เพราะเป็นน้องรัก งานนี้จึงทำให้ ปั้นจั่น ปรมะ ยอมมานั่งเปิดใจพูดคุยเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตของตัวเองที่ผ่านมาให้ทุกคนได้ฟัง ในรายการ ว่ามาดิ with Lily and Marie EP.35 : คุยกับ “ปั้นจั่น ปรมะ” ถึงชีวิตดำดิ่งที่หลายคนยังไม่รู้!! ซึ่งบางช่วงชีวิตของ ปั้นจั่น นั้น ต้องเผชิญเรื่องราวที่ทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากการโพสต์ข้อความลงในโซเชียลของตัวเองจนกลายเป็นประเด็นดราม่า โดยเจ้าตัวเล่าว่า ตอนนั้นมีปัญหาหลายๆ อย่าง ผ่านช่วงเวลาที่ค่อยๆ ไต่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของทุกคน จนกระทั่งปลาหมอตายเพราะปาก ตามข่าวที่หลายคนรู้ว่าผมโดนด่า โดนว่า (มีคนเตือนแต่ก็ไม่ฟัง) ตอนนั้นรู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเองมาก รู้สึกว่าอยากพูดทุกอย่างที่อยากจะพูด
วันหนึ่งถ้าเรามีชื่อเสียงก็อยากจะเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ตั้งแต่เรื่องอนุรักษ์สัตว์ ธรรมชาติ แต่ในวันนั้นอาจจะด้วยวุฒิภาวะ คำพูดของเรามันอาจจะไม่เคลียร์ ไม่เหมาะสม หรืออะไรก็แล้วแต่ เลยทำให้การที่เราโพสต์หรือพูด คนตีความไปอีกแบบ จุดประสงค์หลักๆ ของตัวผมเองที่โพสต์ไป ผมแค่อยากให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เพื่อส่วนรวม ส่วนเรื่องการเมืองก็ไม่พูดถึง เพราะผมพูดตรงๆ ก็ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด วันนี้ที่พูดคนอาจจะไม่เชื่อ ก็แล้วแต่ แต่หลักๆ อะไรที่มันดีต่อคนส่วนรวมจะอยู่ตรงไหนก็ตาม ผมก็รู้สึกว่ามันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ถ้ามันจะลำบากสุดท้ายมันก็ลำบากด้วยกันหมด
ตอนที่โดนคนด่าเยอะๆ ก็ช็อกนะ เพราะยอดฟอลโลว์หายไปเกือบล้าน ภายในเวลาไม่กี่เดือน จากที่มีคนกดไลค์รูปเป็นแสนๆ กลายเป็นคอมเมนต์ด่า แต่เชื่อมั้ยในคอมเมนต์ด่าที่เป็นหมื่นเป็นแสน จะมีอยู่คอมเมนต์หนึ่งที่ติดอยู่ในความรู้สึกตลอดเวลาคือ มึงรู้มั้ยคนที่เขานั่งรถเมล์ไปทำงานประจำเขาลำบากแค่ไหน ชีวิตคนเราไม่เท่ากัน คำนี้มันอยู่ในสมองเราตลอดเวลา จนกระทั่งวันนี้นะ เพราะว่าผมเป็นคนที่ใช้เวลาคิดในช่วงที่ขับรถ ทุกเช้าเวลาไปทำงาน แล้วรถติด รถเราจอดข้างรถเมล์ก็จะมีคนหลากหลายรูปแบบ คนแก่ คนหนุ่ม นักเรียน วันที่เรายังไม่ได้โดนด่า เวลาขับรถไปก็มองเห็นชีวิตข้างนอกก็รู้ว่าโลกนี้มันไม่ยุติธรรม คนเรามันไม่เท่ากันจริงๆ สิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการที่คนมาเหยียดคน เพราะว่าเราเป็นคนที่ไม่เคยเหยียดใคร เราให้ความสำคัญกับทุกคน พอเวลามันผ่านไปแล้วมาเจอคอมเมนต์นี้มันแทงใจดำเรา หลักๆ คนมองว่าเราดูถูกคนอื่น ก็เลยแทงหัวใจเรา
สิ่งที่เราไม่ชอบที่สุด คนอื่นกลับมองว่าเราเป็นแบบนั้น ก็เลยลำบากมากในการใช้ชีวิตหลังจากนั้น ขับรถออกไป จ่ายค่าทางด่วนก็ยังกลัวว่าเขาจะคิดว่าเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า ก็เลยไม่อยากออกไปไหน เก็บตัว ทำงานกลับมาก็เข้าห้อง ปิดห้องมืด และการนอนเป็นอะไรที่ดีที่สุดเพราะไม่ต้องคิดอะไร นอนอยู่ในห้องทึบ ลบเพื่อน อันฟอลโลว์เพื่อน คือมีอยู่ช่วงหนึ่งคิดว่าการอันฟอลโลว์คนในวงการ เป็นการตัดช่องทางบางอย่างเพื่อไม่ให้เราไปเห็นอะไรบางอย่าง เพราะเรารู้สึกว่า การที่เราอันฟอลโลว์เขาคงไม่ได้คิดถึงเราหรอก มันหลายอย่าง พังข้าวของ ทำร้ายตัวเอง ผู้จัดการและแม่ต้องมานั่งคุยกันว่าอย่าให้ผมล็อกห้อง เพราะเป็นสะสมมานาน จนวันหนึ่งเราชกหน้าตัวเอง แล้วแม่ชกตัวเองแบบดังมาก และถามแม่ว่า ทำแบบนี้ทำไม ผมโกรธมาก แม่ก็บอกว่า ทุกครั้งที่แม่เห็นปั้นจั่นทำร้ายตัวเอง แม่เจ็บมาก และแม่ไม่รู้ว่าแม่จะทำอย่างไร แล้วเวลาที่ปั้นจั่นเห็นแม่ทำร้ายร่างกายตัวเองรู้สึกยังไง นั่นคือคำตอบ ไม่มีอะไรที่จะต้องตอบ
จริงๆ ไม่อยากพูด คนในวงการบันเทิงเป็นกันเยอะโรคซึมเศร้า คนที่ไม่เข้าใจก็จะคิดว่าเป็นกันอีกแล้ว ตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองเป็นหรือเปล่า หรือว่ากระแดะไปเอง แต่พอไปปรึกษาหมออย่างจริงจัง การทำร้ายร่างกายตัวเองมันเป็นการฮีลตัวเอง เวลาที่เราเจ็บจากความรู้สึกข้างใน การชกตัวเองร่างกายจะหลั่งสารตัวหนึ่งออกมาเพื่อรักษาความเจ็บ แต่สารตัวนั้นมันจะไปฮีลความรู้สึกของตัวเราด้วย ทำให้น้ำเดือดกลายเป็นน้ำอุ่น ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่