มะตูม เตชินท์ พลอยเพชร หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดีเจมะตูม ถือเป็นคนดังแห่งปีนี้เลยก็ว่าได้ การันตีจาก 10 อันดับผู้ชายยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในปี 2014 ที่มีชื่อมะตูม ติดอยู่ในอันดับที่ 7 สามารถเบียดแซงซุปตาร์สายฟ้าแลบอย่าง เจมส์ จิรายุ ที่อยู่ในอันดับที่ 9 เลยทีเดียว วันนี้โดดเด่นเราจะพาไปทำความรู้จักกับ มะตูม กับมุมมองโลกในด้านต่างๆที่น่าสนใจ ไม่แพ้ความแซ่บที่เราได้เห็นกันในคลิปอย่างแน่นอน
โดดเด่น : ดีเจมะตูมชื่อนี้มีที่มาอย่างไร
ดีเจมะตูม : แรกเริ่มเดิมทีมะตูมอยู่ต่างประเทศกับทางครอบครัว ที่ยุโรป เล่นละครบอร์ดเวย์ที่เยอรมัน ส่วนที่มาของชื่อดีเจมะตูมคือ ตอนที่อยู่ที่ต่างประเทศก็เหงา ไม่ค่อยมีเพื่อน ก็เลยได้ไปเล่นโปรแกรมแชทโปรแกรมหนึ่งที่สามารถจัดรายการออนไลน์ได้ ก็เป็นผู้จัดรายการเอนเตอร์เทนคนเปิดเพลงสนุกสนานเฮฮา คนก็เรียก”ดีเจมะตูม” มา5-6 ปี จนกระทั่งติดปากไป ก็ทำให้หลายคนสงสัยว่า มะตูมเป็นดีเจจัดรายการที่คลื่นไหน (หัวเราะ) ก็ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้ตั้งใจจะแอบอ้าง ต้องขอโทษเหล่าบรรดาดีเจทั้งหลายว่ามะตูมไม่ได้เป็นดีเจรายการวิทยุ แต่เป็นฉายาที่คนเรียกกันติดปากไปแล้วเท่านั้นเอง ตอนนี้ก็พยายามให้เรียกว่า มะตูม เฉยๆ
โดดเด่น : รู้จักไปทั่วประเทศเพราะคลิปในโซเชี่ยวแคม ฝีปากไม่ธรรมดาที่คนต้องยกนิ้วให้
ดีเจมะตูม : เรื่องอัดคลิปมะตูมได้เห็นคลิปจาบจ้วงแล้วคิดว่าทำไมเราไม่ออกมาทำอะไรสักอย่าง ในเมื่อเค้ากล้าทำคลิปออกมาจาบจ้วงสถาบันที่เรารักและเคารพขนาดนั้น เราก็ต้องกล้าออกมาปกป้อง ซึ่งคิดว่าเป็นหน้าที่ของลูก มะตูมเชื่อว่าหลายๆคนก็คงคิดเหมือนกันแต่แสดงออกแตกต่างกัน มีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนก็สนับสนุนพระราชกรณียกิจ แต่สำหรับเวอร์ชั่นมะตูมเองเห็นใครมาจาบจ้วงจะรู้สึกแบบว่ารู้มั้ยว่านอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเป็นการทำร้ายหัวใจคนไทยอีกด้วย เลยกล้าออกมาแบบที่ไม่กลัว ก็คิดเหมือนกันว่าจะต้องเป็นกระแสอาจจะไม่ดี ก็ทำใจบ้าง แต่กลายเป็นกระแสตอบกลับกลายเป็นว่าโดนใจหลายๆคนที่ ฉันก็อยากทำได้เหมือนเธอ แต่ไม่กล้า คิดคำไม่ออก เหมือนมะตูมมาเป็นตัวช่วย เป็นตัวแทน ก็ต้องขอบคุณทุกๆคนมาก ที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้มะตูม
โดดเด่น : เป็นคนตรงๆ ในแบบฉบับของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่แรงเพื่อเรียกกระแส
ดีเจมะตูม : เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วเรียกว่าเป็นมาตั้งแต่เกิดเลยดีกว่า กับญาติพ่อแม่พี่น้องมะตูมเป็นอย่างนี้หมด ที่บ้านรับได้ คิดว่าตัวเองโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่สู้มาด้วยกัน อยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนมีอะไรก็พูดคุยปรึกษาได้หมด การเป็นตัวของตัวเอง กล้าคิดกล้าทำ การแสดงออกทุกอย่างของมะตูม ทุกอย่างออกมาจากตัวตนของมะตูม มาจากสถาบันหลักคือครอบครัว ครอบครัวเปิดใจยอมรับว่าเราไม่ได้ดี เฟอร์เฟคหมดทุกอย่าง แต่เราก็คือเรา มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น แม่พูดอยู่เสมอว่า จะเป็นอะไรก็เป็นไป จะทำอะไรก็ทำเลยแต่ต้องไม่เดือดร้อนคนอื่น ซึ่งทุกวันนี้มะตูมก็เชื่อว่าไม่ได้ทำความเดือนร้อนให้ใครเลยนอกจากตัวเอง และแม่ เรื่องเงิน (หัวเราะ)
โดดเด่น : ชีวิตเปลี่ยน แต่ไม่อยากให้เรียกเนตไอดอล
ดีเจมะตูม : ส่วนตัวเมื่อมาถึงตอนนี้ก็ต้องมีการระมัดระวังตัวเองมากขึ้น รู้จักกาลเทศะมากขึ้น ก็ต้องวางตัวให้ดีขึ้น ให้คนมาพูดไม่ได้ว่าเจอมะตูมตัวจริงที่นั่นที่นี่ นิสัยแบบนั้นแบบนี้ รับไม่ได้เลย เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นถึงแม้ว่าคนที่รู้จักเราเค้าจะเข้าใจว่าเราเป็นคนแบบไหนก็ตาม แต่คนที่รู้จักเราแค่ไม่กี่นาทีเค้าไม่รู้ เราก็ต้องรู้จักการวางตัวนิดนึง แต่การเป็นที่รู้จักเยอะๆก็มีความสุขดี เพราะเราชอบเป็นที่สนใจอยู่แล้ว อยากให้คนเข้ามาทัก มาขอถ่ายรูป รู้สึกว่าไม่เหงา สนุกดี
ส่วนคำว่าเนตไอดอล มะตูมไม่อยากใช้คำนี้เท่าไหร่ เพราะสมัยนี้ใครๆก็เป็นเนตไอดอลได้ง่ายๆ แค่มีคลิปโป๊หลุด โชว์นั่นโชว์นี่ มีคนตามหลักร้อย หลักพันก็เรียกเนตไอดอลแล้ว มะตูมไม่อยากเป็นเนตไอดอลเลย อย่างเพื่อนๆมะตูมหลายๆคนก็มีคนติดตามเยอะมาก เรียกว่าเนตไอดอลก็คงได้ แต่ส่วนใหญ่จะคิดกันว่าเป็นคนธรรมดาที่มีความสุขกับการอัดคลิปลงโซเชี่ยว แล้วก็ได้มารู้จักกัน แล้วนัดเจอกันไปเที่ยวกัน ไม่ใช่คบกันเพื่อสร้างกระแส ไม่ได้พยายามถึงขนาดว่าต้องไปตามกดไลค์กันทุกรูป ถ่ายรูปลงโซเชี่ยวว่าเราอยู่กับคนนี้ทำอะไรที่นี้ มันไม่ใช่ บางคนเราเป็นเพื่อนกันในชีวิตจริง ไม่ได้มานั่งสนใจว่ายอดไลค์ของเราเท่าไหร่
โดดเด่น : ยอดไลค์เป็นตัวชี้วัดความนิยม ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี
ดีเจมะตูม : มะตูมมองว่ายอดไลค์เป็นตัวชี้วัดความนิยมของคนๆนั้น ถ้าคุณเป็นที่นิยมชื่นชอบก็จะมีคนมาไลค์เยอะ ถ้าคุณมีคนติดตามเยอะก็แสดงว่าเป็นที่ยอมรับของคนหมู่มาก ซึ่งความเป็นจริงแล้วมะตูมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มันสร้างขึ้นเองได้ ยอดไลค์จึงไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าเราเป็นคนดีหรือไม่ดี ถ้าเราคิดดีเราทำดีมันก็คือคนดี ถ้าเราคิดไม่ดีทำไม่ดียอดไลค์จะเยอะมากขนาดไหนยังไงก็คือคนไม่ดี มันไม่สามารถวัดจากยอดไลค์ได้ แต่สังคมทุกวันนี้กลายเป็นว่าทุกคนมองที่เปลือกอย่างเดียว ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจ และอยู่กับมันให้ได้
โดดเด่น : ขอแสดงจุดยืนไม่รับ ไม่ถือสินค้าโฆษณา หากไม่ได้ใช้จริง
ดีเจมะตูม : ต้องบอกก่อนเลยว่าอะไรที่เป็นเงินถ้าเราทำได้เราอยากทำ คนเรามันต้องกินต้องใช้ จ้างมาเถอะ แต่การที่จะให้มะตูมต้องไปหลอกคน มะตูมต้องไปถือผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งแล้วบอกว่าเราใช้ แต่จริงๆแล้วเราไม่ได้ใช้ มันเป็นสิ่งที่ผิด การที่เราต้องบอกว่าเรากินตัวโน้นตัวนี้ทั้งที่เราไม่ได้กินจริงๆ เราไปหลอกให้คนเค้ามาเชื่อเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเราทำไม การที่เราออกมารีวิวของ เจ้าของสินค้ากับตัวเราที่ได้ผลประโยชน์ ได้ค่าจ้าง แต่คนอื่นที่เค้าหลงเชื่อเค้าเสียผลประโยชน์
ดั้งนั้นมะตูมจึงไม่รับสินค้าพวกนี้ ถ้าจะให้มะตูมรีวิวขอเป็นอย่างอื่นเถอะ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ที่เราได้ใช้จริงๆ ไม่ได้หลอกลวงคนอื่น เราก็มองในฐานะผู้บริโภคด้วยเราก็ไม่อยากเจอคนที่เราชื่นชอบมาหลอกว่าใช้อันนั้นอันนี้สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ ใครอยากจ้างมะตูมโปรโมทสินค้าก็ยังติดต่อได้ แต่ขอเป็นที่ใช้จริงๆ ไม่อยากให้ใครเอาเราไปแอบอ้าง เอาเราไปใช้ประโยชน์ตรงนี้ อย่างเพื่อนมะตูมก็ขายสินค้าแบบนี้เยอะ แต่เราไม่ได้ใช้เราก็ขอเฟดตัวเองออกมาแล้วกัน เพราะเราไม่ได้ใช้ และไม่ได้คิดจะลองใช้อะไร
โดดเด่น : ศัลยกรรมเป็นอีกหนึ่งทางเลือก เมื่อถึงเวลามันก็มาเอง ตอนนี้ขอดูแลตัวเองแบบเบสิกไปก่อน
ดีเจมะตูม : ค่านิยมของประเทศไทยคือ ขาวใส ดูโคเรีย เราก็ชอบ แต่ถ้าเราไม่ใช่จะพยายามไปทำไม ภูมิใจในสิ่งที่เรามีสิ อย่างมะตูมก็ไม่ได้เป็นคนขาวโคเรีย แต่ก็โอเค แฮปปี้แล้ว จมูกก็ไม่ได้โด่งพุ่งมาก ก็โอเคแล้ว แต่บางคนทำศัลยกรรมแล้วออกมาดูดี ก็ทำเถอะ ไม่มีใครไม่อยากดูดีหรอก การที่เราเสริมความมั่นใจให้กับตัวเองก็เป็นสิ่งที่ดี คนที่ถามมะตูมเข้ามาตลอดว่ากินอะไรถึงขาวจัง กินอะไรทำไมถึงสูง กินอะไรทำไมดูดี อย่างนั้นอย่างนี้ ก็ต้องขอบอกว่าไม่ได้กินอะไรนะ มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ถ้ามาสังเกตดีๆ โทรมจะตาย สำคัญจริงๆน่าจะเป็นการพักผ่อนๆให้เพียงพอ ไม่ใช่เพียงการนอนหลับ แต่เป็นการพักสมอง งดแชท งดโซเชี่ยว ไปท่องเที่ยว อะไรแบบนี้ หาเวลาให้กับตัวเองมาสังเกตตัวเองว่าเราแย่ตรงไหน ก็จะรู้จักตัวเราเองดี และดูแลตัวเองได้
มะตูมเองก็ไม่ใช่คนที่ต้องมาปรึกษาหมอทุกอาทิตย์ ไม่ได้อะไรมากตรงนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าดูดี หรือพอใจอะไรตัวเองนะ ถ้ามีโอกาสก็จะทำบางจุดเหมือนกัน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ศัลยกรรมก็ถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งเมื่อถึงเวลา คนรอบตัวมะตูมทำศัลยกรรมออกมาแล้วดูดีกันทั้งนั้นเลย เราคิดว่าเราทำก็น่าจะเป๊ะขึ้น แต่ตอนนี้เรายังพอใจจุดนี้อยู่ เรียกว่ายังไม่ถึงเวลา ถ้าอายุมากขึ้น อาจจะต้องดึง ต้องขึง เวลานั้นมันก็ต้องทำ
โดดเด่น : จุดเริ่มต้นของความรักทางอินเตอร์เนต ที่ใช้เวลาบ่มเพาะจนสุกงอม
ดีเจมะตูม : รู้จักกับพี่เวย์ในอินเตอร์เนต เพราะชีวิตของเราส่วนใหญ่ก็อยู่ในโลกอินเตอร์เนตเพราะเราอยู่ต่างประเทศ ก็พูดคุยกันก่อน 1 ปีเต็มๆ ยังไม่เจอกัน จนกระทั่งเรากลับมาก็ได้เจอกัน และก็เริ่มต้นศึกษาดูใจกันไป คือมะตูมชอบคนที่รักมะตูมมากกว่าที่มะตูมรักเค้า มะตูมไม่ใช่คนโลกสวยที่จะเลือกเฉพาะคนที่เราชอบเท่านั้น แต่มะตูมอยากเป็นคนที่โดนเลือก คือเค้าเลือกแล้วว่าจะรักเรา และคนที่รักเรามากจะสามารถเปลี่ยนให้เราไปรักเค้าได้ไม่ยาก
ซึ่งผู้ชายคนนี้ผ่านข้อนี้ตั้งแต่แรก มะตูมชอบคนที่เสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งพี่เค้าก็เป็นเหมือนเดิมรู้จักกันตอนแรกเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น ตอนนี้ก็ 5 ปีแล้ว สำหรับมะตูมก็ไม่ได้ว่ายาวนานอะไร แต่สำหรับเพศทางเลือก 5 ปีก็ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว รู้จักกันทางอินเตอร์เนตอีกด้วย ที่สำคัญเค้าเป็นผู้ชายที่มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด เราผ่านอุปสรรค์มาด้วยกันเยอะมาก เค้ามีความอดทนสูงมาก ในอนาคตเราก็ไม่รู้จะคบกันต่อในฐานะแฟน หรือเพือน แต่รู้แค่ว่าไม่อยากเสียคนนี้ไปจากชีวิตเลย เพราะคนๆนี้ดีมาก
ตอนนี้ก็เหมือนเป็นความผูกพันธ์ไปแล้ว และทางครอบครัวเค้าก็ดีกับเรา แม่เราก็รักเค้ามาก ทั้งสองครอบครัวคือยอมรับและโอเคกับเราทั้งสองคน เราก็คิดว่าคนนี้ใช่ พอแล้ว อาจจะมีแซวเล่นขำๆตามประสา เพราะเราได้เจอผู้คนมากมาย ก็มีมองๆบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็คือคนนี้ คิดว่าคนหน้าตาดีมีเยอะ แต่คนดีหายาก มะตูมเปรียบความรักเหมือนรองเท้า ที่เราต้องใส่ทุกวัน รองเท้าคู่สวยๆแพงๆมีเยอะแยะไปหมด แต่ถ้าเราคิดจะเดินทางไกล เราต้องเลือกรองเท้าที่เหมาะกับเราใส่แล้วสบายที่สุด มันก็เหมือนกับความรักแบบนี้เลย มองง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
โดดเด่น : หลังออกรายการ “กาละแมร์”ตอนนี้พี่เวย์ก็ฮอตไม่แพ้กัน มีแฟนคลับ มีคนติดตาม
ดีเจมะตูม : จริงๆพี่เค้าจะบอกกับเราตลอดเวลาว่าเค้าไม่ปกตินะ เค้าเดินไม่ตรงนะ ต้องทำกายภาพอยู่นะ จะไปโน่นมานี่กับมะตูม ออกงานกับมะตูมได้เหรอ เราก็สั่งเค้าไปตัดชุดเลยจริงๆเราต้องการให้เค้าได้เข้ามารู้จักโลกของเรา งานของเรา ถ้าเราทำงานในวงการแล้วแฟนของเราเค้าไม่ได้เข้ามาสัมผัสเค้าจะไม่เข้าใจเรา เพราะงานของเค้าคือเป็นนักธุรกิจ เค้าจะไม่รู้จักเรื่องในวงการเลย มะตูมก็ต้องพาเข้ามาให้ได้รู้จักบ้าง เรายังไม่นั่งดูเค้าที่ออฟฟิตบ้าง ต้องศึกษาว่าเค้าทำงานเป็นอย่างไรจะได้เข้าใจเค้า จะได้เข้าใจกัน ไม่งั้นมันจะเป็นงานเธองานชั้น แล้วก็ไม่ได้คุยกันไม่เข้าใจกัน อย่างก่อนหน้ามะตูมก็ให้เค้ามานั่งเฝ้าถ่ายละคร ให้เห็นว่าเราทำงานแบบนี้ ถ้าไม่ได้รับโทรศัพท์ก็เพราะกำลังทำงานอยู่ ให้เค้ามารับรู้และมาเห็นด้วยตัวเค้าเอง
อย่างตอนนี้เองพี่เค้าก็เริ่มมีส่วนในวงการบ้างละ ตั้งแต่ออกรายการพี่กาละแมร์ ก็มีคนติดตาม มีแฟนคลับ มีคนเข้ามาให้กำลังใจ มีเข้ามาปรึกษาเรื่องที่เค้าป่วยแล้วต้องดูแลตัวเองยังไง กลายเป็นว่าตอนนี้เค้าก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนหลายๆคนที่ป่วย ได้ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่เวย์ทำได้ดีมาก เพราะตัวเค้าเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว มีความปารถนาดีให้กับคนรอบตัวอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับตูมที่บางทีก็มีความรู้สึก รำคาญบ้าง อย่ามาลำไยใส่ แต่พี่เวย์ไม่ใช่เลย
มะตูมจะพาเค้าไปรู้จักกับกลุ่มเพื่อน ผู้ใหญ่ ที่มะตูมรู้จักนับถือทุกคนให้รู้ว่า นี่คือแฟนเรานะ รักเราก็ต้องรักเค้าด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าคนจะรักพี่เวย์มากกว่ามะตูมอีก เพราะเค้าจะดีกับทุกๆคน เพื่อนๆก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพี่เวย์เป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนจริงใจ รักษาสัญญา ตรงต่อเวลา คือเป็นทุกอย่างที่ตรงกันข้ามกับเรา คนรอบตัวเราก็จะชอบเค้ามาก
โดดเด่น : ความรักครั้งนี้เรียบง่าย ไม่มุ้งมิ้ง ลงตัวบนความแตกต่าง
ดีเจมะตูม : จริงๆเราก็มีอารมณ์อยากมุ้งมิ้งนะ เวลาเราเห็นคลิปหลายๆคู่ ก็ฟินนะ (หัวเราะ) มะตูมเองก็รู้จักหลายๆคู่ที่เป็นแบบนั้น เราอยากทำแบบนั้น แต่ก็พี่เวย์เค้าจะบอกว่า ในความเป็นจริงเราเป็นแบบนั้นเหรอตูม แล้วทำไมต้องไปทำให้คนอื่นเค้าเห็นว่าเราเป็นแบบนั้นละ เราก็เป็นในแบบของเรา และถ้าคนชอบเค้าก็ตามเอง พี่เวย์คิดแบบนี้ จะเป็นคู่ที่มุ้งมิ้งเป็นไปไม่ได้เลย ถึงแม้เราจะอยากมุ้งมิ้งมากก็ตาม คู่เราจะดูเป็นผู้ใหญ่เรียบๆ เวลามีปัญหาทะเลาะกันก็จะไม่มีมาออกสื่อ ก็จะต้องไปคุยกัน มะตูมจะดูแรง พี่เค้าจะเรียบร้อย ดูแล้วไม่น่าจะไปด้วยกันได้ แต่สุดท้ายแล้วก็คือคนสองคนที่รักกันตั้งแต่ยังไม่มีคนสนใจจนตอนนี้ คนหันมาสนใจแต่เราก็ยังรักกันอยู่
โดดเด่น : ไม่มีคำว่าหึงให้เสียเวลา เอาเวลาที่มีค่ามาเติมความรักให้แก่กันดีกว่า
ดีเจมะตูม : มะตูมเป็นคนไม่หึงแฟนเลย แต่จะหึงเพื่อน เวลาเพื่อนไปปลื้มใคร มีเพื่อนใหม่ เราก็จะ หือ ลืมเราเหรอ!! แต่กับแฟนไม่เลย อาจจะเป็นเพราะคนนี้เค้าทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่จำเป็นต้องหึงเลย เพราะเค้าไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าเค้ามีสายตามองคนอื่นเลย เราเชื่อใจในความดีของเค้า และเราเชื่อว่าถ้าวันหนึ่งเค้าหมดรักเราแล้วเค้าจะบอก เค้าจะไม่ปล่อยให้เราเป็นคนโง่ ที่โดนหักหลังแน่นอน ไม่ใช่ผู้ชายคนนี้แน่นอน
และเค้าก็ไม่หึงเราเลย ไม่เคยโทรจิก เซ้าซี้เลย ยิ่งเค้าเป็นแบบนั้นยิ่งทำให้เรารู้สึกเกรงใจเค้า และจะไม่เค้าแบบนั้นกับเค้าเหมือนกัน ไม่เคยมีการทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องหึงหวงเลย ไม่มีเลย อย่างเคยมีฟิลอยากให้เค้าหึงเหมือนกันนะ อย่างไปงานนายแบบ หรือทำงานร่วมกับพระเอกคนนั้นคนนี้ ก็ถามเค้าว่าไม่หึงบ้างเหรอ เค้าก็ตอบว่ามันคืองานของเรา ถ้าจะต้องมานั่งตามหึงคุณก็ไม่ต้องเป็นอันทำอะไรแล้ว เอาเวลาที่ต้องมานั่งหึงกันมาเติมความรักให้กันและกันดีกว่า อย่ามาหึงกันไร้สาระเลยฟิลเป็นผู้ใหญ่มาก อย่างถ้าทะเลาะกัน ก็จะแยกกันไปก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ จะไม่มีคำว่าเลิกกันออกมาเลยตั้งแต่คบกันมา ห่างกันไปสักพักพออารมณ์เย็นลง สติมา พี่เค้าก็จะเข้ามาคุย คือเค้าเข้าใจเรามาก รู้ว่าเราเป็นแบบนี้
พอมีเค้าเข้ามาก็ทำให้ชีวิตเราบาลานซ์ ทำให้ชีวิตตูมสมบูรณ์มากขึ้น ก็อยากให้คู่ของเราเป็นอีกคู่ที่นำสิ่งที่เราเจอ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราไปปรับใช้ดีกว่า ไม่ถึงขนาดเป็นความรักต้นแบบครับ
โดดเด่น : งานวิ่งชนทั้งหนัง ละคร พิธีกร ฮอตไม่แพ้เบอร์ต้นๆ ปีหน้าคงได้เห็นหน้ากันจนเบื่อ
ดีเจมะตูม : ก็มีมาเรื่อยๆนะ ไม่ถือว่าเยอะมาก ตอนนี้ก็มีถ่ายละครอยู่ 2 เรื่อง ของช่อง 3 ปีหน้าคงได้ดูกัน และก็มีพิธีกร สวยแซ่บเผือก มีหนังของพี่พจน์ที่จะเข้า 31 ธันวาคมนี้ เรื่อง สตรีเหล็กตบโลกแตก ก็ฝากติดตามกันด้วยนะครับ คิดว่าปีหน้าคงได้เห็นหน้ามะตูมจนเบื่อกันเลยทีเดียว
เรื่องโดย โดดเด่นดอทคอม
ขอบคุณภาพจาก IG@matoomstagram