ในยุคสมัยนี้การทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป หลายคนที่ไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาก็มักจะพึ่งมีดหมอทำสวย เพื่อให้ตัวเองมีความมั่นใจ และแน่นอนเพื่อให้ตัวเองสวยเช้งกว่าเดิม ! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความสวยด้วยมีดหมอก็ต้องแลกด้วยเงินจำนวนมหาศาล ถึงแม้ในเมืองไทยจะมีหมอเก่ง ๆ หลายต่อหลายคน
แต่เชื่อเลยว่า ถ้าใครมีเงินถุงเงินถัง คงอยากจะมีโอกาสไปศัลยกรรมที่เกาหลีเป็นแน่แท้ เพราะที่นี่เขาขึ้นชื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ รวมถึงวิธีการทำที่แผลเล็กแทบจะไม่เห็นเลยทีเดียว
ส่วนเรื่องราวที่เราจะนำเสนอ เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่มีความฝันว่าอยากจะศัลยกรรมให้สวยมากกว่าเดิม เนื่องจากไม่พอใจแก้มป่อง ๆ และหน้าที่ค่อนข้างใหญ่ เมื่อมีโปรเจคท์เฟ้นหาชาวต่างชาติมาทำศัลยกรรมที่เกาหลีฟรี
เธอก็เลยสนใจและลองเขียนใบสมัครไปเล่น ๆ แต่ปรากฏว่า จู่ ๆ ก็มีจดหมายจากเกาหลีส่งมาหาเธอ พร้อมข้อความที่ระบุว่า เธอนั้นเป็นผู้ชนะเลิศในการประกวดครั้งนี้ ได้ทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาลวอนจิน ย่านกังนัม กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ แบบฟรี ๆ
สำหรับหญิงสาวผู้โชคดีดังกล่าว ชื่อน้องพิมพ์ พิมพ์ธารา ธีรขัตติยะนนท์ โดยเธอได้ขอมาเล่าประสบการณ์ความสวยที่แลกกับความเจ็บที่สุดในชีวิตผ่านรายการตีสิบให้ได้ทราบกัน
เริ่มต้นรายการด้วยเทปบันทึกภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งเป็นวันที่ 19 หลังจากที่น้องพิมพ์ได้ศัลยกรรมที่เกาหลี โดยตอนนั้นหน้าของเธอยังไม่เข้าที่ แต่ความสวยเริ่มฉายแววให้เห็น ซึ่งน้องพิมพ์บอกว่า ในวันนี้เธอยังหน้าบวมอยู่ ยังตึงแผลในปาก เวลาทานข้าวลำบากมาก และหาวยังไม่ได้ พูดเยอะ ๆ ก็ยังปวดข้างในอยู่ แต่ที่ดีใจคือข้างนอกไม่เห็นแผลเลย
สำหรับสิ่งที่เธออยากทำที่สุดก็คงจะเป็นถุงใต้ตาที่เธอมีมากเกินไปแล้วก็จมูก แต่คุณหมอทำให้ถึง 6 อย่างด้วยกัน เริ่มด้วยถุงใต้ตา คุณหมอดูดเอาก้อนไขมันออกก่อนที่จะใช้เหล็กตีแล้วฉีดกลับพร้อมกับเกลี่ยใหม่ให้เนียนขึ้น ส่วนที่สองคือตาสองชั้น อันนี้คุณหมอแถมให้ ทำให้ตาเธอดูหวานมาก ๆ คุณหมอไม่ได้ใช้วิธีกรีดตาแบบที่ทำกันทั่วไป แต่ใช้วิธีเย็บเป็นจุด ๆ จากด้านใน เพื่อไม่ให้มีรอยแผลเป็น
ต่อกันด้วยจุดสำคัญนั่นก็คือจมูก ที่ถูกปรับให้ยาว ๆ และเชิด ๆ โดยตอนแรกเธออยากได้แบบหยดน้ำอยากให้จมูกยาวขึ้น แต่คุณหมอที่เกาหลีบอกว่า ไม่ได้ต้องทำแบบเชิด ๆ และแบบนี้สวยกว่า องศาของจมูกองศานี้ ซึ่งเธอก็จำไม่ได้ว่าองศาเท่าไร พอมาอยู่บนหน้ามนุษย์ทุกคนก็จะสวย ส่วนการทำให้จมูกเชิด ๆ ก็ใช้วิธีนำกระดูกอ่อนในจมูกของเธอดันจมูก แทนการตัดปีกจมูกอย่างที่เคยทำกัน
ส่วนที่ 4 ที่ทำคือโหนกแก้ม ซึ่งคุณหมอมองจากกะโหลกมุมสูงจะเห็นว่าโหนกแก้มเธอเกินออกมา คุณหมอก็เลยตัดกระดูกออก เฉือนและเจียให้มันสโลปลง ให้เข้ารูป และส่วนที่ 5 คือกราม คุณหมอได้ตัดบริเวณเหลี่ยมออกเลย และส่วนสุดท้ายที่คุณหมอแถมมาให้ ก็คือคาง ทำให้เป็นวีเชฟ ดูเรียวยาวขึ้น
น้องพิมพ์ กล่าวต่อว่า วิธีทำนั้นขอบอกเลยว่าทรมานสุดชีวิต เพราะทุกอย่างจะเลาะทางช่องปากเพื่อเจาะเข้าไปทำ แผลมันก็เลยอยู่รอบ ๆ ปาก ตอนทำนั้นโดนยาสลบเลยไม่เจ็บ แต่พอฟื้นขึ้นมาเท่านั้น…เจ็บมาก ไม่คิดว่าจะเจ็บอะไรได้ขนาดนี้ 6 ชั่วโมงที่อยู่บนเตียงผ่าตัดไม่รู้สึกอะไร เข้าไปตอนบ่ายโมงกว่า ๆ ออกมาเกือบ 2 ทุ่มครึ่ง
พอลืมตาขึ้นมา หายใจทางจมูกไม่ได้ เพราะคุณหมอเอาสำลีมายัดเอาไว้ ต้องหายใจทางปาก แล้วก็มีการเสียบสายระบายเลือด หายใจไม่ถนัด อีกทั้งอากาศหนาวและคอแห้ง กินน้ำกินอะไรก็ไม่ได้เลย เพดานปากนี่ลอกไปหมด และที่สำคัญปัสสาวะไม่ได้ ต้องใช้วิธีสวนเอา กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ก็ปาเข้าไป 3 วันแล้ว ใช้ชีวิตอย่างทรมานสุด ๆ ไม่คิดว่าจะเจ็บขนาดนี้ และถ้ารู้ว่าเจ็บขนาดนี้ให้ทำฟรีก็ไม่เอา
น้องพิมพ์กล่าวต่อว่า หลังจากที่ทำ ในตอนนี้ก็พอใจ 80 เปอร์เซ็นต์เนื่องจากหน้ายังไม่เข้าที่ ก็ต้องมารอดูกันอีกทีว่าเมื่อหายบวมแล้วจะเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้ น้องพิมพ์ยังเอาภาพระหว่างที่เริ่มเดินทางไปเกาหลี ในห้องที่พูดคุยกันกับคุณหมอ และตอนที่ผ่าตัดมาให้ได้ชมกันด้วย เช็กทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยและทำงานกันอย่างละเอียดมาก ๆ
อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไป 7 เดือน น้องพิมพ์ก็ได้กลับมาที่รายการตีสิบอีกครั้ง พร้อมเอาหน้าสวย ๆ ที่ผ่านการศัลยกรรมอย่างสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์มาให้ได้ชมกัน ซึ่งหน้าดูเข้ารูป สวยใส เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว โดยเธอบอกว่า เธอพอใจกับการผ่าตัดประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะเธอคิดว่าหน้าเธอจะเล็กกว่านี้ แต่ทั้งนี้คุณหมอคงคำนวณแล้วว่าหน้าของเธอสามารถตัดกรามออกได้ถึงเท่าไร เพื่อความปลอดภัยที่สุด
นอกจากนี้ น้องพิมพ์ ยังกล่าวด้วยว่า หลายคนเชื่อว่าการทำศัลยกรรมเกาหลีนั้น ไม่ค่อยมีความเสี่ยง แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่าที่ไหนก็มีความเสี่ยงทั้งหมดเหมือนกัน เพราะหลังจากที่เธอทำศัลยกรรมนั้น ก็มีข่าวว่ามีสาวชาวเกาหลีคนหนึ่งที่เข้ารับผ่าตัดเสริมจมูกกับทำตาสองชั้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเสียชีวิต เนื่องจากการทำศัลยกรรม 2 อย่างนี้ จะสลบเต็มที่แค่ 4 ชั่วโมง แต่สาวโชคร้ายดังกล่าวสลบไป 7 ชั่วโมง ทำให้สมองขาดออกซิเจน และเสียชีวิตในที่สุด
ท้ายนี้ น้องพิมพ์ กล่าวว่า หลังจากที่เธอทำศัลยกรรมแล้ว ชีวิตของเธอก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมาก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม และมั่นใจว่าจะไม่ทำศัลยกรรมใด ๆ เพิ่มเติมแล้ว
ที่มา http://women.kapook.com/view102930.html
กระปุก , ภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก รายการตีสิบ (At Ten), คุณ Madoo ThaitvHD สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม