เกริ่นนำโดย โดดเด่นดอทคอม
หลายคนหันมาทานกปลากันมากขึ้น เพราะนอกจากจะนำไปปรุงได้หลากหลายเมนูแล้ว ยังมีประโยชน์มากมาย ที่สำคัญผู้ที่ดูแลรูปร่างก็หันมารับทานปลากันมากขึ้น สำหรับปลาในบ้านเรานั้นมีหลายสายพันธุ์มาก ไม่ว่าจะเป็น ปลานิล ปลาดุก ปลาช่อน ฯลฯ แต่ปลาที่กลับเป็นที่นิยมกันในยุคนี้กลับเป็นปลาจากต่างประเทศอย่าง ปลาแซลมอน ซึ่งแม้ว่าจะมีคุณค่าสูงแต่ราคาก็สูงด้วยเช่นกัน …แต่รู้หรือไม่ว่า ปลาสวาย มีโอเมก้า 3 มากกว่า ปลาแซลมอน !?
“ปลาสวาย” ถือเป็นปลาน้ำจืดประเภทปลาหนัง พบในแม่น้ำลำคลองสายใหญ่ทั่วประเทศไทย เป็นสัตว์น้ำที่กรมประมงไทยผสมเทียมประสบความสำเร็จเป็นชนิดแรกเมื่อปี พ.ศ. 2509 ถือเป็นปลาเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง เนื้อแน่น ไขมันค่อนข้างมาก มีกลิ่นรสเฉพาะตัว นิยมนำมารับประทานทั้งปรุงสดและรมควัน
นอกจากโปรตีนแล้ว ไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อของปลาสวาย จากรายงานการวิจัยพบว่ามีสารสำคัญอย่าง “กรดโอเมก้า 3” สูงถึง 2,570 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม ซึ่งมีปริมาณสูงกว่าปลาแซลมอนที่มีกรดโอเมก้า 3 ที่ 1,000-1,700 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม
โดยกรดโอเมก้า 3 มีสาร DHA ช่วยบำรุงสมอง สายตา ช่วยลดคอเลสเตอรอล และสารไตรกลีเซอไรด์ซึ่งหากได้รับในปริมาณสูงจะก่อให้เกิดอาการหลอดเลือดแดงแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด ฯลฯ
จะเห็นได้ว่าปลาสวายมีสารอาหารคุณภาพสูงพอๆ กับปลาทะเล จนมีคนตั้งฉายาว่า “แซลมอนเมืองไทย” แต่ราคาถูกกว่ามาก สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายเมนู เช่น แกงคั่วปลาสวายหน่อไม้ดอง หมกปลาสวาย ปลาสวายทอดน้ำปลา ผัดฉ่าปลาสวาย ผัดเผ็ดปลาสวายใบยี่หร่า เป็นต้น
แต่มีเคล็ดลับนิดนึงว่า ก่อนนำไปปรุงอาหาร เมื่อหั่นปลาสวายเป็นแว่นแล้ว ตรงข้างลำตัวทั้งสองข้างจะเห็นเส้นสีขาวขนาดประมาณไม้จิ้มฟัน เรียกว่า “เส้นคาว” ให้ใช้แหนบดึงเส้นคาวนี้ทิ้งไป เคล้าเนื้อปลาด้วยเกลือแล้วล้างน้ำให้สะอาด พร้อมนำไปปรุงเมนูโปรดให้อร่อยเด็ดไปกับเนื้อนุ่มมันของปลาสวาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นคาวอีกต่อไป
เมนูปลาสวายที่ขึ้นชื่อต้อง “แกงคั่วปลาสวายหน่อไม้ดอง” วิธีการปรุงไม่ยากเลย ลองทำทานกันได้เลย
เริ่มจากเตรียมส่วนผสม
วิธีการปรุง