ตำรวจ-ปปง.บุกอายัดห้องชุดคอนโดฯ และรถหรู คดีแชร์ลูกโซ่ยักษ์รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท เผยเป็นของ 1 ในผู้ต้องหาคนไทยที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้า ผู้ช่วย ผบ.ตร.ระบุ พบเอกสารเป็นภาพถ่ายสำคัญของผู้ร่วมแก๊ง มีทั้งที่ถูกออกหมายจับ และผู้ที่เข้าข่ายจะถูกออกหมายจับ ล่าสุดศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหารายที่ 13 แล้ว
การทลายเครือข่ายบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด แชร์ลูกโซ่ยักษ์ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน มีการออกหมายจับและอายัดทรัพย์ผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ได้อายัดทรัพย์ส่ง ปปง.ไปแล้ว 559 ล้านบาท ล่าสุดชุดจับกุมประสานตำรวจมาเลเซียจนพบว่า บริษัทแห่งนี้ถูกขึ้นบัญชีดำในประเทศมาเลเซียลำดับที่ 166 เมื่อเดือน ก.ค.57 ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าคดีทลายเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ยูฟันฯ เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 25 เม.ย. ที่ บก.ปคบ. ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.ณราเดช กลมทุกสิ่ง รอง ผบก.ภ.จ.ฉะเชิงเทรา หน.ชุดสอบสวนคดียูฟันฯ ประชุมพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวน ในการตามความคืนหน้าการรับแจ้งความคดียูฟันฯ และสรุปสำนวนผู้ที่เกี่ยวข้องบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ในการออกหมายค้น และหมายจับเพิ่มเติม นำตัวมาดำเนินคดีต่อไป
โดยตลอดทั้งวันมีนักเรียน นักศึกษา และประชาชนหลากหลายอาชีพ ในฐานะผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่บริษัทยูฟันฯ ฉ้อโกง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้เสียหายที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดทราบว่า บางคนเดินทางมาตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะสถานีตำรวจใกล้บ้าน ไม่รับแจ้งความ อ้างเป็นคดีเฉพาะกิจ และแนะนำให้มาแจ้งความกับ ปคบ. ศูนย์ราชการ กทม. ทำให้ผู้เสียหายสับสนอย่างมาก
ขณะที่ พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า มีผู้เสียหายหลายอาชีพเข้าแจ้งความแล้ว 228 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 60 ล้านบาท ตามการสอบปากคำ มีการระบุบุคคลชื่อของแม่ข่าย ชักชวนให้เข้าร่วมธุรกิจบริษัทยูฟันฯ มากมาย มีทั้งการชักชวนกันในหมู่เพื่อน ญาติ พี่น้อง แต่ตำรวจต้องดูเจตนาของการกระทำผิด และรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ส่วนผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัด แจ้งความสถานีตำรวจใกล้บ้านได้ทันที
หากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจใด ไม่รับแจ้งความ โทรศัพท์มาแจ้งที่เบอร์ 1599 แจ้งสถานีตำรวจที่ไม่รับเรื่องได้ตลอด เพราะ ผบ.ตร.มีคำสั่งต้องรับคดีดังกล่าว หากไม่รับถือว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง ไม่เพียงต้องลงโทษพนักงานสอบสวนเท่านั้น ต้องลงโทษผู้บังคับบัญชีในสถานีด้วย
ส่วนกรณีบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด ยังไม่ได้ยื่นภาษีประจำปี 57 พล.ต.ท.สุวิระเปิดเผยว่า ทราบว่า บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ยังไม่ได้ยื่นเสียภาษีประจำปี 57 ได้สอบถามพนักงานบริษัทแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้ยื่นภาษีประจำปีดังกล่าว เนื่องจากผู้บริหารบริษัทยูฟันฯ โอนเงินไปหลายแห่ง ไม่สามารถตรวจสอบหรือทำบัญชีได้ถูกต้องว่า เพื่อใช้จ่ายในลักษณะใด จึงลงรายการบัญชีไม่ถูกจนไม่สามารถยื่นภาษีประจำปี 57 ได้ ดังนั้น ตำรวจจะประสานให้อธิบดีกรมสรรพากร ตรวจสอบให้แน่ชัด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้บริหารบริษัทยูฟัน และผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.สุวิระ พ.ต.อ.อังกูร รอง ผบก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียม ชื่อ เดอะริเวอร์ ในซอยเจริญนคร 13 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน โดยเข้าตรวจค้นห้อง 5405 เลขที่ 110/435 อาคารเอ เป็นห้องสุดหรูของนายรัฐ-วิชญ์ ฐิติอรุณวัฒน์ หรือโน๊ะ 1 ในผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่บริษัทยูฟันฯ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้า หลังสืบทราบว่า นายรัฐวิทย์ นำทรัพย์สินที่ได้จากการฉ้อโกง มาซุกซ่อนไว้ที่คอนโดมิเนียมดังกล่าว จากการตรวจค้นพบ ตู้เซฟขนาดใหญ่ 1 ตู้ ถุงใส่เงินธนาคารต่างๆ 10 ถุง เอกสารต่างๆและซีดีหนังโป๊จำนวนมาก ได้ตรวจสอบอายัดทั้งสินทั้งหมด เพื่อส่งมอบให้กับ ปปง.ต่อไป นอกจากนี้ยังพบ รถลัมโบร์กินี รุ่นกัลลาร์โด ป้ายแดง เลขทะเบียน ง-0158 กรุงเทพมหานคร ของนายรัฐวิทย์ ถูกจอดไว้ที่ชั้น 2 ภายในรถพบ แผ่นหมายเลขทะเบียน 3 กถ 2653 กรุงเทพมหานคร 1 แผ่น เอกสารสำคัญและเงินสดจำนวนหนึ่ง
พ.ต.อ.อังกูรกล่าวว่า ทางการสืบสวนสืบทราบว่า นายรัฐวิชญ์ผู้ต้องหาที่ขณะนี้ถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำแอบซื้อคอนโดมิเนียมไว้ เพื่อเป็นที่พักทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดมาซ่อนไว้ และมานอนพักอาศัยบ้างบางครั้ง หลังนายรัฐวิชญ์ถูกจับกุมยังมีบุคคลเข้าออกปกติ สังเกตจากเครื่องใช้ส่วนตัว และเครื่องสำอางต่างๆ ทั้งในห้องน้ำ และห้องนอน รวมถึงอาหาร ขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ มีการโยกย้ายทรัพย์สินบางส่วนออกไป ไม่น่าจะเกิน 2-3 วัน ที่ผ่านมานี้ ดังนั้นตำรวจจะต้องตรวจกล้องวงจรปิดการเข้าออกห้องดังกล่าว เพื่อติดตามทรัพย์เหล่านี้มาตรวจสอบต่อไป
ส่วน พล.ต.ท.สุวิระกล่าวว่า จากการตรวจค้นทรัพย์สินของนายรัฐวิชญ์พบเอกสารสำคัญมากคือรูปถ่ายผู้บริหารใหญ่ในประเทศไทย เป็นรูปที่นั่งประชุมกัน เป็นบุคคลสำคัญที่ตำรวจออกหมายจับ และถูกจับกุมแล้ว รวมถึงกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมออกหมายจับด้วย เพราะมีความเชื่อมโยงตามที่ถูกผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ส่วนนายรัฐวิชญ์ ถูกจับกุมไปตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. และมีทรัพย์สินซุกซ่อนอยู่คอนโดมิเนียมแห่งนี้ ดังนั้น ตำรวจต้องอายัดห้องคอนโดมิเนียมนี้ มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท รถลัมโบร์กินี ราคากว่า 15 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท จากการตรวจสอบในห้องพบตู้เซฟขนาดใหญ่ สูงกว่า 1.5 เมตร โทรทัศน์ 1 เครื่อง ซองใส่เงินของธนาคารต่างๆกว่า 10 ซอง คาดว่าแต่ละซองจะสามารถบรรจุเงินได้ประมาณ 1 ล้านบาท และคงจะนำเงินมาเก็บที่ตู้เซฟดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะนำไปยัง ปคบ. เพื่อเตรียมนำส่ง ปปง.ต่อไป
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า การอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายบริษัทยูฟันฯ สามารถอายัดทรัพย์สินต่างๆ และเงินสด มูลค่า 600 ล้านบาท ส่วนหมายจับคนที่ 13 ที่ยังบอกชื่อไม่ได้ เพราะเกรงจะหลบหนี หากไม่มีอะไรผิดพลาดคาดว่าน่าจะจับกุมได้ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ในวันที่ 26 เม.ย. ยังมีเป้าหมายที่จะตรวจอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายบริษัทยูฟันฯ รวมทั้งจะประชุมพนักงานงานสอบสวน และชุดสืบสวน สรุปการแจ้งความของผู้เสียหายทั้งหมด และชุดสืบสวนที่กระจายหาหลักฐาน เตรียมที่จะออกหมายจับบุคคลที่ 14 เร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม การสืบสวนตำรวจไทยที่ถูกส่งไปทำงานร่วมกับตำรวจสากล และตำรวจมาเลเซีย ทราบว่าบุคคลนายลี ควน มิง และนายวอน ซิง หัว ที่ถูกออกหมายจับ หลบหนี และเดินทางออกจากมาเลเซีย คาดว่าจะหลบหนีไป
ยังประเทศอินโดนีเซีย กบดานอยู่กับนายอาทิตย์ ปานแก้ว ผู้ต้องหาอีกคน รวมถึงคนไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องบริษัทยูฟันฯทยอยเดินทางไปรวมกันที่นั่นด้วย
ต่อมาเวลา 20.30 น. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้นำหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นรายที่ 13 คือ น.ส.พีรญา หาญพรม อยู่บ้านเลขที่ 46/324 ซอยพหลโยธิน 52 แขวงคลองถนน เขตสายไหม ตามหมายจับศาลอาญาที่ 787/2558 ลงวันที่ 25 เม.ย.58 ในข้อหา ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนเป็นเครือข่าย โดยศาลอนุมัติตามคำร้อง ขณะนี้ได้ให้ชุดสืบสวนออกปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวแล้ว