เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีลักเงินคงคลังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) กว่า 1,494 ล้านบาท ว่า มอบหมายพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ
เพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดมีนบุรี ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดนี้เพิ่มเติมอีก 2 ราย ประกอบด้วย นายภาดา บัวขาว หรือ“โอ๊ต พราด้า” คนสนิทของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ
พ.ต.อ.ณษกล่าวอีกว่า จากการพยานหลักฐานเบื้องต้นพบว่า นายภาดามีพฤติการณ์ร่วมกระทำความผิดกับนายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหารายสำคัญใที่ยังคงหลบหนีการจับกุมอยู่ต่างประเทศ
โดยมีการทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกัน ซึ่งตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า นายภาดามีชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหรา ใช้รถยนต์หรูซูเปอร์คาร์ ใช้ของแบรนด์เนม ซึ่งจะต้องตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินต่างๆต่อไป
พ.ต.อ.ณษกล่าวต่อว่า ส่วนผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่นที่มีพฤติการณ์กระจายเงินที่ได้มาจากการลักลักทรัพย์สถาบันเทคโนโลยีดังกล่าว ไปยังบัญชีธนาคารต่างๆนั้น จะดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน โดยประสานเจ้าหน้าที่ปปง.มาร่วมดำเนินการ นอกจากนี้จะเร่งรัดติดตามอายัดทรัพย์สินเหล่านี้กลับคืนมาให้ได้มากที่สุด
ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังนายภาดา บัวขาว หรือ“โอ๊ต พราด้า” ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่นายกิตติศักดิ์ทำ โดยตนกับนายกิตติศักดิ์รู้จักกันได้ปีกว่า
ส่วนความสัมพันธ์นั้นคบกันในฐานะที่มากเกินกว่าเพื่อนได้ 7 เดือน พบกันครั้งสุดท้ายที่จ.กาญจนบุรี ก่อนที่นายกิตติศักดิ์จะถูกออกหมายจับ ส่วนเรื่องความผิดที่นายกิตติศักดิ์ถูกกล่าวหานั้น ตนไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ในด้านความสัมพันธ์ส่วนตัวทำให้ต้องมีการติดต่อเรื่องงานหลายเรื่อง
นายภาดา กล่าวอีกว่า ก่อนจะตกเป็นข่าวตนและนายกิตติศักดิ์เตรียมเปิดบริษัทร่วมกัน เป็นบริษัทเกี่ยวกับการจัดออร์แกไนเซอร์ เพราะนายกิตติศักดิ์เป็นคนชอบใช้ชีวิตหรูหรา อยู่ท่ามกลางแวดวงผู้มีชื่อทางสังคม ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่เคยได้รับการโอนเงินจากนายกิตติศักดิ์
จึงอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับตนด้วย ทุกวันนี้ต้องตกเป็นจำเลยของสังคมในโลกโซเชียลมีเดียไปแล้ว ที่ผ่านมายังไม่เห็นหมายเรียกจากตำรวจ แต่หากมีหมายเรียกมาก็พร้อมเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ขณะศาลอนุมัติหมายจับ 2 บุคคลตามที่ตำรวจบก.ป.ร้องขอ
ต่อมาเวลา 15.30 น. พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบก.ป. พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.1.บก.ป. พ.ต.ท.พัณนพงศ์ ศรีพิณเพราะ สว.กก.5.บก.ป.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าจับกุมตัวนายภาดา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา โดยควบคุมตัวได้ที่ อิงนที รีสอร์ต ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
พร้อมตรวจยึดเงินสด 120,000 บาท เงินดอลล่าร์สหรัฐฯใบละ1,800 ดอลล่าร์ รถเก๋ง เชฟโรเล็ต ครูซสีขาว ทะเบียน ณย-4695 กทม. เอกสารต่างๆจำนวนหนึ่ง กุญแจรถบีเอ็มดับเบิลยู 1 ดอก กุญแจ รถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด 1ดอก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ยึดไว้ตรวจสอบ
สอบสวนนายภาดา ให้การว่า มาเปิดห้องอยู่ที่รีสอร์ตดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยตั้งใจจะไปออกรายการทีวีต่างๆเพื่อแก้ข้อกล่าวหา ทั้งนี้ยอมรับว่าได้รู้จักกับนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาในนคดีสจล.มาได้ประมาณ 1 ปี จากนั้นนายกิตติศักดิ์ ให้ตนเป็นผู้ดูแลรถสปอร์ตหรู ลัมโบร์กีนี เพื่อรอขายต่อ
โดยมีบอย ปกรณ์ เป็นผู้ซื้อ หลังจากที่ตนได้โพสต์ประกาศขายรถลงในเฟซบุ๊ก ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักบอย-ปกรณ์ เป็นการส่วนตัว ส่วนเรื่องอื่นๆตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ตนมีธุกิจหลายอย่างอยู่ที่จ.ภูเก็ต ทั้งเปิดผับ และมีอพาร์ตเมนต์ อีก 1 แห่ง อยู่แล้ว
พ.ต.อ.กรไชย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายภาดา มีความสนิทกับนายกิตติศักดิ์ คอยเป็นคนกลาง ขายรถหรูต่างๆให้ และยังมีอีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกัน ต้องขอเวลาสอบสวนนายภาดาถึงที่มาที่ไปต่างๆเสียก่อน
สำหรับทรัพย์สินของภาดา ทุกอย่างต้องตรวจสอบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร สำหรับรายชื่อที่ทางปปง.เปิดเผย 21 ราย มีทั้งตัวหลักที่ทางพนักงานสอบสวนออกหมายจับไปแล้ว และจับกุมได้แล้ว
นอกจากนั้นยังมีอีกหลายรายที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ออกหมายจับ เนื่องเป็นพวกปลายๆ ที่เงินกระจายไป แต่ทางปปง.อายัดเงินในบัญชีไว้หมดแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวผู้ต้องหาตัวหลักๆที่สำคัญในคดีนี้อยู่ ส่วนรายย่อยยังไม่ได้ติดตามในตอนนี้
ต่อมาพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. พร้อมด้วยพ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. นำตัวนายภาดา มาแถลงข่าวที่กองบังคับการปราบปรามด้วยตัวเอง โดยนายภาดาให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนมีภรรยาและมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ก็เลิกลากันไปนานแล้ว จนเมื่อ 7 เดือนที่ผ่านมา รู้จักกับนายกิตติศักดิ์ที่ร้านอาหารแห่ง กระทั่งคบหาเป็นแฟนกัน ซึ่งได้ตกลงกันว่าจะมีเวลาให้กันสัปดาห์ละ 3 วัน
ต่อมาตนเข้าไปพักที่บ้านหรูในหมู่บ้านของพฤษาภิรมย์ ราชพฤกษ์ ระหว่างนั้นเขาก็ซื้อกระเป๋า แหวน นาฬิกา และซื้อของแบรนด์เนมราคาแพงให้ใช้ตลอด โดยที่ตนไม่ระแคะระคายว่าเอาเงินมาจากไหนซื้อของให้ ส่วนระหว่างที่ระหองระแหงกันนายกิตติศักดิ์ มาง้อพร้อมทั้งชวนไปเที่ยวฮ่องกงตามที่มีภาพข่าวตามสื่อมวลชนอีกด้วย
นายภาดากล่าวต่อว่า ตนเพิ่งมาทราบไม่นานว่า นอกจากจะคบกับตนแล้ว นายกิตติศักดิ์ยังมีความสัมพันธ์กับนายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีดังกล่าวอีกด้วย อย่างไรก็ตามหลังทราบข่าวว่า นายกิตติศักดิ์ถูกหมายจับในคดีโกงเงิน สจล. ด้วยความตกใจ จึงเก็บกระเป๋าออกจากบ้านเพื่อตั้งหลัก กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมดังกล่าว
ที่มา ข่าวสด