การรักษาด้วย stem cell อัจฉริยะนั้น คือการสกัดเอา stem cell ออกมาจากเลือด หรือไขสันหลังโดยที่ไม่ต้องมีการเตรียม หรือกระบวนการอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถสกัด stem cell ออกมาได้ในปริมาณมาก ดังนั้นจึงทำให้การนำ stem cell มาใช้ในการศัลยกรรมในส่วนต่างๆ นั้น ไม่เกิดผลข้างเคียง
จากการพัฒนาของศูนย์วิจัย Harvard Medical School ซึ่งได้รับการรับรองจากทั้ง FDA ของสหรัฐอเมริกา, BSI ของประเทศอังกฤษ และ KFDA ของเกาหลี ทำให้ในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาที่เกี่ยวข้องกับ กระดูกอ่อน หรือการศัลยกรรมต่างๆ เช่น การปลูกผม, การเสริมหน้าอก หรือลดเลือนริ้วรอยด้วยการฉีดไขมันก็ตาม ต่างใช้ Stem cell ในการรักษา และสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน
Smart stem ไม่จำเป็นต้องใช้การเตรียม เราสามารถสกัด stem cell เข้มข้นออกมาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และเนื่องจากไม่จำเป็นต้องผ่านการเตรียมใดๆ ทำให้ยีนส์ไม่มีการแปลงสภาพ growth factor ที่ได้ออกมาจึงมีความเข้มข้นที่สูงมาก Stem cell ที่ได้จากไขกระดูก นอกจากจะมีเซลล์ชนิดต่างๆ มากและมีปริมาณ growth factorที่เข้มข้นแล้ว ยังถือเป็น stem cell ที่ให้ประสิทธิภาพในการนำมาใช้รักษาสูงที่สุดอีกด้วย ส่วน stem cell ที่ได้จากเลือดนั้นมีปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดและ growth factor ที่เข้มข้นเช่นกัน จึงให้ประสิทธิภาพในการนำไปใช้ได้ดีเช่นกัน
ความแตกต่างระหว่าง PRP ในปัจจุบัน กับ SMART STEM
PRP ในปัจจุบัน
ปริมาณที่สามารถคาดหวังได้ของ Growth factor ที่ถูกสร้างจากเกล็ดเลือด
SMART STEM
สามารถคาดหวังประสิทธิภาพได้เช่นเดียวกับที่เซลล์ต้นกำเนิดนี้ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือด ช่วยทำให้ประสิทธิภาพของการฉีดไขมันสูงขึ้น ในกรณีที่เป็นการปลูกผมจะช่วยทำให้รากผมแข็งแรง อีกทั้งยังมีความเข้มข้นของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดที่สูงกว่า PRPแบบเก่าถึง 55-282 เท่าอีกด้วย
การฉีดไขมัน SMART STEM
การฉีดโมเลกุลไขมันขนาดเล็กคือ ?
การที่เรามีแก้มตอบนั้น มักจะทำให้เราดูแก่กว่าวัย หรือดูอ่อนเพลียอ่อนล้าอยู่ตลอดเวลา และยิ่งเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น อาการเหล่านี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้หญิงเท่านั้น กับผู้ชายก็สามารถจะเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยปกติแล้วการรักษามักจะใช้วิธีการใช้ชั้นเนื้อเยื่อที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือในร่างกายเราไปซ่อมแซมนส่วนนั้นๆ และชั้นเนื้อเยื่อที่มีอยู่มากที่สุดในร่างกายเรา นั่นก็คือ ชั้นไขมัน นั่นเอง
การฉีดโมเลกุลไขมัน
ในอดีตนั้น การฉีดไขมันคือการฉีดเอาไขมันที่มีขนาดใหญ่เข้าไปในร่างกาย แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาวิธีการฉีดไขมันไปจนถึงระดับที่ใช้โมเลกุลไขมันขนาดเล็กฉีดเข้าไปแทนซึ่งเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องของวิธีการเก่าในอดีตและช่วยทำให้อัตราการคงอยู่ของไขมันที่ฉีดเข้าไปสูงขึ้นขั้นตอนของการฉีดไขมันประกอบไปด้วยการดูดไขมัออกมา,การ Purify ไขมัน และการจำแนกไขมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจำแนกโมเลกุลไขมันนั้น การพัฒนาเอาวิธีการแบบ centrifugal มาใช้นับได้ว่าเป็นนัยสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
อีกทั้ง ในขั้นตอนของการนำเอาไขมันออกมานั้นเพื่อเป็นการไม่ให้โมเลกุลไขมันได้รับการกระทบกระเทือน จะต้องใช้แรงดันต่ำในการดูดไขมันออกมา(เป็นอุปกรณ์คนละชนิดกับอุปกรณ์ดูดไขมันแรงดันสูงที่ใช้ในการดูดไขมันเพื่อการลดกระชับสัดส่วนร่างกาย) จากนั้นจึงนำเอาไขมันที่มีส่วนผสมปะปนมากับสารชนิดอื่นมาเข้าเครื่อง Centrifugalเพื่อให้ได้ไขมันบริสุทธิ์ จากนั้นจึงนำมาฉีดเข้าร่างกายทำให้อัตราการคงอยู่ของไขมันสูงขึ้นนอกจากนี้ ในขั้นตอนของการฉีดไขมันจากเดิมที่ใช้เข็มขนาดใหญ่และฉีดเข้าไปทั้งหมดในครั้งเดียวก็พัฒนามาเป็นการใช้อุปกรณ์สำหรับฉีดโมเลกุลไขมันขนาดเล็กซึ่งจะทำให้คนไข้มีอาการเจ็บปวดน้อยลงและให้ผลในการรักษาที่ดีกว่ามาก
บทความจาก http://stmstyle.com/