หลังจากพาสื่อมวลชนไทยไปขับทดสอบที่เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส ล่าสุด วันที่ 7 ตุลาคม 2558 Mercedes Benz Thailand ก็ได้ทำการเปิดผ้าคลุม All New GLC ยนตรกรรมเอสยูวีระดับพรีเมียมที่ลานสยามพารากอน เป็นการทำตลาดรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดที่อยู่ในคลาสเดียวกับ BMW X3
จัดเต็มสูบทุกองคาพยพของตัวรถไล่เรียงความหรูกับสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4 Matic ควงคู่มาพร้อมกันสองรุ่นให้ลูกค้าไฮโซได้เลือกใช้ตามความชอบ เริ่มจาก Mercedes Benz New GLC 250D 4 Matic Off Road กับล้อขอบ 19 พร้อมยางกึ่งออฟโรด Pirelli Scorpion ไซส์ 235/55R19
ราคาเปิดตัวแบบนำเข้ามาทั้งคันที่ ราคา 3,790,000 บาท และ Mercedes Benz New GLC 250D 4 Matic AMG Dynamic หลังคากระจก Panoramic ยัดล้ออัลลอยลายก้านจาก AMG และยางกึ่งออฟโรด Pirelli Scorpion ไซส์ 255/45R20 ราคาค่าตัว 4,090,000 บาท ทั้งสองรุ่นวางเครื่องดีเซลเทอร์โบประสิทธิภาพสูงพร้อมระบบส่งกำลังใหม่ล่าสุดด้วยเกียร์ 9G-Tronic ระบบเกียร์ 9 อัตราทดที่พัฒนาใหม่หมดโดยวิศวกรของแบรนด์ตราดาวเองทั้งหมด
Mercedes Benz New GLC 250D 4 Matic Off Road 3,790,000 บาท
Mercedes Benz New GLC 250D 4 Matic AMG Dynamic หลังคากระจก Panoramic 4,090,000 บาท
New GLC ใช้รหัสตัวถัง X253 ดีไซน์แบบไหลลื่นโค้งมนแทบจะไม่มีสันนูนหรือเหลี่ยมบนตัวถังให้เห็น งานออกแบบตัวถังเชื่อมโยงกับรุ่นพี่อย่าง Mercedes Benz GLE โดยเน้นความราบเรียบของเส้นสายรอบคันประสานไปบนผิวพื้นของตัวรถแบบเดียวกับ SUV รุ่นพี่ที่ออกมาทำตลาดก่อนหน้านี้ GLC SUV ใหม่นั้นมีทรวดทรงออกมาในแนวรถอเนกประสงค์ขนาดกลาง
ความกว้างของตัวรถอยู่ที่ 1,890 มิลลิเมตร ยาว 4,656 มิลลิเมตร สูง 1,639 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อหน้า 1,621 หลัง 1,617 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อหน้า-หลัง 2,873 มิลลิเมตร สัดส่วนของความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องมีตัวเลขที่ 181 มิลลิเมตร หนัก 1,845 กิโลกรัม เทียบไซส์เทียบขนาดกับ BMW X3 xDRIVE 20d ซึ่งมีความกว้างของตัวรถอยู่ที่ 1,881 มิลลิเมตร ยาว 4,657 มิลลิเมตร สูง 1,661 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อหน้า 1,616 หลัง 1,632 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อหน้า-หลัง 2,810 มิลลิเมตร สัดส่วนของความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง 204 มิลลิเมตร หนัก 1,850 กิโลกรัม
จากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นได้ว่ารถ SUV ไซส์กลางจากแบรนด์เยอรมนีทั้งสองคันมีขนาดเรือนร่างและน้ำหนักตัวที่พอฟัดพอเหวี่ยงแบบกินกันไม่ลง แต่ Mercedes Benz GLC ได้เปรียบกว่าตรงที่ความสดใหม่จากเรือนร่าง เทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนและการเรียนรู้จากประสบการณ์สำหรับการทำตลาดด้วยนวัตกรรมของตัวรถที่มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ไล่เรียงจากรูปลักษณ์ใหม่ของไฟหน้าและกระจังหน้าที่คล้ายกับใบหน้าใหม่ของ SUV รุ่นพี่อย่างออฟโรดรุ่น GLE เพียงแต่ขนาดและสัดส่วนบั้นท้ายของ GLC เท่านั้นที่มีความแตกต่างในด้านขนาดและรูปแบบของตัวรถ
รุ่นที่สองของ SUV ระดับกลางจาก Mercedes Benz ที่ใช้ชื่อของโมเดลว่า GLC แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในหลายมุมมอง มาตรฐานที่ดีของระบบขับเคลื่อนที่เชื่อมโยงควบรวมกับความปลอดภัยของตัวรถซึ่งเป็นจุดขายของแบรนด์ตราดาว จุดเด่นของ New GLC อยู่ที่ระบบให้การช่วยเหลือในระหว่างการขับใช้งานและประสิทธิภาพของการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์
การบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้รับการปรับจูนใหม่ ทำให้ GLC ประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้นถึง 19% เมื่อเทียบกับ GLK รุ่นก่อนหน้านี้ ระบบอากาศพลศาสตร์ที่ผ่านการขัดเกลาในอุโมงค์ลมระหว่างการพัฒนาทำให้ตัวเลขค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศดีขึ้น (cd GLC 0.31 cd GLK 0.87) วิศวกรรมระบบส่งกำลังขั้นสูงจาก Mercedes Benz ขยายขอบเขตด้าน Dynamic ของเกียร์ให้เหนือกว่ารถคู่แข่งในด้านอัตราทด
การปล่อยมลพิษที่ลดลงและอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีขึ้นจากเกียร์แบบใหม่ที่มีให้ใช้งานมากถึง 9 สปีด ควบรวมการทำงานของเกียร์เข้ากับโหมดการขับเคลื่อน 4 รูปแบบ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออันลือลั่นสนั่นซอยที่ Benz เรียกว่า 4 Matic ความสะดวกสบายในการนั่ง ความคล่องตัวแบบสปอร์ต การออกแบบที่ชัดเจนและตระการตาของ New GLC กลายเป็นมาตรฐานสำหรับครอบครัว SUV ของ Mercedes Benz ในอนาคต
เทรนด์การออกแบบยังคงยึดติดกับความทันสมัยภายใต้แบรนด์สัญลักษณ์ดาวสามแฉก เน้นความหรูและความปราดเปรียวไม่มีเหลี่ยมมุมเหมือนกับ GLK รุ่นพี่ กระจังหน้าอย่างที่กล่าวว่ามันมีดีไซน์ที่เชื่อมโยงกับรถรุ่นใหม่ของ Mercedes Benz ซึ่งออกมาในแนวคล้ายกันเกือบจะทุกรุ่น เป็นทิศทางของการออกแบบที่มีความชัดเจนในตัวตนแบบไม่ชอบก็เกลียดหรือไม่ก็ตกหลุมรักกันไปเลยทีเดียว พื้นผิวด้านข้างเน้นส่วนโค้งและส่วนเว้าอย่างกลมกลืน ไล่เรียงจากกระจัง ฝากระโปรงหน้า
ด้านข้างไปจนถึงบั้นท้ายที่โค้งมนโดยมีไฟท้ายแบบ LED และท่อระบายท้ายทรงรีฝั่งละท่อสวยงามสมส่วน เป็นงานออกแบบที่ใช้การกลั่นกรองมาเป็นอย่างดี โดยรับฟังความต้องการของลูกค้าเก่าแล้วนำมาปรับดีไซน์ยักย้ายถ่ายเทลงไปในรถรุ่นใหม่ ส่วนโครงสร้างของตัวรถแบบอเนกประสงค์ขับเคลื่อนทุกล้อมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษเนื่องจากต้องรับแรงบิดตัวขณะลุยทางทุรกันดาร แต่แน่ใจได้เลยว่าลูกค้าชาวไทยน้อยคนที่จะขับลุยหนักๆ แบบนั้น
โครงสร้างแบบผสมมีทั้งเหล็กกล้าในจุดที่ต้องรับแรงและอะลูมินั่มอัลลอยในจุดที่ต้องการความเหนียวเป็นพิเศษ โครงรถของ GLC มีความเบากว่า GLK รุ่นพี่อยู่ประมาณ 50 กิโลกรัม โครงสร้างรอบห้องโดยสารใช้เหล็กกล้า ส่วนของโครงสร้างบานประตูมีการเสริมคานเหล็กสามชิ้นดามไว้เพื่อป้องกันการยุบตัวหากเกิดการชนปะทะด้านข้าง
งานตกแต่งภายในยังยกเอาความมีระดับใน New S-Class และ New C-Class มาแต่งเติมเสริมต่อเพื่อให้มีความเข้ากันกับรูปลักษณ์แบบอเนกประสงค์ แผงคอนโซลแดชบอร์ดขนาดใหญ่ จอมอนิเตอร์แสดงผลส่วนกลาง เบาะหนังเย็บโชว์ตะเข็บ กรวยลำโพงสุดประณีต Mercedes Benz Burmester sound system พวงมาลัยแบบสปอร์ตสามก้านหุ้มหนังแท้ทรงฐานตัดแนวซิ่ง ช่องแอร์ล้อมกรอบด้วยงานพลาสติกสีเงิน
แผงควบคุมระบบปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแบบแยกส่วน แผงประตูฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้ายังลงลึกในด้านรายละเอียดเพื่อโชว์ความหรูหรา แผงข้างประตูบุด้วยหนังแท้เดินเส้นคาดด้วยชิ้นงานอัลลอยสีเงินกับปุ่มปรับตั้งเบาะแบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง Cokpit ของ New GLC แสดงออกถึงความมีระดับในสไตล์ของ Mercedes Benz เบาะผู้โดยสารตอนหลังยังมีช่องแอร์พร้อมสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิส่วนหลังติดตั้งมาให้ใช้งานเพื่อเติมเต็มความสบายของผู้โดยสารที่เบาะหลัง
โครงสร้างท่อนหน้าและหลังแบบ Deformation Zone หรือจุดที่มีการยุบตัวเพื่อกระจายแรงเมื่อมีการชนปะทะทางด้านหน้า โดยลดแรงปะทะให้เข้าไปยังห้องโดยสารให้น้อยที่สุด แก้มข้างฝากระโปรงหน้า ผืนหลังคา รวมไปถึงโครงสร้างของช่วงล่างทำจากอัลลอยเพื่อลดน้ำหนัก ระบบความปลอดภัยจัดมาเต็มแมคด้วยถุงลมนิรภัย 9 ลูก ประกอบไปด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า ถุงลมด้านข้าง และม่านนิรภัยทั้งสองฝั่ง พาดยาวจากเสาหน้าไปจนถึงเสาท้าย
ระบบเข็มขัดนิรภัยแบบใหม่ Seat-belt Tensioners กับ Belt-force Limited ออกแบบมาเพื่อลดแรงปะทะระหว่างร่างกายกับถุงลมที่พองตัวขึ้นอย่างรวดเร็วกรณีที่ถูกชนบริเวณด้านหน้า ชุดจุดระเบิดของเข็มขัดนิรภัยจะจุดตัวเองก่อนที่ถุงลมจะระเบิดออกมาเล็กน้อยเพื่อรั้งผู้โดยสารให้อยู่ติดกับตัวเบาะลดแรงระเบิดของถุงลมนิรภัยท่ีอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บ หลังจากผ่านขบวนการนี้ไปแล้วถุงลมเข็มขัดจะยุบตัวลงเพื่อผ่อนแรงเหนี่ยวรั้งร่างกายของผู้โดยสาร เป็นอีกหนึ่งระบบความปลอดภัยใน New GLC ที่ก้าวล้ำมากๆ
Powertrain
GLC ใหม่ใช้ระบบส่งกำลังหรือเกียร์แบบใหม่ล่าสุดที่มีอัตราทดมากถึง 9 สปีดในชุดเกียร์ 9G Tronic Plus เป็นชุดส่งกำลังที่พัฒนาขึ้นมาโดยวิศวกรของ Mercedes Benz เน้นไปที่อัตราทดกว้างและครอบคลุมทุกย่านความเร็ว มีระบบการควบคุมการจัดการ DYNAMIC SELECT กับโปรแกรมการขับที่เป็นมาตรฐานติดตั้งมาให้จากโรงงานเช่นเดียวกับ BMW X3 ที่ใช้เกียร์ ZF 8 สปีด ใน New GLC
โหมดการขับเคลื่อนเริ่มจาก ECO / COMFORT / SPORT / SPORT + แพ็กเกจ Off-Road เพื่อเพิ่มเติมความสามารถในการลุยทางวิบาก ประกอบด้วย โปรแกรมการขับ 5 รูปแบบที่ครอบคลุมลักษณะของการใช้งานที่เน้นความสมบุกสมบัน แพ็กเกจ Off-Road ของการลุยการควบคุมกระจายแรงบิดขึ้นตรงกับคอมพิวเตอร์ส่วนกลางที่จะคอยประเมินผลตรวจจับล้อที่เกิดอาการลื่นไถล โดยจะทำการลดแรงบิดในล้อที่หมุนฟรีแล้วถ่ายเทแรงบิดไปยังล้อที่ยึดเกาะกับผิวถนน แพ็กเกจ Off-Road พร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ขอบ 19 นิ้วโปรแกรมถูกออกแบบมาสำหรับการวิ่งฝ่าเส้นทางทุรกันดาร ใช้ลากจูงรถพ่วง อำนวยความสะดวกสำหรับการขับใช้งานเมื่อออกจากเส้นทางปกติเพื่อการลุย
แพ็กเกจ Off-Road เชื่อมต่อไปถึงระบบเฝ้าระวัง Gemtex underride ที่เน้นความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะวิ่งแบบไต่เนินชันหรือไหลลงจากทางที่มีความลาดชันมากๆ ระบบซึ่งเป็นไปตามชื่อย่อของ DSR ทำงานอัตโนมัติโดยรักษาความเร็วให้คงที่ขณะขับขึ้นหรือลงเนินลาดชัน ถ่ายเทแรงบิดด้วยความเรียบเนียนปราศจากอาการกระตุกกระชากที่เหนือกว่ารถคู่แข่งอย่างชัดเจน
เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นล่าสุดใน GLC 250D 4 Matic ที่ขายในไทยเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ 16 วาล์ว ปริมาตรความจุ 2,143 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดแบบดีเซลคอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น กำลัง 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า แรงบิดให้มาล้นๆ ที่ 500 นิวตันเมตรในย่าน 1,600-1,800 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังแบบ 9 G Tronic พร้อมฟังก์ชั่น Auto Start/Stop การปรากฏตัวของ GLC ถือเป็นการกำหนดค่าประสิทธิภาพของรถยนต์เอสยูวีภายใต้ตราสัญลักษณ์ดาวสามแฉกให้มีความเหนือชั้นมากกว่ารถคู่แข่งในด้านอุปกรณ์พื้นฐานรวมถึงรายละเอียดของระบบช่วยขับต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ใน GLC โดยเฉพาะระบบช่วยขับที่เชื่อมโยงกับความปลอดภัยนับสิบรายการ เช่น
ระบบป้องกันการชน ASSIST PLUS, Crosswind Assist ไฟหน้าแบบ Active Assist ระบบควบคุมการทรงตัวขั้นก้าวหน้า ESP® ฟังก์ชั่นเสริมซึ่งเป็นตัวเลือกจาก GLC รุ่นล่าสุด ด้วยแพ็กเกจการให้ความช่วยเหลือคนขับซึ่งเข้ามาช่วยลดภารกรรมการขับขี่ ในขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสาร
โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านความปลอดภัยขณะขับ เช่น ระบบ Distronic PLUS กับพวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Active Steering wheel Assist และระบบ Stop & Go ตัวช่วยสำคัญในระบบ PRE-SAFE® ระบบเบรกไฟฟ้าที่ใช้การตรวจสอบคนเดินเท้า BAS PLUS กับคนข้ามทางม้าลายหรือกำลังข้ามถนนในบริเวณจุดบอดที่มองไม่เห็นเพื่อป้องกันการชน ระบบ Lane keeping assist ป้องกันอาการหลับในหรือการเปลี่ยนช่องทางจราจรโดยไม่ได้ตั้งใจ ช่วยทำให้การขับขี่ใช้งานรถยนต์ SUV จากแบรนด์ตราดาวมีความปลอดภัยสูงสุดด้วยการเปิดใช้งานระบบ PRE-SAFE® PLUS.
Mercedes Benz New GLC 250D 4 Matic Off Road ล้อขอบ 19 พร้อมยางกึ่งออฟโรด Pirelli Scorpion ไซส์ 235/55R19 ราคานำเข้ามาทั้งคันที่ 3,790,000
Mercedes Benz New GLC 250D 4 Matic AMG Dynamic ล้ออัลลอยลายก้านจาก AMG และยางกึ่งออฟโรด Pirelli Scorpion ไซส์ 255/45R20 ราคา 4,090,000 บาท
MERCEDES BENZ GLC 250d 4MATIC Specifications
เครื่องยนต์………………………………………….ดีเซลแบบแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว (4 วาล์วต่อสูบ)
ปริมาตรความจุ……………………………………2,143 ซี.ซี.
อัตราส่วนกำลังอัด………………………………..16.2:1
กระบอกสูบคูณช่วงชัก…………………………..83.0 มิลลิเมตร x 99.0 มิลลิเมตร
แรงม้าสูงสุด……………………………………….150 กิโลวัตต์ 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด………………………………………..500 นิวตันเมตร ที่ 1,600-1,800 รอบต่อนาที
ระบบเชื้อเพลิง……………………………………..ดีเซลคอมมอลเรล ไดเรคอินเจคชั่น
ระบบอัดอากาศ…………………………………..เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ Two-Stage พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์
มาตรฐานมลพิษ………………………………….EURO-6
ระบบส่งกำลัง……………………………………..Electronically controlled nine-speed 9G tronic transmission system
ระบบขับเคลื่อน……………………………………ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ 4Matic
ระบบบังคับเลี้ยว…………………………………..พวงมาลัยไฟฟ้าแบบแรคแอนพีเนียน
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง…….7.6 วินาที
ความเร็วสูงสุด……………………………………..223 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราสิ้นเปลืองลิตร/100 กิโลเมตร……………5.6-6.5 ลิตร/100 กิโลเมตร
มาตรฐานมลพิษ…………………………………..EURO-6
ระบบรองรับ
ด้านหน้า……………………………………………..โฟร์ลิ้งค์ สปริง โช้คอัพ เหล็กกันโคลง
ด้านหลัง………………………………………………มัลติลิ้งค์ สปริง โช้คอัพ เหล็กกันโคลง
ล้อและยาง…………………………………………
มิติตัวถัง
ความกว้าง……………………………………..1,890 มิลลิเมตร
ความยาว………………………………………4,656 มิลลิเมตร
ความสูง………………………………………..1,639 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อหน้า…………………………..1,621 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อหลัง…………………………..1,617 มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อหน้า-หลัง………………………2,873 มิลลิเมตร
ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง……………………….181 มิลลิเมตร
สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ………………..cd.0.31
ความจุถังเชื้อเพลิง…………………………………50 ลิตร
น้ำหนัก…………………………………………..1,845 กิโลกรัม