จากกรณีนายจรูญ แซ่บุ้น วัย 72 ปี เดินเท้าจาก จ.พิจิตร จะไปหาลูกสาวที่จังหวัดทางภาคเหนือ แต่เจอคนใจบุญช่วยเหลือให้น้ำข้าวให้กิน ก่อนสอบถามทราบสาเหตุแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่บ้านมิตรไมตรี จ.พิษณุโลก ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น เพื่อรอให้ลูกมารับตัวไป

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 23 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพีชพงษ์ พิทักษ์ หัวหน้าบ้านมิตรไมตรี จ.พิษณุโลก โดยในวันนี้ได้ติดต่อกับลูกๆ ของนายจรูญมาสอบถามข้อเท็จจริง เพื่อจะได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเหมาะสม

ส่วนร่องรอยช้ำที่อยู่บนใบหน้าของนายจรูญนั้น ไม่ได้เกิดจากการถูกบุตรทำร้ายแต่อย่างใด จากการสอบสวนอย่างละเอียด นายจรูญ เล่าว่า ตนเองถูกทำร้ายตอนที่หนีออกมาจากบ้านลูกชายอีกคน ตอนเวลาตี 2 โดยไม่เห็นหน้าคนที่มาทำร้ายตน คาดว่าจะเป็นการถูกทำร้ายจากคนอื่น

14297845331429784655l

โดยลูกชายนายจรูญ อายุ 47 ปี กล่าวว่า ตนเองและภรรยา พยายามดูแลบิดา คือ นายจรูญ เป็นอย่างดี  แต่พ่อของตนชอบหนีออกจากบ้านอยู่เป็นประจำ คาดว่าจะคิดถึงลูกสาวคนเดียว ที่อาศัยอยู่ จังหวัดในภาคเหนือ เพราะพ่อบ่นเสมอว่า อยากจะไปอาศัยอยู่กับลูกสาว อายุ 35 ปี

แต่ก็ไม่สามารถรับพ่อไปอยู่ด้วยได้ เป็นเหตุผลในครอบครัว แต่ก็ยืนยันว่า ตนเองและลูกคนอื่นๆ ก็พยายามแล้วที่จะดูแลพ่ออย่างดี

ส่วนที่ว่าพ่อยกมรดกให้ ก็ไม่มีมรดกอะไรมาก เพราะไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ตนกับน้องชาย ทำงานเป็นเพียงผู้รับเหมาก่อสร้าง รับจ้างไปวันๆ เท่านั้น เรื่องการดูแลพ่อ ยอมรับว่าไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะพ่ออยู่กับตนก็หนีออกจากบ้าน

ตอนไปอยู่กับน้องชายคนเล็กก็หนีออกจากบ้าน และพ่อของตนหนีออกมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งตนและน้องชายก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งออกตามหาและแจ้งความ ไม่เคยทอดทิ้ง จนตัวเองไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งจะให้มีคนเฝ้าตลอดเวลา คงเป็นไปไม่ได้

ทั้งนี้ ระหว่างที่ลูกชาย กำลังเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายจรูญถึงกับน้ำตาไหลพรากร้องไห้ แต่ไม่มีลูกคนใดเข้าไปปลอบ จนกระทั่ง นายพีชพงษ์ พิทักษ์ หัวหน้าบ้านมิตรไมตรีจังหวัดพิษณุโลก ต้องเดินเข้าไปปลอบนายจรูญด้วยตนเอง

ทั้งนี้ทางหัวหน้าบ้านมิตรไมตรี ได้แนะนำให้นายจรูญ แซ่บุ้น ไปพักอาศัยอยู่ที่ศูนย์จัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จ.ลำปาง เพื่อจะได้มีผู้ดูแลที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป

เรื่องน่าสนใจ