จักรวาลใหม่ของ Spider-Man นี้เข้าท่ามาก สร้างสรรค์มาก มีชีวิตชีวามาก และตอกย้ำแก่นเรื่องเดิมๆ ของไอ้แมงมุมให้ชัดเจน พร้อมขยับขยายนิยามของความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ให้มากขึ้นไปอีก มันไม่ใช่แค่ “พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่” การบาลานซ์ชีวิตสองด้าน หรือต่อสู้กับความสูญเสีย ความผิดหวัง การล้มแล้วลุก แต่มันเป็นเพราะเราทุกคนต่างก็เป็นฮีโร่ได้ในแบบของตัวเองต่างหากที่ทำให้เรารัก Spider-Man: Into the Spider-Verse มาก
Miles Morales เด็กหนุ่มมัธยมผิวสี เกิดจับพลัดจับผลูไปถูกแมงมุมกัมมันตภาพรังสีกัดเข้า จนกลายเป็น Spider-Man คนใหม่ โดยที่ยังไม่ทันจะได้ฝึกปรือวิชาการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เค้าก็ต้องเผชิญหน้ากับหายนะจากการที่วายร้ายตัวเอ้ได้เปิดประตูมิติดูดจักรวาลคู่ขนานให้มาสู่โลกของเค้า และก่อนที่หลุมดำจะดูดกลืนให้ครอบครัวพร้อมทุกคนที่เค้ารู้จักหายไปจนหมด เค้าก็ต้องร่วมมือกับ Spider-Man ในจักรวาลคู่ขนานอื่นๆ ยับยั้งเรื่องเลวร้ายนี้ให้ได้
ใช่แล้ว ในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ เราจะได้เห็น Spider-Man ในหลากหลายเวอร์ชั่น ไม่ใช่แค่เด็กน้อยผิวสีอย่าง Miles หรือ Peter Parker ที่คุ้นเคยเท่านั้น แต่เรายังได้เจอ Spider-Man เวอร์ชั่นขาวดำเท่ๆ, เวอร์ชั่นอะนิเมะญี่ปุ่นที่จี๊ดมาก, เวอร์ชั่นหมูน้อยจอมซ่า ไปจนถึง Spider-Woman ซึ่งแต่ละคาแร็คเตอร์ก็มีช่วงเวลาของตัวเองแบบน่าจดจำ สำคัญที่สุด เราชอบมากที่เราได้เห็นประเด็นมิตรภาพของซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาล Spider-Man แบบนี้ เพราะเอาเข้าจริงการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องปิดบังตัวเองแบบ Spider-Man นั้นมันช่างเดียวดายและเปลี่ยวเหงาเหลือเกิน ยิ่งพอตัวละครอย่าง Miles เป็นเด็กที่ต้องเผชิญหน้ากับภาวะ “เป็นวัยรุ่นมันเจ็บปวด” ในหลายมิติ แล้วไม่ได้ทำตัวงี่เง่าจนเกินทน เราก็ยิ่งชอบคาแร็คเตอร์นี้
ชอบมากที่ Spider-Man: Into the Spider-Verse ใช้ประโยชน์จากการเป็นแอนิเมชั่นอย่างชาญฉลาด มันไม่ใช่แค่เรื่องการสร้างฉากโอเวอร์เหนือจริงให้เกิดขึ้นแบบง่ายๆ เพราะใช้งบน้อยกว่าหนังคนแสดง แต่ทุกอย่างผ่านการวางแผน การเลือกใช้อย่างผสมผสาน การแสดงความคารวะ จนเกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัว หลากๆ ซีนดีมากจนเหมือนเรากำลังดูศิลปะป๊อปอาร์ตเจ๋งๆ เช่นเดียวกับการเลือกใช้เพลงที่เท่มาก เจ๋งมาก เพลินมากจนนั่งกระดิกขาตามไม่รู้ตัว
เดินออกจากโรงด้วยหัวใจพองโต มีความสุข มีพลัง แล้วเราก็ย้อนกลับไปมองเหล่า Spider-Man ในจักรวาลต่างๆ ที่ผ่านมา (ไม่ว่าจะเป็น Spider-Man ของ Tobey Maguire, Andrew Garfield หรือ Tom Holland) ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ทุกตัวละครต่างก็มีเส้นทางเดิน มีเรื่องราว และมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง ไม่สำคัญหรอกว่าใครมาก่อนใคร ใครดีกว่าใคร หรือรักใครมากกว่ากัน เพราะทุกคาแร็คเตอร์ต่างก็เป็น Spider-Man ซูเปอร์ฮีโร่ที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีเรื่องให้ต้องเรียนรู้ในทุกวัน ซูเปอร์ฮีโร่ที่ผิดได้พลาดได้ และซูเปอร์ฮีโร่ที่ล้มลงแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ได้เสมอ
Spider-Man: Into the Spider-Verse เปิดฉายรอบพิเศษ 3 – 9 มกราคม 2562 เข้าฉายจริง 10 มกราคมในโรงภาพยนตร์
ขอบคุณเนื้อหาจาก ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ชีวิตผมก็เหมือนหนัง นามปากกาของนักเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์ ละครเวที และเพลง เจ้าของแฟนเพจ “ชีวิตผมก็เหมือนหนัง” ที่ยังคงเขียนบทวิจารณ์ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังเสพงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ อยู่เสมอ ติดตามผลงานอื่นๆ ของเขาได้ที่ www.facebook.com/LifeLikeMovies