CHG อัดงบ 500 ล้าน จัดตั้งศูนย์เฉพาะทาง รวมถึงศัลยกรรมความงามด้วย

นายแพทย์กำพล พลัสสินทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ หรือ CHG

บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ อัดงบลงทุนปีหน้า 400-500 ล้าน บ. เตรียมจัดตั้งศูนย์แพทย์เฉพาะทางในโรคมะเร็ง หัวใจ และโรคช่องท้อง ตลอดถึงศูนย์ศัลยกรรมความงาม เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เน้นสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังเตรียมเข้าบริหารโรงพยาบาลชลเวท หลังบริษัทฯ เข้าถือหุ้นแล้วกว่า 90% คาดรับรู้รายได้ปีหน้า

นายแพทย์กำพล พลัสสินทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ หรือ CHG กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนในปีหน้าอีกอย่างน้อย 400-500 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการขยายเตียงเพิ่มขึ้นอีก 50 เตียง จากเดิมที่มีอยู่ 380 เตียง และจะจัดตั้งศูนย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการรักษาพยาบาลทางด้านโรค หัวใจ มะเร็ง รวมถึงทางเดินอาหารและตับ ตลอดจนถึงศูนย์ศัลยกรรมความงาม ซึ่งจะใช้กลยุทธ์การประสานงานรับช่วงผู้ป่วยต่อจากโรงพยาบาลอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตร ซึ่งปัจจุบัน มีพันธมิตรโรงพยาบาลที่ส่งผู้ป่วยโรคมะเร็งอยู่ที่ 10 โรงพยาบาล และผู้ป่วยโรคทางเดินอาหารและตับ จำนวน 40 โรงพยาบาล

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปีหน้าเติบโตที่ประมาณ 10% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ชะลอลงจากปีนี้ที่คาดจะโตราว 20% เนื่องจากมีฐานรายได้ที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน การดำเนินงานขยายโครงการโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง ทั้งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 บางปะกง และปราจีนบุรี ยังอยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาต และก่อสร้าง แต่หากการก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ น่าจะทำให้รายได้ในอนาคตตั้งแต่ปี 2558 เติบโตอย่างก้าวกระโดด

“บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนปีหน้าไว้ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งเงินสดที่มีอยู่ในมือจากการขายหุ้น IPO ได้ทยอยใช้ขยายโรงพยาบาลทั้งหมด และการขยายเตียงตลอดถึงการก่อสร้าง 3 โรงพยาบาลในเครือ คือ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องกู้จากสถาบันการเงินเนื่องจากมีเงิน ทุนหมุนเวียนอยู่มาก จากกระแสเงินสดที่มีสูงถึง 1.2 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 44% ของสินทรัพย์รวม โดยยอดการเติบโตรายได้ในปีหน้าจะอยู่ที่ 10% เนื่องจากบริษัทมีฐานที่ใหญ่ขึ้น และมีโรงพยาบาลที่ยังขยายไม่เสร็จอีกหลายโครงการ ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตโรงพยาบาลที่บางปะกง คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในกลางปี 2557 และโรงพยาบาลในจังหวัดปราจีนบุรี ที่จะสร้างเสร็จอีก 2 เฟส ภายในระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี ทำให้การเติบโตของรายได้ปีหน้าคาดว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดด”