูสำหรับร้านญี่ปุ่นบางร้านเป็นสิ่งลำบากค่ะ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆก็บอกก็ได้ ดิฉันรับได้ค่ะ)**
พอสั่งเสร็จก็ไม่มีอะไรนะคะ แต่พอพนักงานชายท่านนั้นยกหม้อสุกี้มา ก็ไม่ได้ตามที่สั่ง (ถูก 1 หม้อ) จึงขอเปลี่ยน 1 หม้อเป็นตามที่สั่ง แต่เนื่องจากไม่ได้รับเส้นอุด้ง จึงทวงกับพนักงานค่ะ
**มาถึงตอนนี้ขอยืนยันนะคะว่า ใช้คำพูดกับพนักงานท่านนั้นสุภาพและใช้น้ำเสียงปกติค่ะ ไม่ได้วีนเหวี่ยงใดๆเลย**
จากนั้นพนักงานคนเดิมก็เสิร์ฟมาให้ถูกต้องพร้อมเส้นอุด้งและขอเก็บค่าอุด้งเป็นเงินสด (39 บาทรวม VAT) ดิฉันก็ยินดีจ่ายค่ะ… การทานอาหารก็ดำเนินไปด้วยดีค่ะ ราบรื่นอาหารอร่อยเหมือนเดิม…
แต่ประเด็นคือพอเรียกเก็บเงินกลับเป็นพนักงานหญิงอีกท่านนำบิลมาให้ตามภาพค่ะ (สังเกตในบิล ดิฉันไม่ได้สั่งว่าแก้วสะอาดๆ ค่ะ) และที่สำคัญในบิลมีคำว่า “ไอ้ sard เรื่องเยอะ” ทำให้สามีและดิฉันไม่พอใจ
ด้วยอารมณ์เสียและหงุดหงิดสามีเลยลุกไปคุยกับแคชเชียร์ (พนักงานที่รับออเดอร์คนเดิมไปนั่งที่แคชเชียร์) เพื่อหาคนที่เขียนและหาเหตุผลที่เขียนคำเช่นนี้..แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ (ยังยืนยันว่าสามีพูดจาไม่ได้ใช้คำหยาบคายใดๆ) สามีจึงขอเรียกพบผู้จัดการ
เมื่อผู้จัดการมา(จริงๆ ผู้จัดการก็ยืนอยู่ใกล้ๆค่ะ) ดิฉันได้ยื่นบิลให้ผู้จัดการดู แล้วถามว่า “ใครเขียนให้หาตัวมาเลย แล้วเขียนอย่างนี้แปลว่าอะไร?” “ถ้าเป็นพี่พี่จะรู้สึกอย่างไร?”
ผู้จัดการกลับตอบว่า “ถ้าโดนแบบนี้ก็รู้สึกเหมือนกันค่ะ พูดไม่ออก”
ทันใดนั้นพนักงานชายที่รับออเดอร์กลับพูดแทรกมาว่า “มีคนรับออเดอร์หลายคนไม่รู้ว่าใครเขียน”
ดิฉันตอบว่า “ให้หามาเลยว่าใครเขียน” (จริงๆตอนนั้นก็พอทราบนะคะว่าคนที่รับออเดอร์เป็นคนเขียน เพราะลายมือคล้ายกันค่ะ)
ผู้จัดการร้านจึงดึงพนักงานชายคนนั้นไปคุยสองคน…
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินกลับมาพร้อมกับพนักงานชายยอมรับว่า.. “ลายมือผมเองครับ แต่ผมเขียนด่าเพื่อน ไม่ได้ด่าพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจเขียนในบิลนี้ แต่หยิบบิลมาเป็นของลูกค้าและมันเขียนติดเพราะมี carbon copy พอดี” (พนักงานชายก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดีนะคะ ไม่ได้โวยวายใดๆ)
ดิฉันรู้สึกเหมือนคำแก้ตัวและฟังไม่ขึ้น จึงหันไปถามผู้จัดการว่า “เป็นพี่ พี่ฟังขึ้นป่ะ?”
ผู้จัดการกลับก้มหน้าและไม่ตอบใดๆ
ดิฉันรู้สึกว่าไม่ได้รับคำตอบที่ดีเท่าที่ควร จึงถามย้ำว่า “แล้วจะเอาอย่างไร?”
***ยอมรับอีกครั้งค่ะว่าอารมณ์เสียเลยใช้เสียงดังขึ้น แต่ก็ไม่มีการใช้คำพูดหยาบคายใดๆค่ะ***
จากนั้นผู้จัดการก็ดึงพนักงานชายไปคุยหน้าร้านที่ไม่ค่อยมีคน (เพราะบริเวณนั้นคนต่อคิวเยอะค่ะ)
เมื่อทั้งสองคนคุยกันเสร็จ พนักงานชายเดินกลับมาพร้อมกับคำขอโทษแบบขอไปทีและไม่มองหน้า “ผมขอโทษ แต่ผมไม่ได้ว่าพี่” จากนั้นพนักงานชายก็เดินออกไปทันที..
ต่อมาผู้จัดการก็ขอโทษดิฉันอีกครั้ง พร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ จากนั้นก็จ่ายบิลปกติแล้วออกจากร้านมา หลังจากนั้น 2-3 ชั่วโมงก็มีบุคคลระดับสูงกว่าผู้จัดการร้านโทรมาขอโทษ ตรงนี้ไม่ขอเล่ารายละเอียดนะคะเพราะไม่ได้เป็นสาระอะไร แต่บุคคลนี้พูดจาดีค่ะ ขอโทษขอโพยก็พอใจในระดับนึงแล้ว และเสนอให้ไปพบที่ร้านเพื่อขอโอกาสขอโทษต่อหน้าและเชิญมาทานอาหารอีก แต่ดิฉันปฏิเสธนะคะว่าคงไม่สะดวกที่จะไปอีกแล้ว
สรุปทั้งหมดขอเชิญคุณผู้อ่านตัดสินเถอะค่ะ ดิฉันและครอบครัวอาจจะพลาดที่สั่งอาหารนอกเหนือจากมาตรฐานปกติ หรืออาจจะแต่งตัวไม่ดีพอจนทำให้ได้รับคำเขียนที่ไม่เหมาะสมในบิล
อย่างไรก็ตามยังมีชาวเน็ตบางส่วนออกมาปกป้องพนักงานคนดังกล่าว โดยชี้ว่าเจ้าของเรื่องทำไม่ถูกที่จะเปลี่ยนแปลงอาหารที่มาเป็นเซต ไม่คิดถึงหัวอกของพนักงานที่ต้องทำงานปากกัดตีนถีบเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ก่อนที่จะถูกชาวเน็ตรายอื่นเข้ามาตอบโต้กลับว่า แม้เจ้าของเรื่องอาจจะทำไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่พนักงานควรมีในการทำงานก็คือจรรยาบรรณ การใช้ทักษะในการแก้ปัญหาไปตามเหตุผล ไม่ใช่ด้วยแรงอารมณ์เช่นนี้