ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเว็บไซต์พันทิบดอทคอมได้มีสมาชิกล็อคอินว่า lifehasjustbegun ตั้งกระทู้โดยใช้หัวข้อ “กระทู้พลีชีพ เส้นทางการทำศัลยกรรมตลอด 8 ปี และแล้ว…” โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมที่น่าสนใจว่า

11.jpg

12

*ประกาศๆ ก่อนที่จะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ เท็ดดี้ไม่ใช่ผู้หญิงนะคะ ยังมีอยู่ครบ ต่ำจากคอลงไปยังไม่ได้ยัดเพิ่ม หรือตัดออกใดๆทั้งสิ้นค่ะ** สวัสดีค่ะเพื่อนๆ นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตของเท็ดดี้นะคะ เริ่มต้นขอเกริ่นก่อนว่าคิดอยู่นานมากว่าจะทำกะทู้แฉตัวเองดีไหม

แต่ก็เห็นว่ามีคนพลีชีพเยอะแยะ และก็อยากแบ่งปันประสบการณ์ และข้อมูลของการทำศัลยกรรมให้เพื่อนๆที่คิดอยากจะทำว่าจริงๆแล้วการทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องศึกษาข้อมูลดีๆ และต้องใช้เวลานะคะ

ไม่ใช่ทำทุกอย่างเสร็จในหนึ่งวันแล้วจะสวยนะ อีกทั้งยังต้องมีการดูแลตัวเอง ดูแลผิวพรรณ นู่นนี่นั่นอีกเยอะแยะค่ะ

***ไม่ได้สนับสนุนหรือส่งเสริม ให้ไปทำศัลยกรรมนะคะ ให้ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางเฉยๆ จะตัดสินใจทำอะไร ก็หาข้อมูล และใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองข้อมูลนะคะ รักนะถึงบอก***

ตัวเท็ดดี้เอง ไม่เคยคิดจะทำศัลยกรรม เพราะยุคสมัยนั้น มันยังไม่ฮิต โบทอกเพิ่งจะเข้ามาในมืองไทยเองมั้ง ส่วนใหญ่แค่ทำจมูกกันก็จบ เลยมุ่งไปเรื่องรักษาสิวมากกว่า เพราะสมัยก่อน สิวเยอะมาก ทั้งหน้ามัน คล้ำ อุดตัน อักเสบ สารพัด

ออกไปข้างนอกต้องทาคอนซีลเลอร์ ทารองพื้นตลอด เพื่อกลบร่องรอย ทำให้มันไม่หายขาดสักที

*****ขออนุญาติใส่ลายน้ำในรูปนะคะพอดีมีคนเตือนมาว่าอาจมีคนเอารูปเราไปแอบอ้างขายของได้ค่ะ*****

รูปข้างล่างคือตอนที่พีคสุดๆ เพราะเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แพ้น้ำ แพ้อากาศ สิวขึ้นทั้งหน้า อุดตันเพียบ ล้างหน้าออกก็เปนอย่างงี้ ค่ะเครียด+++

179125

ในช่วงนั้นยังมุ่งไปกับการดูแลผิวที่มีปัญหาอยู่ ก็เริ่มรักษาจากการไปทำเลเซอร์สิว ต้องทานโรแอค ลดหน้ามัน พยายามโบ๊ะน้อยลง แต่เท็ดจะมีวินัยอย่างหนึ่งคือ จะไม่พยายามกดสิวเอง แกะ หรือไปยุ่งกะมัน ให้เพื่อนที่เป็นหมอสกินจัดการอย่างเดียว ทำให้พอหายแล้วทิ้งรอยเล็กน้อย ทายาเอา ผิวเลยไม่เป็นหลุม รักษามาระยะหนึ่งหน้าก็ดีขึ้นตามลำดับ สิวน้อยลง เหลือรอยเยอะอยู่

(สารภาพว่าพอกลับมาเห็นรูปตัวเองสมัยนั้นก็แอบตกใจ และสะพรึงในความเหียกของตัวเองมากค่า ^^)

33

พอถึงจุดหนึ่ง หน้าก็อยู่ในจุดที่เราโอเคแล้ว ช่วงนั้นปี 4 กำลังจะเรียนจบ เพื่อนชะนีก็เริ่มหาข้อมูลหมอทำศัลยกรรมจมูก แล้วก็เริ่มไปทำกัน เราก็เห็นว่าทำมาแล้วสวยขึ้น เริ่มกลับมาดูหน้าตัวเอง ถ้าจมูกโด่งขึ้นอีกหน่อยคงจะดูดี (มั้ง555)  แล้วตอนนั้นเทรนเกาหลีหยดน้ำอะไรก็ยังไม่มา เราเลยบอกหมอว่าเอาแบบธรรมชาติ  (ราคา 8000 บาท)  ด้านล่างคือรูปที่หมอถ่ายไว้ก่อนทำ 

ช่างน่ากลัวอะไรเยี่ยงนี้ ดั้งแม่บ ปีกจมูกห้อย เชิด ตาตี่ หน้ากลม คือผิดอ่ะ !

44

หลังจากทำมา ก็รู้สึกว่าโอเค ดูดีขึ้นมั้งงง แต่พอมันเข้าที่เราก็สังเกตว่าหมอเหลาแกนเล็กไป และสั้นมาก พอมันโด่งขึ้น ทำให้จมูกยิ่งดูเชิด และแกนก็เป็นแท่งๆ เหลี่ยม ๆไม่ธรรมชาติ กลับมาดูรูปตอนรับปริญญาแล้ว ตกใจ จมูกโป๊ะมาก ปลายจมูกหายไปเลย T_T

111.jpg

ยิ่งมองข้างๆยิ่งไม่ใช่อ่ะ มันเชิดมาก นึกว่าจะไปเล่นหนังตะลุงค่า

222

 

ก็เริ่มคิดละว่าอยากไปแก้ แต่ยังไม่อยากเจ็บตัว ช่วงหลังจากที่เรารับปริญญาตรี โบทอกหน้าเรียวเริ่มๆเข้ามาในไทย แล้วเราก็รู้ตัวอยู่แล้ว ว่าเป็นคนหน้ากลม เลยแบบ เฮ้ย มีวิธีแก้หน้ากลมโดยไม่ต้องผ่าตัดเหลาหน้าแล้ว ดีใจมากตอนนั้น เลยไปปรึกษาเพื่อนหมอคนเดิมที่ดูแลเรื่องผิวให้ นางก็จัดโบมาให้ คือมันเวิร์คมาก หน้าเรียวขึ้น เริ่มเล็กลงและเห็นชัดใน 2 เดือน

179118

179120

แต่เนื่องจากหน้าเราคงมีกล้ามเนื้อตรงกรามเยอะเยอะ เลยไปเติมโบทอกอยู่เป็นระยะๆ ผ่านไป 1 ปี หน้าเล็กลงมาก แต่เนื่องจากเป็นคนคางสั้น ทำให้หน้าดูไม่เล็กสักเท่าไหร่ ประกอบกับไม่กล้าเสริมซิลิโคนที่คาง กลัวเป็นแม่มด เพื่อนหมอก็เลยแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ที่คาง ของแท้นะคะ ไม่เอาซิลิโคนเหลว แล้วก็เอามาฉีดที่ปลายจมูกเพื่อเพิ่มหยดน้ำ (เพราะไม่อยากทำจมูกใหม่ในตอนนั้น ) ทันตอนรับปริญญาโท พอดี

รูปด้านล่างคือตอนรับปริญญาโท จะเห็นว่าหน้าเล็กลง คางแหลมขึ้น จมูกก็เชิดน้อยลง แต่ยังดูแกนเล็กๆอยู่ แต่ถ้าสักเกตุดีๆ หน้าจะดูแข็งๆ ตาไม่ยิ้ม มุมปากไม่ยิ้ม เนื่องจากกระแดะฉีดโบทอกมากเกินไป จนมันลามไปกล้ามเนื้อส่วนอื่น ทำให้แสดงสีหน้าความรู้สึกไม่ค่อยได้

เซ็งมากค่ะ ในรูปคือพยายามยิ้มสุดๆแล้ว แต่มันได้แค่นี้ ต้องรอสัก 4เดือน มันก็จะหายไปค่ะ

179121

 

พอฉีดไปสักพัก ความที่เนื้อปลายจมูกน้อย พอฉีดฟิลเลอร์เข้าไป มันเลยลงมาไม่มาก แถมไหลขึ้นไปด้านบน ตรงล่างจมูกก็แดงมาก คงเกิดจากการระคายเคือง จุดนี้เลยคิดแล้วว่าแก้เลยดีกว่า

คราวนี้เปลี่ยนหมอที่ทำจมูก พอดีหาข้อมูลในดั้งโด่ง เค้าบอกว่าหมอคนนี้ทำผู้ชายเก่ง ราคาสมเหตุสมผล แถมใกล้บ้านด้วย เลยเดินไปทำค่ะ เท็ดดี้ก็เอารูปไปให้หมอเลือก สุดท้ายหมอเลือกรูปนิชคุณบอกว่าหน้าหวานเหมือนกัน เรามองบนแปป และในใจเราก็คิดเสียงดังว่า หร๋าาาาาาาาาา?  ช่างกล้าเนอะ? นิชคุณเนี่ยนะ นิชมะรึง มากกว่า แต่ก็เชื่อหมอ เราก็บอกหมอว่าอยากมีหยดน้ำยาวๆ แล้วก็ขอแท่งใหญ่ขึ้นหน่อย เราเลือกซิลิโคนแบบดีสุด รวมค่าแก้ ตอนนั้นอยู่ที่ 28,000 บาท (ตอนนี้หมออัพราคาขึ้นเยอะแล้วค่ะ)

ด้านล่างคือพอเข้าที่แล้ว ทำไมจมูกใหญ่จัง แล้วก็ไม่เห็นจะยาวด้วย สงสัยพอบอกหมอเอาใหญ่ขึ้น นางจัดใหญ่เลยค่า

ก็คือออกมาแล้วไม่ได้รู้สึกพอใจในผลลัพธ์ เพราะเราอยากให้มันเรียวแต่ไม่โป๊ะอ่ะ เราก็ใช้ชิวิตอยู่กับมันมาปีนึงมั้งคะ เลยกลับไปหาหมอคนเดิม

179122

หลังจากที่จมูกแกนใหญ่ไป และไม่มีท่าทีว่าจะเล็กลง ถึงตอนนี้เครียดนะคะ รู้สึกว่ามันไม่จบไม่สิ้น เจ็บตัว หยุดงาน เสียตังอีก อยากทำทีเดียวจบ คือแบบว่าเราไม่ได้เป็นคนเสพย์ติดศัลยกรรมไงคะ (หร๋าาาาา ? นี่คือเสียงที่เพื่อนชะนีในกลุ่มพูดพร้อมๆกัน)

ตัดสินใจกลับไปหาหมอท่านเดิม เราบอกหมอว่า อยากให้มันเรียวกว่านี้ และยาวกว่านี้ หมอก็เลยบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นใช้ซิลิโคนแบบแข็งกว่าเดิม มันจะได้ยาวลงมาได้อีก รวมถึงเหลาให้เล็กกว่าเดิม พร้อมทั้งบอกว่าเนื้อปลายจมูกเราบางและสั้น ถ้าใช่ซิลิโคนอย่างเดียว ในอนาคตจมูกอาจจะทะลุได้ ให้ใช้กระดูกหลังหูร่วมด้วย เพื่อต่อให้มันยาว พุ่ง และไม่มีปัญหาในระยะยาว

ด้วยความที่ไม่ชอบศัลยกรรมไงคะ เราเลยตัดสินใจ เย็บปากกระจับด้วยเลยละกัน ไหนๆก็ลางานพักฟื้นแล้ว

ช่วงนั้น ณเดชเริ่มดัง แล้วปากนางสวยมากๆๆๆๆๆ เราก็อยากได้บ้าง หมอก็บอก พอก่อนๆ ทำได้ แต่ออกมาไม่เหมือนนะ เพราะรูปปากไม่เหมือนกัน เราก็โอเค ทำตามที่หมอว่าโอ

ด้านล่างคือตอนพักฟื้นค่ะ ช้ำไปหมด  โดยเฉพาะปลายจมูก และปาก (ปากมีเลือดมาคั่งตรงแผลผ่าตัด แต่ทานยา สุดท้ายก็หายค่ะ) น่ากลัววววววววว

179123

หลังจากตัดไหม ผ่านช่วงพักฟื้น ประมาณเดือนหนึ่ง เริ่มเห็นเค้าจมูกที่เข้าที่ขึ้น จมูกดูเรียวขึ้นมาก หมอเหลาซิลิโคนดีมากทีเดียว ไม่เหลี่ยม ปลายดูมนสวย ส่วนปากก็เริ่มเห็นหยักกระจับนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้เราก็ยังฉีดโบท้อกอยู่เรื่อยๆ พร้อมกับไปเติมฟิลเลอร์ที่คางมาอีกรอบกับคุณเพื่อนหมอ เพื่อให้หน้าได้รูปมากขึ้น ความเป็นผู้เป็นคนมันเริ่มต้นจากจุดนี้ค่ะ

179124

จมูกดูยาว เรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หน้าเล็กลงมาก คางยาว ปากเป็นกระจับขึ้นแต่ยังเจ่อๆอยู่ เพราะยังยุบไม่หมด  เท็ดดี้นางก็ยังคงเวิ่นเว้อกับปลายจมูกหยดน้ำ เรารู้สึกว่ามันไม่ชัดเจน (จุดนี้เริ่มเสพติดเบาๆ) ก็กลับไปหาหมอคนเดิมอีก บอกหมอว่าจะเอายาวอีก เอาอีก เอาอีก!!! ทำไมไม่ทำให้สักที เบื่อจะมาแก้แล้วนะ

หมอบอกว่ายาวกว่านี้ไม่ได้แล้ว แกนจมูกมันยาวแล้ว แต่เป็นเพราะปีกจมูกมันห้อย เลยทำให้หยดน้ำเห็นไม่ชัด เราก็เลยนัดหมดผ่าตัดยกปีกจมูก บอกก่อนนะคะว่าไม่ได้เก็บปีกนะคะ เป็นการยกให้ปีกจมูกสูงขึ้น แต่ปีกไม่ได้แคบลง เพราะเรากลัวเดี๋ยวโหงวเฮ้งเปลี่ยน

ก่อนทำคุณหมอก็เตือนว่ายกปีกเนี่ย จะมีแผลเป็นนะ ตรงซอกจมูก เราก็โอเคค่ะ รับแซ่บ ผลคือเป็นแผลทั้งซอกจมูกเลยค่า หมอบอกถ้าดูแลแผลดีๆ แผลเป็นก็จะเห็นชัดน้อย

12

เราก็พักฟื้นไป จมูกดูพุ่งขึ้นเพราะปีกมันโดนยกขึ้นไปค่ะ

เราก็ว่างๆ นั่งคิดว่า เหลืออะไรยังไม่ได้ทำอีกหล่ะ อ้อ ตาค่ะตา เนื่องจากเท็ดเป็นคนตาสองชั้นหลบใน บางวันชั้นชัด บางวันหลบใน บางวันโตข้างเล็กข้าง เลยตัดสินใจทำตาสองชั้นดีกว่า พอดีคุณหมออีกคนเป็นเพื่อนกัน เปิดคลินิกที่สยาม ทำแบบเย็บจุดเดียว ไม่มีรอยแผลเป็น พักฟื้นแค่เสาอาทิตย์ก็ไปทำงานได้ค่ะ

33

ระหว่างนี้ก็ไปสักคิ้วสไลด์, สักปากชมพู, หัวนมไม่สักเพราะอยู่ในร่มผ้า เปลืองค่ะ, ไปเคลือบฟันขาว Veneers, และทำเลเซอร์ Thermage หน้าเรียว

หลังจากผ่านช่วงเวลายกปีกจมูกไป ประมาณ 1 ปี จมูกเข้าที่ ยุบเต็มที่ คนเริ่มทักจมูกมากขึ้น ว่าจมูกสวยทำที่ไหน โด่ง พุ่ง แต่ดูไม่โป๊ะ และแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะหยุดทำศัลยกรรม (สำหรับตอนนี้)

ข้างล่างคือรูปปัจจุบันของเท็ดนะคะ

ตอนนี้ไม่ได้ฉีดโบทอก หรือ ฟิลเลอร์มาเกิน 2 ปีแล้ว ก็อาศัยรักษาผิว กินวิตามิน ทำเลเซอ ทรีตเม้นบ้างประปราย ตอนนี้เครียดเรื่องริ้วรอยมากกว่า พอขึ้นเลข 3 แล้วมาพรึมเลยค่ะ

44

สาบานหน้าไฟ ว่าคนเดียวกันค่ะ

12

จมูกมา คางมา โบมา ชีวิตเปลี่ยนค่ะ

12

33

44

จบแล้วค่ะขอบคุณที่ติดตามอ่านชีวิตศัลยกรรมเวิ่นเว้อปลายจมูกหยดน้ำจนจบ ไม่เบื่อกันไปซะก่อน หวังว่า คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ จำไว้อย่าหยุดสวยเพื่อตัวเองค่ะ

ขอให้ทุกคนโชคดีในการที่จะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งนะคะ

ขอบคุณและสวัสดีค่ะ

12

33

44

 

ที่มา pantip.com

เรื่องน่าสนใจ