สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย พล.ต.นพ.กฤษฎา ดวงอุไร นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวอันตรายจากการฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน ทั้งนี้ได้นำแพทย์ผู้เชียวชาญด้านโรคผิวหนัง และด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า มาร่วมแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย
นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รักษาการแทนผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวถึงการใช้สารฟิลเลอร์ว่า ฟิลเลอร์ มี 3 ประเภท คือ แบบสลายตัวตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง ใช้งานได้ 4-6 เดือน, แบบไม่สลายตัวตามธรรมชาติ เช่น ซิลิโคน พาราฟิน มักก่อปัญหาไหลย้อย และอันตราย ก่อผลข้างเคียงระยะยาว, และแบบสุดท้าย แบบกึ่งถาวร เป็นวัฒนาการที่มีขึ้นมาใหม่ ใช้ได้ 2-3 ปี แต่อย่างไรก็ตาม มีเพียงประเภทสลายตัวตามธรรมชาติเท่านั้นที่ คณะกรรมการอาการและยา ( อย. ) รับรองความปลอดภัย
ด้าน ผศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ หัวหน้าหน่วยศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ โดยยกตัวอย่างกรณีฉีดเสริมจมูก เสี่ยงตาบอดถาวร เนื่องจากบริเวณจมูกมีหลอดเลืิอดเชื่อมไปยังประสาทตาและสมองโดยตรง ส่วนกรณีอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าสะโพกแล้วทำให้พริตตี้สาวหมดสติซึ่ง กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ คาดว่าเป็นการฉีดสารโพลีเอครีย์ลาไมด์ จัดเป็นฟิลเลอร์ต้องห้าม เพราะสารไม่สลายตัว ส่วนสาเหตุที่ฉีดแล้วพริตตี้รายนี้ถึงกับหมดสติ อาจเนื่องมาจากสารดังกล่าวรั่วเข้าหลอดเลือดดำย้อนเข้าปอด ส่งผลให้ขาดอ็อกซิเจน เหมือนถูกบีบคอ หมดสติ และหยุดหายใจ การฉีดสารนี้เข้าไปจะไม่สามารถนำออกจากร่างกายได้
ด้าน พล.ต.นพ.กฤษฎา กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอเตือนประชาชนที่มีความต้องการฉีดฟิลเลอร์ ควรพิจารณา 3 ปัจจัยสำคัญ คือ คนฉีด ต้องเป็นแพทย์ผู้เชียวชาญ สารที่ฉีด ต้องทราบว่าอย. รับรองหรือไม่ และมีผลระยะสั้น-ยาวอย่างไร สุดท้ายสถานที่ฉีด ควรมีเครื่องมือช่วยชีวิตหากเกิดกรณีฉุกเฉิน.
ขอบคุณที่มาจาก www.dailynews.co.th
