ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์ประเทศไทย เผยมีผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์กว่า 100 คน หายเป็นปกติ หลังจากทานยาต้านไวรัสเอดส์ต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี ชี้อยากสนับสนุนการทานยาต้านเอดส์เช่นนี้ เพราะให้ผลดี เชื้อเอดส์ในร่างกายลดลงได้
โดยนายกมล อุปแก้ว ตัวแทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์ประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า เขาเป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ที่ทานยาต้านไวรัสมาต่อเนื่องกว่า 10 ปี ซึ่งผลปรากฏว่าตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ผลการตรวจเลือดไม่พบเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือดเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังไม่หยุดกิน เพราะกลัวว่าถ้าหยุดแล้วเชื้อเอชไอวีจะกลับมาอีก อย่างไรก็ดี ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่รับยาต้านเอดส์แล้วหายดี จากการพูดคุยกับผู้ป่วยคนอื่น ๆ กว่า 100 คน ที่ทานยาต่อเนื่องกว่า 10 ปี เช่นกัน ก็พบว่าพวกเขาหายจากเอดส์ กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้
ด้านนายแพทย์ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้ที่ทานยาต้านเอดส์ต่อเนื่องเป็น 10 ปีแล้วตรวจไม่พบเชื้อนั้น แม้เชื้อเอดส์จะหายไปจริง แต่ก็อาจจะซ่อนอยู่ในเซลล์สมอง ไขกระดูก และอาจกลับมาเป็นเอดส์ใหม่หลังหยุดยาก็เป็นได้
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยเอชไอวีที่เข้ารับการบำบัดกว่า 450,000 ราย ตามนโยบายเดิมระบุว่าผู้ป่วยต้องมีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำกว่า 350 จึงจะเบิกยาได้ฟรี แต่หลังจากวันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ผู้ป่วยจะสามารถใช้บัตรสุขภาพ เช่น บัตรทอง บัตรประกันสังคม เบิกยาต้านไวรัสเอดส์ได้ฟรี แต่กำชับว่าต้องทานยาอย่างต่อเนื่อง เพราะหากทานไม่ต่อเนื่องอาจทำให้เกิดภาวะดื้อยา รักษาไม่หายได้
ที่มา: ครอบครัวข่าว 3