ทุกวันนี้ Face Oil สำหรับผิวหน้า สามารถตอบโจทย์ผิวได้หลากหลายปัญหา ดังนั้น จึงควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว และความกังวลของเราในขณะนั้นด้วย
TREATING ACNE
สําหรับคนผิวมันหรือเป็นสิว มักกลัวสกินแคร์ที่อยู่ในรูปของน้ำมัน แต่เฟซออยล์ประเภทนี้ สามารถช่วยให้ผิวผลิตน้ำมันในระดับที่สมดุล เพราะการใช้สกินแคร์สําหรับรักษาสิว ซึ่งมีส่วนผสมของซาลิซิลิกแอซิด และเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์อย่างต่อเนื่อง อาจทําให้ผิวแห้ง ซึ่งส่งผลให้เซลล์ผิวต้องผลิตน้้ำมันออกมามากขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้น ลองใช้เฟซออยล์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดโฮโฮบา, ทีทรี ทามานู, ลาเวนเดอร์, คาโมไมล์ หรือแฟรงคินเซนส์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ สามารถใช้เดี่ยวๆได้ โดยลงหลังครีมบำรุง หรือหยดผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อช่วยรักษาระดับความชุ่มชื่นให้คงอยู่ตลอดวัน
ANTI-AGEING
เฟซออยล์เพื่อช่วยลดเลือนและต่อต้านริ้วรอยกําลังมาแรงมาก เพราะคุณสมบัติของสารสกัดออยล์จากพืชธรรมชาติอย่างทับทิม, แอพริคอต ต้นอาร์แกน, เมล็ดโรสฮิป, เจอเรเนียม และซีบักทอร์น อุดมด้วยวิตามินเอและอี ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวอักเสบจากการโดนแสงแดดและอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมความชุ่มชื่นให้ผิว และลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ได้ นอกจากนี้ ยังช่วยลดเลือนจุดด่างดำต่างๆ และช่วยทําให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น จึงควรอย่างยิ่งที่จะเริ่มใช้เพื่อเป็นการปกป้องผิวจากมลภาวะในชีวิตประจำวัน และชะลอความร่วงโรยก่อนวัย
HYDRATING
สูตรนี้ เหมาะสําหรับผู้มีผิวแห้งและผิวขาดน้ำ ที่ต้องการเติมความชุ่มชื่นให้ผิวอย่างล้ำลึก เพื่อรับมือกับอากาศที่แห้งทั้งจากภายนอกและเครื่องปรับอากาศ ลองเลือกเฟซออยล์เนื้อบางเบา และซึมซาบเร็ว ซึ่งอุดมด้วยกรดไขมันที่จำเป็น อย่างน้ำมันอาร์แกน, โฮโฮบา, อีฟนิ่งพริมโรส, ไรซ์แบรน, กุหลาบู, โอลีฟ และแมกคาเดเมีย โดยหยดผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์ หรือลงเป็นลําดับสุดท้ายของการลงสกินแคร์ทั้งเช้าและเย็น จะช่วยให้ผิวดูอวบอิ่ม และนุ่มเนียนขึ้น ทําให้แต่งหน้าได้ง่าย และผิวดูสวยเปล่งประกายยาวนาน
CALMING
ผิวบอบบางและแพ้ง่าย ต้องการเฟชออยล์ที่มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว และลดการอักเสบ รวมทั้งช่วยเสริมสร้างผิวชั้นนอกให้แข็งแรง เพื่อรับมือกับมลภาวะและแสงแดดได้ ส่วนผสมเด่นๆ ที่ใช้ในเฟซออยล์ของกลุ่มผิวประเภทนี้ ได้แก่ คาโมไมล์ , ลาเวนเดอร์, กุหลาบ, อัลมอนด์ แชนดัลวูด, คาร์เลนดูลา และเนโรลี
นอกเหนือจากเฟซออยล์ในรูปแบบปกติอย่างน้ำมันเเล้ว ในปัจจุบันนี้ ก็ยังมีออยล์เนื้อสัมผัสใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ง่าย และเหมาะกับสภาพผิวหน้าของเรามากยิ่งขึ้น
OIL-IN-SERUM
ข้อดีของออยล์เนื้อสัมผัสแบบเซรั่ม คือเหมาะกับคนที่ไม่คุ้นกับการใช้ออยล์แบบดั้งเดิม คือเป็นเนื้อที่เบากว่า แต่ยังได้ความชุ่มชื่นครบถ้วน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทําให้สารออกฤทธิ์ที่จําเป็นในออยล์ แทรกซึมเข้าบํารุงผิวได้เต็มประสิทธิ์ภาพ ออยล์เซรั่มจึงเป็นทางเลือกที่ดีของคนผิวขาดน้ำ ที่ต้องการเติมความชุ่มชื่นผิวในระดับลึก โดยไม่เสี่ยงต่อการเกิดสิวอุดตัน
OIL-IN-CREAM
ออยล์ในเนื้อสัมผัสแบบครีม เหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง หรือแห้งมาก พอเกลี่ยเนื้อครีมนุ่มเนียนบนผิวแล้ว จะแตกตัวเป็นเนื้อออยล์ที่ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ความลื่นของเนื้อสัมผัสทําให้ใช้เป็นครีมนวดหน้าเสริมความกระชับผิวได้ด้วย นับเป็นไฮบริดสกินแคร์ ที่เปลี่ยนเทกซ์เจอร์ครีมจากเนื้อหนาหนัก มาเป็นเนื้อนุ่มละมุน ซึ่งช่วยเสริมความรู้สึกรื่นรมย์ในการใช้ได้มากยิ่งขึ้น
OIL-IN-LOTION
โลชั่นน้้ำ ในรูปแบบออยล์ หลอมรวมเป็นเนื้อสัมผัสที่บางเบาและสดชื่น ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงทําให้ส่วนผสมบำรุงสามารถซึมซาบสู่ผิวภายใน จนได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ โดยที่พื้นผิวไม่สูญเสียความชุ่มชื่น ในโลชั่นของบางแบรนด์ ยังใช้เป็นโทนเนอร์ได้ในตัวด้วย ช่วยข้ามขั้นตอนลงเอสเซนซ์และอิมัลชั่นไปสู่เซรั่มได้เลย จึงลดขั้นตอนการบํารุงผิวไปได้มาก
PRIMER OIL
ออยล์ไพรเมอร์สำหรับใช้ก่อนแต่งหน้า เป็นตัวช่วยบูสต์ผิวให้ชุ่มชื่นและนุ่มเนียนอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ลงเมกอัพตามได้ง่าย และเกลี่ยกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับ ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เนื้อสัมผัสมีความบางเบากว่าเฟซออยล์บํารุงผิวทั่วไป และเหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง ที่ต้องการเมกอัพลุคสไตล์ดิวอี้สกิน แนะนําให้ รอจนออยล์ซึมซาบและเซ็ตตัวดีก่อน ค่อยลงรองพื้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเฟซออยล์จะใช้ส่วนผสมจากพืชที่ปลูกแบบออร์แกนิกหรือทั่วไป คนผิวแพ้ง่ายบางคนก็อาจไวและระคายเคืองกับสารประกอบของพืชเหล่านี้ได้ จึงควรทดสอบก่อนใช้ โดยทาที่ท้องแขนติดต่อกัน 2-3 วัน ไปจนถึงหนึ่งอาทิตย์ บางคนอาจเห็นเป็นผื่นแพ้ขึ้นมาทันทีตั้งแต่วันแรก แต่บางคนอาจต้องใช้ติดต่อกันสักพักถึงเห็นอาการ
เนื้อหาโดย Dodeden.com