ดูจะเป็นเรื่องปรกติที่การทำงานในออฟฟิศซึ่งคนต้องทำงานร่วมกับคนหมู่มากนั้นมักจะเกิดปัญหาอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็อาจจะเกิดจากเนื้องาน ความไม่เข้าใจ หรือความผิดพลาดต่างๆ อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นโดยปรกติ (จนมีคนแซวๆ กันว่าถ้าไม้เกิดสิแปลก)

แต่ก็มีปัญหาหรือสถานการณ์อีกแบบที่ไม่ใช่ปัญหาๆ “ทั่วๆ ไป” แต่กลับเป็น “ปัญหาจริงๆ” ที่คุณไม่อาจจะมองข้ามได้เพราะจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำลายทั้งตัวคุณเอง ทีม และองค์กรเอาได้ง่ายๆ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแต่เราจะสังเกตเห็นมันก่อนได้อย่างไร ?

11.jpg

สิ่งที่น่าสนใจคือพอผมไปอ่านบทความหลายๆ บทความแล้ว สัญญาณเตือนปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ไปไหนไกล แต่มาจากตัวเราเองนี่แหละ หรือพูดง่ายๆ คือตัวคุณเองคือจุดเริ่มต้นของปัญหา ซึ่งผมก็ลองรวบรวมจากบทความต่างๆ ที่อ่านมาแล้วสรุปเป็นสัก 3 ประเด็นให้ชวนคิดกันตามนี้นะครับ (เห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็บอกแล้วกันฮะ)

คุณรู้สึกว่ารอบตัวคุณมีแต่คนโง่และไม่ได้ความไปหมด

เป็นเรื่องปรกติที่คนในบริษัทจะมีคนหลากหลาย หลากความสามารถและอยู่ในระดับที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าเมื่อใดที่คุณเริ่มมองว่าทุกคนล้วนไม่ได้ความ ไม่ได้ดั่งใจคุณแล้วล่ะก็ นั่นคือทัศนคติของคุณกับเพื่อนร่วมงานกำลังอยู่ในแดนอันตรายเลยก็ว่าได้

ทั้งนี้เพราะคุณกำลังขาดความเชื่อมั่นและเชื่อใจในคนอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกับคุณ สิ่งที่มักจะตามมาจากสถานการณ์นี้คือการปลีกไปทำงานคนเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ไม่มอบหมายงานให้คนอื่นรับผิดชอบ

ถ้าจะหนักๆ คือการไม่ฟังความเห็นของคนอื่น ประเภทชั้นเก่งอยู่คนเดียว ซึ่งนั่นจะเป็นรอยร้าวสำคัญที่จะเกิดขึ้นในห้องประชุมและการทำงานในโปรเจคต่างๆ

ที่สำคัญคือเมื่อ Trust ระหว่างคนทำงานด้วยกันไม่เหลือแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้งานออกมาดีได้ และในระยะยาวก็จะตามมาด้วยการไม่อยากร่วมงานกัน ไม่ว่าคุณจะไม่อยากทำงานกับคนอื่น หรือคนอื่นไม่อยากทำงานกับคุณ

อันที่จริง การไม่พอใจเพื่อนร่วมงานเวลาที่ทำงานไม่ได้อย่างที่คุณคิดนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะคนเราล้วนมีหลากความคิดและหลากมาตรฐานในการทำงาน

สิ่งที่คุณต้องพยายามเข้าใจและยอมรับคือคุณไม่สามารถเอาบรรทัดฐานของคุณไปตัดสินในทุกๆ เรื่องได้ (เพราะคนอื่นไม่ได้มีบรรทัดฐานเดียวกับคุณ) การตั้งทัศนคติประเภทเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางนั้นคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไร ทางที่ดีแล้วคุณควรใช้ทัศนคติประเภท “เขาไม่รู้” และ “ทำอย่างไรให้เขารู้” มาเป็นแกนในการทำงานแทน เพราะเอาจริงๆ บางอย่างคุณก็ไม่ได้รู้เท่าเขาหรอก จริงไหมครับ?

คุณจงใจไล่ต้อน หรือบีบเพื่อนร่วมงานคนอื่นให้ฟังและเห็นด้วยกับคุณ

หลายคนอาจจะบอกว่าเราพยายามทำงานให้ดีที่สุด ต้องมีการ “ซัด” กันแบบมืออาชีพแบบดุเด็ดเผ็ดมันเพื่อให้ได้งานที่ดีที่สุด

เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดว่าการถกเถียงกันจะเป็นเรื่องไม่ดีอะไร แต่มันก็มีความแตกต่างกันระหว่างการถกเถียงแบบต่างฝ่ายต่างฟังเพื่อ “หาคำตอบร่วมกัน” กับการโต้เถียงเพื่อให้ “ฟังฉัน”

สิ่งที่หลายๆ คนอาจจะลืมตัวขณะถกเถียงคือการใช้อารมณ์นำแทนที่จะใช้เหตุผลหรือข้อมูลต่างๆ สิ่งที่มักเกิดขึ้นคือการใช้ Ego ของตัวเองปะทะกับอีกฝ่าย จนหลายๆ ทีกลายเป็น “การเอาชนะของตัวเอง” แทนที่จะเป็น​“ชัยชนะของทีม”

อันที่จริงแล้ว ส่วนหนึ่งที่ปัญหานี้มักเกิดขึ้นโดยเฉพาะองค์กรที่มีตำแหน่งลำดับขั้นเยอะๆ นั้นก็คงเพราะต่างคนต่างมี “บารมี” และ “ศักดิ์ศรี” ค้ำหัวกันอยู่

ประเภทชั้นเป็นผู้จัดการนะ ชั้นเป็นหัวหน้าฝ่ายนี้นะ แผนกชั้นใหญ่กว่าแผนกแกนะ จนสุดท้ายกลายเป็นการชนกันด้วยบารมีมากกว่าจะชนกันด้วยเหตุและผล ซึ่งนั่นทำให้หลายๆ คนอาจจะเผลอลืมตัวเอาหัวโขนของตัวเองนี่แหละข่มคนอื่นโดยไม่รู้ตัว

เทรนเนอร์คนหนึ่งที่ผมเคารพเคยบอกว่าคนยิ่งตำแหน่งสูงเท่าไรยิ่งต้องระวังเพราะมักจะเป็นคนที่รับฟังเสียงวิจารณ์ได้ต่ำเช่นเดียวกับได้รับเสียงวิจารณ์น้อยลงไปเรื่อยๆ

และหลายๆ ครั้งกลายเป็นเหลิงจนคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นๆ (กลับไปข้อแรกอีกครั้ง) ซึ่งการโต้เถียงอย่างที่เราคุยกันในข้อนี้นั้นเป็นตัวอย่างพฤติกรรมที่แสดงออกมาได้ง่าย ฉะนั้นแล้ว ถ้าคุณเริ่มพบว่าตัวเองเป็นแบบนี้ควรรีบหยุดและอดทนฟังคนอื่น ลดทิฐิในบางครั้งจะดีกว่าครับ

คุณโพสต์ด่าคนอื่นในที่ทำงานบน Social Media

ผมมักพูดเสมอว่าการโพสต์ข้อความบน Social Media นั้นสร้างผลกระทบไม่น้อยแต่หลายๆ ทีเราก็มักพบว่าคนในที่ทำงานโพสต์ด่ากัน กระแนะกระแหนกัน แซะกันและนำไปสู่เรื่องซุบซิบสนุกปากของบริษัท (และเชื่อเถอะครับว่า HR บริษัทไหนก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น)

การจะหยุดเรื่องพวกนี้ได้คือทุกๆ คนต้องหยุดรวมทั้งตัวคุณเองด้วย

เราต้องยอมรับว่า Social Media นั้นทำให้คนเรามือไวในการระบายอารมณ์และได้คนมาช่วยเฮเห็นด้วยจนทำให้ลืมตัวกันบ่อยๆ แต่ถ้าเราทำแบบนั้น ก็เท่ากับว่าเราเองก็กำลังมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ในที่ทำงาน รวมทั้งการรักษาบรรยากาศการทำงานกับเพื่อนร่วมงานด้วย

ถ้าคุณโมโห หรือไม่พอใจ ทางที่ดีคือใจเย็นๆ เอามือถือหรือคอมพิวเตอร์ไปวางไกลๆ ก่อน คุณต้องคิดดีๆ ว่าถ้าคุณผลีผลามโพสต์ไปนั้นจะเกิดผลอะไรบ้าง มันอาจะทำให้คุณสะใจเพียงสักชั่วโมงสองชั่วโมง แต่คุณได้สร้างรอยร้าวกับเพื่อนร่วมงานและในที่ทำงานไปอีกนานทีเดียว

ฉะนั้น คิดดีๆ ก่อนโพสต์นะครับ

จริงๆ ผมเชื่อว่ายังมีพฤติกรรมอีกมากมายที่แสดงออกว่าตัวคุณกำลังมีปัญหาในการทำงาน ลองมาแลกเปลี่ยนกันได้ทั้งทาง Facebook หรือคอมเมนต์ด้านล่างนี้เลยก็ได้ครับ

ที่มา www.nuttaputch.com

 

เรื่องน่าสนใจ