ข่าวดัง ทำเอาฮือฮา สั่นสะเทือนวงการการศึกษา ในรั้วมหาวิทยาลัยยามนี้ คงหนีไม่พ้น ปมการยักยอกเงินของ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นแน่แท้
ตัวการสำคัญ หลบหนีไปยังต่างประเทศ กับ ปมที่เจ้าหน้าที่ต้องเร่งไขคดี ว่า “บอส” ตัวจริงที่บงการ ชักใยอยู่เบื้องหลังนั้นเป็นใคร
ส่วนผู้ต้อองหาในคดีนี้ ก็ถูกออกหมายจับหลายราย ไม่เว้นคนในครอบครัว อย่างคุณแม่ ของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ที่ถูกนำตัวฝากขังต่อศาลเมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) มูลค่าเงินกว่า 1.6 พันล้าน ยังหายล่องหน
เงื่อนปมมีอยู่มาก ความเชื่อมั่นก็สั่นคลอน ศิษย์เก่า-คณาจารย์-ศิษย์ปัจจุบัน ตบเท้ามุ่งหน้าคุย ผู้บริหาร SCB เรียกความเชื่อมั่นให้เกิด
ความเชื่อมโยงพัวพัน ไม่เว้นเจ้าหน้าที่ บุคคากร คนภายนอก ชายคนสนิท แต่อีกอย่างที่เม้าส์สนั่น สะเทือนวงการมายา
เมื่อมีชื่อ หนุ่ม บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกวิกน้อยสี และ ดาราสาวเจ้าบทบาท พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช เข้าไปพัวพัน ออกมาปัดพัลวัน ว่าไม่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ออกมาเปิดเผยด้วยว่าน่าจะไม่มีส่วนในอภิมหากาพย์การโกงเงินจำนวนมหาศาล
หนุ่มบอย มีปมสำคัญ คือ ซื้อรถหรูลัมโบกินี ราคา 13.5 ล้านบาท ต่อจากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีนี้ แถมยังถูกอายัดรถหรูคันดังกล่าวไปแล้วนั้น
หลายคนยังสงสัยอยู่ว่า เอ! ที่มีข่าวคราวถึงเรื่องประเด็นผิดรับของโจรนี่จริงหรือไม่ หรือประเด็นที่ได้รับทรัพย์สินมาโดยสุจริตและเสียต่าตอบแทน ไม่มีความผิด ไม่ต้องคืนรถนั้นจริงไหม ในทางกฎหมายอธิบายปรากฏการณ์ของบอย ปกรณ์ ได้ว่าอย่างไร
มติชนออนไลน์ จับเข่าคุย กับ อาจารย์นันทัช กิจรานันทน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงประเด็น บอย ปกรณ์ ในแง่มุมทางกฎหมาย ดังนี้
– ความผิดฐานรับของโจร คืออะไร แล้ว บอย ปกรณ์ จะผิดข้อหานี้หรือไม่ ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
ในกฎหมายอาญาไทย เหตุผลที่รับของโจรเป็นความผิด เพราะกฎหมายต้องการให้ติดตามทรัพย์กลับคืนมาโดยง่าย และป้องกันช่องทางจะทำให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ต่อไปอีก
ดังนั้น จะมีความผิดฐานรับของโจรก็ต่อเมื่อ มีการ “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อรับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระ ทำความผิดถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีด เอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์”
และผู้กระทำต้องมีเจตนา คือ รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยต้องรู้ในขณะที่รับทรัพย์นั้นไว้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด
ในกรณีตามข่าว บอย ปกรณ์ ในขณะที่ซื้อรถมิได้ทราบว่ารถที่ตนเองซื้อมาดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่เกิดจากการกระทำความผิดดังนั้น บอย ปกรณ์จึงขาดเจตนาที่จะรับของโจร จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร
– ที่มีการชี้แจงว่า บอย ซื้อรถมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน ตรงนี้ใช่พิจารณา ถึงองค์ประกอบว่าต้องรับผิดหรือไม่ ด้วยได้ไหม
ถ้าเป็นเรื่องความผิดฐานรับของโจรในทางอาญาแล้ว ต้องใช้ถ้อยคำให้ชัดว่า ไม่มีเจตนากระทำความผิด จึงไม่ผิดฐานรับของโจร
ในส่วนเรื่องสุจริตและการเสียค่าตอบแทนคงนำมาใช้พิจารณาประกอบว่ามีเจตนากระทำความผิดหรือไม่ คือ หากพบว่ามีการจ่ายเงินซื้อรถในราคาตลาดปกติทั่วไปโดยสุจริต
โดยไม่มีพฤติการณ์ที่ บอย ปกรณ์ ผู้ซื้อจะทราบได้ถึงความผิดปกติว่ารถน่าจะได้มาจากการกระทำความผิด ก็ส่งผลให้บอย ปกรณ์ขาดเจตนาในการกระทำความผิดฐานรับของโจร จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจร
– บอย ปกรณ์ ในฐานะคนที่ซื้อรถมา จากการยักยอกเงิน ของคนซื้อรถมาแต่แรก จะจัดอยู่ส่วนไหนในคดีนี้
กรณีนี้บอย ปกรณ์ หากไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดย่อมไม่ถูกดำเนินคดีในฐานะผู้ต้องหา แต่หากทางตำรวจเห็นว่าถ้อยคำของ บอย ปกรณ์อาจเป็นประโยชน์ในการรวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาคดีของศาล บอย ปกรณ์ ก็สามารถเป็นพยานในคดีนี้ได้
– เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ต่อสังคมได้อย่างไรบ้าง
หลายหน่วยงานของของรัฐโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยกำลังเข้าสู่การออกนอกระบบทำให้มีการบริหารเงินในจำนวนที่มากขึ้นและมีอิสระในการบริหารเงินมากขึ้น
ในส่วนนี้ผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาต้องช่วยกันตรวจสอบระบบบัญชีและการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐให้ดีในทางกลับกันก็ต้องมีระบบที่ให้เจ้าหน้าที่ระดับล่าง
หรือองค์กรจากภายนอกตรวจสอบผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้ด้วยโดยปกติอาชญากรรมประเภทนี้ยากที่จะทำโดยลำพัง จึงมักมีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคนและยากที่จะตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม อ.นันทัช ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นการไขข้อข้องใจตามข้อเท็จจริงในข่าวที่ปรากฏ หากในทางการสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ มีข้อมูลสืบสวน สอบสวน เชิงลึก และได้ข้อเท็จจริงในคดีที่มากขึ้น หรือ แตกต่างไปจากนี้ ก็อาจทำให้รูปคดีเปลี่ยนไปได้