ที่มา: thaijobsgov

หากพูดถึงการทำเลสิก (LASIK) เพื่อแก้ปัญหาทางสายตา เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะคุ้นหูกันดี แต่หากเอ่ยชื่อ ReLEx เชื่อว่าคงมีน้อยคนนักที่จะรู้จักว่ามันคืออะไร วันนี้เรามาลองทำความรู้จักเทคโนโลยีใหม่ชนิดนี้กันสักหน่อย เผื่อว่าคุณจะเป็นหนึ่งคนที่ได้ใช้บริการมัน

20.1ภาพจาก : medscape

ReLEx (Refractive Lenticule Extraction) เป็นเทคโนโลยีการรักษาภาวะสายตาผิดปกติใหม่ล่าสุด ที่สามารถรักษาภาวะสายตาสั้นและเอียงได้เป็นอย่างดี ทำให้การมองเห็นของคุณกลับมาคมชัดอีกครั้ง โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้ จะใช้การปรับเปลี่ยนความโค้งของกระจกตาด้วยเลเซอร์ ทีมีแผลขนาดเล็กเพียง 2 – 5 มิลลิเมตร เท่านั้น นอกจากนี้ ในขณะผ่าตัดยังรบกวนกระจกตาเพียงเล็กน้อย ทำให้คุณแทบไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการผ่าตัดเลย

การรักษาภาวะสายตาผิดปกติด้วยวิธี ReLEx ถือเป็นวิธีที่มีความแม่นยำสูงมาก และเป็นการผ่าตัดที่พัฒนาต่อยอดมาจากการผ่าตัด LASIK เพื่อให้มีความสามารถในการรักษามากขึ้น โดยเทคนิคนี้จะใช้ Femtosecond Laser เป็นเครื่องมือในการแยกชั้นกระจกตา และนำเลนส์นั้นออกมาผ่านแผลขนาดเล็ก ก่อนที่จะปรับความโค้งของกระจกตาให้เหมาะสม ตามหลักการเช่นเดียวกันกับการผ่าตัดด้วยวิธี LASIK

การรักษาภาวะสายตาผิดปกติด้วยวิธีใหม่นี้ จะมีผลดีต่อเราอย่างไรบ้าง

  1. ไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการผ่าตัด เนื่องจากไม่มีการใช้เครื่องมือเพื่อกดทับกระจกตาในระหว่างการผ่าตัด
  2. ReLEx มีความแม่นยำสูงมาก และสามารถกำหนดตำแหน่งความโค้งของกระจกตาได้ตามต้องการ
  3. ReLEx เป็นการผ่าตัดที่รบกวนกระจกตาน้อยที่สุด ดังนั้น กระจกตาหลังการรักษาด้วยวิธีนี้ จึงมีความแข็งแรงมากกว่า และมีบาดแผลที่มีขนาดเล็กลง
  4. ความโค้งของกระจกตาหลังการรักษา จะยังคงมีรูปร่างที่ดี และลดโอกาสการเกิดปัญหาการมองเห็นในที่ที่มีแสงน้อย
  5. ReLEx สามารถแก้ไขปัญหาสายตาสั้นและเอียง ได้ตั้งแต่ 1.00 ถึง 13.00 Diopter และลดโอกาสการเกิดภาวะถดถอยของสายตาหลังจากผ่านการผ่าตัดไปในระยะยาว
  6. ReLEx ช่วยลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงต่างๆ หลังการรักษาได้ดีมากขึ้น และช่วยลดอาการตาแห้งได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีการรบกวนเส้นประสาทของกระจกตาน้อยมาก

การรักษาปัญหาทางสายตาวิธี ReLEx สามารถช่วยให้คุณกลับมามองเห็นได้อย่างคมชัดอีกครั้ง โดยสามารถใช้เทคโนโลยีนี้รักษาผู้ที่มีภาวะสายตาสั้นหรือเอียง ได้ตั้งแต่ตอนที่มีอายุ 18 ปี จนถึงอายุสูงสุดได้ไม่เกิน 65 ปี อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้ารับการรักษาจะต้องไม่มีโรคที่เกี่ยวข้องกับกระจกตา เช่น โรคกระจกตาย้วย โรคตาแห้งอย่างรุนแรง และโรคตาอย่างอื่น เช่น จอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น

และไม่มีโรคทางร่างกายอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการหายของแผล เช่น โรค SLE, โรค Sjogren’s syndrome, โรคสะเก็ดเงิน, โรคภูมิคุ้มกันเกินอื่นๆ หรือเบาหวาน ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี ดังนั้น ผู้ที่เข้ารับการรักษาคนใดที่มีโรคประจำตัวอยู่ กรุณาแจ้งรายละเอียดของโรคนั้นๆให้แพทย์ทราบในวันที่ตรวจร่างกายด้วย

ReLEx_Step1

นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการรักษาด้วยวิธี ReLEx ด้วย โดยหากผู้เข้ารับการรักษากำลังทานยารักษาสิวในกลุ่ม Isotretinoin เช่น Roaccutane, Acnotin, Isotret อยู่ก่อนหน้านี้ ควรจะต้องหยุดยาดังกล่าวก่อนที่จะเข้ามาตรวจวิเคราะห์สภาพตาและก่อนการได้รับการผ่าตัด อย่างน้อย 1 เดือน ทั้งนี้ก็เพราะยาชนิดนี้มีผลให้เยื่อบุต่างๆในร่างกายแห้งช้ากว่าปกติ ซึ่งมีผลรวมถึงผิวกระจกตา ที่อาจมีผลระหว่างการรักษาด้วยการผ่าตัดนี้ด้วย

สำหรับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือมีบุตรแล้ว ก็มีข้อควรระวังเพิ่มเติมหากคิดที่จะผ่าตัดรักษาสายตาด้วยวิธี ReLEx ด้วย โดยสตรีคนนั้นต้องไม่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือหากมีแผนการตั้งครรภ์ ก็ต้องเป็นช่วงหลังการผ่าตัดไปอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนสตรีที่คลอดบุตรไปแล้ว และคิดที่จะรักษาสายตาด้วยวิธี ReLEx ก็ต้องรอให้มีรอบเดือนอย่างน้อย 2 ครั้งติดต่อกันเสียก่อน จึงจะเข้ามารับการรักษาได้ ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับการรักษาทุกๆท่านมากที่สุด

จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี ReLEx ที่ว่านี้ ถือเป็นการพัฒนาอีกหนึ่งขั้นของการรักษาอาการสายตาสั้นที่เหมาะกับกลุ่มคนเกือบทุกคนที่ไม่ต้องการสวมแว่นสายตาหรือใส่คอนแทคเลนส์อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตนตามคำแนะนำก่อนการรักษา ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรจะทำตาม เพื่อให้คุณสามารถกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง และมีความปลอดภัยมากที่สุดนั่นเอง

เรื่องน่าสนใจ