คลิป FarangStruggle Ep.1 ตอน มนุษย์ฝรั่ง และ FarangStruggle EP.2 ตอน ช้า ชะลอ หยุด! ถูกเผยแพร่ออกไปไม่นาน ดังกระฉ่อนทั่วโลกโซเชียล แน่นอนทุกคนโฟกัสสาวฝรั่งหน้าตาสวย ใครหนา…ช่างน่ารักและตลกจัง
เราได้สัมภาษณ์ “ดัฟฟี่” สาวลูกครึ่ง “พ่อเป็นฝรั่ง แม่เป็นมะม่วง…” ฮาๆๆ เขียนไม่ผิด ดัฟฟี่บอกกับเราอย่างนั้นจริงๆ อย่างไรรอติดตามเรื่องราวของเธอได้ที่คอลัมน์ “Student Idol” นี้นะครับ
ความน่าสนใจของคลิปนี้ยังมีอีกมากมาย เบื้องลึก เบื้องหลัง แนวคิดการจัดทำ รวมถึงความสนุก ความฮา เกิดขึ้นอย่างครบรส รวมถึงความรู้ คุณค่าของคลิปก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เราได้ร่วมพูดคุยกับ 4 นิสิตปี 3 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทีมผู้จัดทำคลิป
โดยทราบว่าคลิปนี้ เป็นคลิปที่ส่งเข้าประกวดในการแข่งขันการรณรงค์ลดอุบัติเหตุบริเวณมหาวิทยาลัย ภายใต้โครงการ Campus Challenge 2014 ของบริษัทโตโยต้า ถนนสีขาว โดยเราตั้งชื่อว่า โครงการกันชนไม่ชนกัน เราไปติดตามเรื่องราวของความดังในคลิปนี้พร้อมๆ กัน
คลิปนี้มีที่มาอย่างไร??
“นิ้ง” หรือ “อรณิชา ยอดพินิจ” นิสิตเอกโฆษณา เริ่มพูดคุยกับเราว่า “คลิปนี้เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของโครงการกันชนไม่ชนกัน ที่รณรงค์การขับขี่อย่างระมัดระวังบริเวณมหาวิทยาลัย ให้ขับช้า ชะลอ และหยุดบริเวณทางแยกและทางข้าม โดยเราจะส่งโครงการนี้ เข้าการประกวดการแข่งขันการรณรงค์ลดอุบัติเหตุบริเวณมหาวิทยาลัย ภายใต้โครงการ campus challenge 2014 ของบริษัทโตโยต้า ถนนสีขาว ซึ่งนอกจากคลิปแล้ว เราก็ยังรณรงค์ในหลายรูปแบบ ทั้งการติดสติกเกอร์ ป้ายบอก ช้า ชะลอ หยุดด้วย”
แนวคิดของคลิปรณรงค์
“น้ำหอม” หรือนางสาวนารดา อังคทะวานิช นิสิตเอกวาทวิทยา ระบุว่า “ที่เราเลือกทำคลิป เพราะเราอยากทำให้เกิดความตระหนักในเรื่องดังกล่าว โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนิสิตวัยรุ่น เราจึงเห็นว่า ช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นช่องทางที่เปิดรับมากที่สุด หลักๆ ก็คือเราเลือกใช้วิธีนี้ เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและรวดเร็ว”
ผลตอบรับ หลังคลิปเผยแพร่
“น้ำหอม” กล่าวว่า “เสียงตอบรับจากภายนอก ดีมากๆ คนรู้จักคลิปเยอะมาก รู้จักโครงการมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วคลิปนี้ทำขึ้นโดยมีเป้าหมายเป็นนิสิตจุฬาฯเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม หากคลิปนี้จะเผยแพร่ออกไป หรือเป็นการกระตุ้นให้ทุกคนทำสิ่งดี มันก็คงมีประโยชน์ไม่น้อย เพราะบางที ทุกคนคงต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน ปรับแนวคิด ปรับทัศนคติ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งตอนนี้มันขยายไปวงกว้างไปแล้ว”
ประโยชน์ของโครงการ
“นิ้ง” บอกว่า “ในความเห็นของนิ้งนะคะ นิ้งคิดว่า คนน่าจะสนใจรื่องนี้มากขึ้นนะคะ อย่างน้อยก็คงตระหนักถึงปัญหามากขึ้น ส่วนเรื่องนำไปปฏิบัติจริง ทีมก็ยังคงคาดหวังให้มันได้ผลจริงนะคะ แต่ก็ต้องเข้าใจว่า การเปลี่ยนพฤติกรรม มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
เลือก “ดัฟฟี่” เป็นพรีเซ็นเตอร์
“ปุ๊” พิชณิกา เพชรสังข์ สาวเอกประชาสัมพันธ์ ระบุว่า “ก็เป็นคนแบบนี้ เวลาพวกเราคุยกับดัฟฟี่ทีไร เขาจะทำให้เราหัวเราะกันตลอดเวลา สำคัญคือ ดัฟฟี่มีบุคลิกแบบนี้เลย ฮาอยู่ตลอดเวลา และคือสิ่งที่เราจะสื่อออกไป บางทีคนอาจจะเข้าถึงยาก น่าเบื่อ สิ่งที่เราทำอาจไม่เกิดประโยชน์อย่างแพร่หลาย เราจึงเลือกดัฟฟี่ นอกจากนี้มันยังเป็นมุมมองของคนที่ไม่ใช่คนไทยด้วย ซึ่งจะทำให้เรื่องนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น”
ขั้นตอนการทำคลิป
“ปุ๊” บอกว่า “ใครเป็นคนถ่าย ใครเป็นคนถาม ทุกคนก็ช่วยๆ กันมากกว่า เรามีกัน 4 คน ก็ช่วยกันถ่าย ช่วยกันถาม คือก็จะยืนอยู่หลังกล้องแหละค่ะ ใครคิดอะไรออก ก็ถามเลย ดัฟฟี่ก็ตอบคำถามสดเลย คือเป็นการทำแบบสดๆ จริงๆ รายการนี้ค่อนข้างสด แต่ก็จะมีบ้างที่แบบให้พูดใหม่ เพราะบางทีน้องพูดสด แล้วพวกหนูก็ขำ และหัวเราะกันเสียงดัง หรือพูดทับเสียงน้องบ้าง ก็จะบอกให้น้องพูดซ้ำอะไรแบบนี้ แต่ไม่มีการเขียนบทแต่อย่างใด”
เบื้องหลังการถ่ายทำ
“แพรว” วรัมพา เล้าประเสริฐ สาวเอกโฆษณา กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เบื้องหลังฮามาก ฮากว่าที่เราเผยแพร่ เพราะว่าพวกเรารู้จักกันอยู่แล้ว และก็คุยกันตามปกติ และเวลาที่ถามดัฟฟี่ พวกเราก็ไม่ได้คาดหวังว่า จะได้คำตอบอะไรจากน้อง ตอนถ่ายจึงตลกมาก ทุกคนก็ต้องกลั้นขำกันตลอดเวลา กลัวว่าพวกเราจะติดเข้าไป บางทีเราขำออกมา แล้วมันทับกับเสียงดัฟฟี่ เราก็ต้องถามกันใหม่ แต่คำตอบที่ได้ ก็จะฮาน้อยลง ส่วนจะปล่อยคลิปทั้งหมดมั้ย เคยคิดนะว่าจะปล่อยหมดเลย แต่เกรงว่าคนจะฟังไม่รู้เรื่อง อย่างตอนนั้นที่ถ่ายเสร็จ เราก็ได้คลิปมาตัดต่อกัน ทีนี้แหละ ยากเลย ตัดต่อกันนานมาก เพราะพวกเราตัดไปขำไป บางทีก็งง น้องพูดอะไร ฟังไม่ออก พวกเราก็ฮามาก”
เมื่อดัฟฟี่รู้ตัว
สาวลูกครึ่ง “ดัฟฟี่” แสดงความเห็นว่า “ตอนแรกหนูก็งงๆ พี่ๆ ก็เล่าให้ฟัง ว่าพวกเขาจะทำโครงการอะไร แบบไหน อย่างไร หนูก็โอเค เข้าใจ ทำไปตามนั้น แต่พอมีคนดูคลิปเยอะมาก ชีวิตหนูเปลี่ยนไปมาก ตอนแรกดัฟฟี่นอน พอตื่นมา โหว…ดารา ดัฟฟี่งง ไม่รู้ไปทำอะไรมา ดารา งงมาก เพราะว่าแปลกๆ แต่เท่มาก ชอบ เพราะหนูเป็นคนเฟรนลี่ ชอบคุยกับคนมากๆ หนูมีนิสัยแบบนี้”
ฟังแล้วก็เริ่มขำ เริ่มเข้าใจน้องๆ 4 สาว ว่าทำไมถึงเลือก “ดัฟฟี่” สาวลูกครึ่งคนนี้ รอติดตามอ่านกันที่ไทยรัฐออนไลน์
ส่วนเรื่องของคลิป ตอนนี้ถูกปล่อยไปแล้ว 2 คลิป 4 สาว บอกว่ายังเหลือคลิปที่ 3 ซึ่งเป็นคลิปสุดท้าย โดยคลิปนี้จะบอกที่มา ว่าทำไมดัฟฟี่พูดไทยเก่ง ทั้งนี้ 4 สาว คาดว่า คลิปสุดท้ายสำหรับแคมเปญนี้ จะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดต่อ
อย่างไรก็ตาม หากคลิป 3 แล้วเสร็จ “ไทยรัฐออนไลน์” จะนำมาให้ชมกันต่อไป ส่วนใครที่อยากรู้จักโครงการนี้มากขึ้น ติดตามได้ที่ อินสตาแกรม : thegunchonproject
ส่วนกลุ่มพวกเธอจะชนะการประกวดครั้งนี้หรือไม่ เราขอเอาใจช่วย แอบได้ยินมาว่า ชนะเลิศรางวัลที่ 1 สาวๆ จะได้รับเงินรางวัลและได้ไปท่องเที่ยว ญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ว้าว…เป็นกำลังใจให้นะ
ที่มา www.thairath.co.th