ที่มา: dodeden

เรียบเรียงข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม

ภาพประกอบจาก โดดเด่นดอทคอม

ผักสลัด เป็นหนึ่งในเมนูที่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับทุกๆคน เพราะส่วนประกอบหลักๆของผักสลัดนั้นอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่และไฟเบอร์ ที่ล้วนมีส่วนช่วยในการทำให้ร่างกายแข็งแรง และช่วยป้องกันโรคร้ายต่างๆมากมาย

1624433_1075244985825355_638023659_n

เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม “การเลือกน้ำสลัด” ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อสุขภาพของคนเราได้เช่นกัน

เพราะถ้าหากเลือกผิดประเภท อาจส่งผลให้พลิกประโยชน์เป็นโทษได้เลยทันที

โดย เว็บไซต์โดดเด่นดอทคอม ( www.dodeden.com ) ได้นำเอาข้อมูล น้ำสลัด จาก สุขภาพน่ารู้มาบอกกล่าวกัน ซึ่งสามารถแบ่งน้ำสลัดได้หลายประเภท ในที่นี้จะขอแบ่งแยกน้ำสลัดออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ตามปริมาณพลังงานที่ผู้บริโภคจะได้รับ ดังต่อไปนี้

11022887_1075149909168196_579141444_n

ประเภทแรกคือ “น้ำสลัดที่ให้พลังงานสูง” ซึ่งส่วนประกอบหลักๆที่พบในน้ำสลัดประเภทนี้จะประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมันเป็นหลัก

น้ำสลัดประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักมากกว่าจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

อย่างไรก็ตาม การรับประทานน้ำสลัดประเภทนี้มากเกินไป อาจส่งผลให้ได้รับพลังงานในปริมาณที่สูง และยังส่งผลให้ได้รับปริมาณโคเลสเตอรอลที่สูงตามไปด้วย ตัวอย่างน้ำสลัดในกลุ่มประเภทนี้ ได้แก่ น้ำสลัดครีม น้ำสลัดซีซาร์ และ น้ำสลัดเทาส์ซันไอร์แลนด์

11073741_1075149902501530_2123561560_n

สำหรับน้ำสลัดครีม นับเป็นน้ำสลัดประเภทที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด เนื่องจากมีกรรมวิธีในการทำที่ง่ายและหาวัตถุดิบได้สะดวก

น้ำสลัดครีมจึงถือเป็นน้ำสลัดที่คนไทยค่อนข้างคุ้นเคยมากที่สุด ซึ่งน้ำสลัดประเภทนี้ทำมาจากส่วนผสมที่คลุกเคล้ากันระหว่างไข่ไก่ น้ำมันพืช มายองเนส และมัสตาร์ด

ให้พลังงานสูงถึง 190 กิโลแคลอรี่ต่อน้ำสลัด 1 ช้อนโต๊ะ

ซึ่งถือว่าสูงมากที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำสลัดทุกๆชนิด ส่วนน้ำสลัดซีซาร์ก็เป็นที่รู้จักไม่น้อยหน้ากันและที่ชื่นชอบของเด็กๆโดยส่วนใหญ่

ส่วนประกอบภายในประกอบไปด้วยน้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำส้มสายชู ไข่ เกลือ และ น้ำเชื่อม ให้พลังงานรองมาเป็น 68 กิโลแคลอรี่ต่อน้ำสลัด 1 ช้อนโต๊ะ

และสุดท้ายก็คือ น้ำสลัดเทาส์ซันไอร์แลนด์ ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันพืช น้ำส้มสายชู มะเขือเทศบด น้ำเชื่อม มัสตาร์ด เกลือและไข่แดง ให้พลังงานประมาณ 56 กิโลแคลอรี่ต่อน้ำสลัด 1 ช้อนโต๊ะ และแม้ว่าน้ำสลัดเทาส์ซันไอร์แลนด์จะมีส่วนผสมที่คล้ายกับน้ำสลัดประเภทครีม

แต่ก็มีปริมาณน้ำมันและไข่แดงน้อยกว่า แถมยังมีรสชาติที่เปรี้ยวอมหวานที่ช่วยตัดรสเลี่ยนออกไปได้เป็นอย่างดีด้วย อย่างไรก็ดี

11073431_1075149855834868_1487075022_n

หากต้องการจะลดปริมาณพลังงานจากการรับประทานน้ำสลัดกลุ่มนี้ลง ก็อาจจะดัดแปลงสูตรโดยการลดปริมาณไข่แดงหรือลดปริมาณน้ำมันลง แต่รสชาติที่ได้ก็อาจจะเปลี่ยนไปได้เช่นกัน

แต่ถ้าใครไม่ต้องการจะเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายหรือใครที่มีปัญหาด้านสุขภาพก็อาจจะหันมารับประทานน้ำสลัดในกลุ่มประเภทที่ 2 ที่มีพลังงานต่ำแทนได้

ซึ่งในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลายชนิด เช่น น้ำสลัดงาหรือญี่ปุ่น น้ำสลัดอิตาเลียน น้ำสลัดฝรั่งเศส บาลเซมิค เป็นต้น

น้ำสลัดประเภทนี้มักเป็นแบบใส เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน หรือใครก็ตามที่ต้องการลดน้ำหนัก

โดยหากเป็นน้ำสลัดงาหรือญี่ปุ่นจะมีส่วนผสมสำคัญ เป็นโชยุ น้ำมันงา น้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำเชื่อมและเกลือ และด้วยองค์ประกอบของส่วนผสมดังกล่าว ทำให้น้ำสลัดประเภทนี้มีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยในการยับยั้งการเกิดมะเร็งลำไส้ และควบคุมการแข็งตัวของเลือดได้

และเมื่อราดน้ำสลัดงาลงบนผักสลัดจะช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้นได้อีกด้วย แต่หากเป็นน้ำสลัดสัญชาติอิตาเลียน จะมีส่วนผสมหลักเป็นน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว กระเทียม และหัวหอม

จากการศึกษาพบว่า การรับประทานสลัดอิตาเลียนที่มีส่วนประกอบตามที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดตีบ ควบคุมระดับความดันโลหิต ลดระดับโคเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ข้ออักเสบรูมาตอยด์

การเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยในเรื่องความจำของสมองได้ด้วย น้ำสลัดประเภทถัดไป ได้แก่ น้ำสลัดฝรั่งเศส ที่ประกอบไปด้วยน้ำ น้ำส้มสายชู เกลือ และน้ำเชื่อม

เนื่องด้วยองค์ประกอบที่แทบจะไม่มีไขมันเลย จึงส่งผลให้น้ำสลัดชนิดนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก

ส่วนน้ำสลัดชนิดสุดท้ายที่จะขอกล่าวถึงในที่นี้ ก็คือบาลเซมิค น้ำสลัดที่มีส่วนผสมของน้ำ น้ำส้มสายชูบาลเซมิค น้ำมะเขือเทศบด เกลือและน้ำมันมะกอก น้ำสลัดชนิดนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นคอมะเขือเทศหรือรักการรับประทานมะเขือเทศเป็นชีวิตจิตใจ

อีกทั้งการรับประทานบาลเซมิคยังส่งผลให้ร่างกายได้รับไลโคปีนจากมะเขือเทศในปริมาณที่มากพอที่จะช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและโรคหัวใจได้

จะเห็นได้ว่า “สลัด” สามารถรับประทานให้ได้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ อยู่ที่ว่าเราจะชอบแบบไหนมากกว่ากัน

ใครใคร่อยากจะได้รับพลังงานหรืออยากจะลดพลังงาน ก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ และนอกจากน้ำสลัดที่มีให้เลือกมากมายแล้ว ก็ยังสามารถเลือกประเภทของผักสลัดได้อีกหลากหลายเช่นกัน

เรื่องน่าสนใจ