ถือว่าสะเทือนใจไม่น้อยสำหรับ หนุ่ม “เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์” ที่ถูกนำภาพสมัยก่อนเข้าวงการมาแฉ เรื่องการทำศัลยกรรม และประเด็นเรื่องลืมบุญคุณผู้จัดการคนเก่า ทำเอาหนุ่มเต้ยถึงกับเครียดไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยหนุ่มเต้ยก็ได้ยืนยันผ่าน ผู้จัดการออนไลน์ว่าเรื่องเงินกับผู้จัดการเก่านั้นได้ทำถูกต้องแล้ว ถ้าถึงขั้นต้องเป็นคดีความกันก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่
“ถามว่าจะถึงขั้นเป็นคดีความกันไหม ถ้าถึงขั้นนั้นคงเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่คุณพ่อคุณแม่ผมแล้วครับ เรื่องสัญญาพ่อแม่ผมแล้วก็ตัวผมเองแล้วก็ทางบริษัทที่ผมอยู่ตอนนี้ที่จริงเรียบร้อยแล้วนะครับ สัญญาได้หมดลงไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายครับ สัญญาหมดไปตั้งแต่ปี 56 แล้วครับ เพราะผมรับรู้ได้แค่นี้เพราะทางนั้นเขาคุยกับพ่อแม่เรื่องสัญญาเรื่องทางกฎหมาย แต่พ่อแม่ก็ยินดีนะเพราะว่าพ่อแม่ดูทุกอย่างแล้วว่าถูกต้อง หลังจากนี้ ก็คิดว่าคงไม่มีแล้วครับ หมดแล้วครับ เคลียร์ปัญหานี้ได้ชีวิตผมไม่มีอะไรแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับเขา ปกติมีอะไรเขาก็คุยกับพ่อผมนะ อย่างปีใหม่เขาก็ โทร. มาแต่ว่าผมอะไม่ค่อยได้คุยกับเขาเพราะว่าผมทำงาน แต่ผมก็ให้เบอร์น้าผมไป เพราะว่ามีอะไรเขาก็ โทร. หาน้าผม ถามว่ากลัวเขาไม่จบไหม ผมว่าพี่เขาเป็นคนดีนะ คงไม่ทำอย่างนั้นหรอก ตอนนี้ยังไม่ว่างที่จะเคลียร์กับเขา แต่ผมทำตามกฎหมายทุกอย่าง คุณพ่อคุณแม่ก็ยินดีที่จะคุย ผมก็ยินดีที่จะคุยครับ ส่วนผู้ใหญ่ก็แค่ให้เราพูดตามความจริง”
ส่วนเรื่องการทำศัลยกรรมนั้นหนุ่มเต้ยก็นั่นยันนอนยัน ว่าทำแค่ตาเพียงอย่างเดียวนะ นอกจากนั้นก็หล่อตามธรรมชาติจ้า
“ผมทำแต่ตาอย่างเดียวครับผมพูดได้เลย ส่วนหน้าผมเป็น baby fat ของผมครับ ทุกคนมันก็ต้องมีอยู่แล้ว รูปนั้นเป็นตอนที่ผมอยู่ ม.6 ครับ อายุ 18 ตอนนี้ 23 พอรูปออกมาก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เราเห็นในวงการบันเทิง แฟนๆ ก็จะได้รู้ด้วยว่าเราเป็นยังไง ถ้าคนชอบเราต้องชอบที่ตัวเรา เขาก็จะได้เห็น ยังไงมันก็ต้องเห็นอยู่แล้วสักวันหนึ่ง ถามว่ารู้สึกเหมือนโดนทำร้ายไหม ก็มีบ้างครับ เพราะว่ารูปมันเก่าแล้วเนอะ แต่ไม่ซีเรียสเพราะผมได้บอกทุกคนไปแล้วว่าผมทำอะไรมาบ้าง”
“ยืนยันว่าทำแค่ตาอย่างเดียวครับ พิสูจน์ได้ครับ ส่วนแก้มนี่ก็ไปออกกำลังกายมามันก็ลง อยู่มาพักหนึ่งแล้วรูปมาหลุดตอนนี้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ยังไงวันหนึ่งก็ต้องหลุดอยู่แล้ว ก็ดีด้วยซ้ำเขาทำให้ผมมีกระแส จากเงียบๆ พี่นักข่าวบางเขาบอกว่าเราไม่มีข่าวอะไรเลย ข่าวผู้หญิงก็ไม่มี ข่าวอะไรก็ไม่มี ไหนๆ ก็มีข่าวแล้วนี่เลย เราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยเราต้องคิดในแง่บวกด้วย ถามว่าระหว่างข่าวแบบนี้กับข่างผู้หญิง ข่าวแบบไหนดีกว่ามันก็ไม่ดีทั้งสองแบบแหละครับ แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย ไม่ถึงกับเดือดร้อนอะไร เพราะเราพูดความจริงอยู่แล้ว”
เรียบเรียงเนื้อหาโดย โดดเด่นดอทคอม
