Stress Aging ภาวะผิวอ่อนล้าจากความเหนื่อยสะสม ซึ่งโดยธรรมชาติ เมื่อย่างเข้าเลข 3 ผู้หญิงเราจะดูสวยเปล่งปลั่ง มั่นใจ เป็นหญิงสาวเต็มตัวมากกว่าวัย 20 และเชื่อว่าทุกคนก็อยากจะหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ แต่ดูเหมือนว่าด้วยบทบาทและไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่ กลับยิ่งเร่งให้ผู้หญิงเราแก่เร็วขึ้น ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป สถานะทางสังคมที่เปิดกว้างสําหรับผู้หญิง ทําให้ผู้หญิงเริ่มมีบทบาททัดเทียมผู้ชายมากขึ้น แต่ก็เหนื่อยมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ยิ่งผู้หญิงวัย 30 มักจะสวมหมวกหลายใบ มีภาระหน้าที่มากมาย เช่น เป็นทั้งผู้บริหารรุ่นใหม่ คุณแม่ยังสาว สุดยอดภรรยา เพื่อนที่แสนดี พี่สาวผู้น่ารัก คนรักสุดเพอร์เฟกต์ ลูกกตัญญ แถมยังต้องดูแลลุคให้สวยงามเสมอ ที่สําคัญ พวกเธอปรารถนาที่จะทําหน้าที่ทั้งหมดนี้ให้สมบูรณ์แบบที่สุดด้วย
ผลที่ตามมาก็คือเกิดความกดดัน ความเครียด ความเหนื่อยล้าสะสม นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ สุขภาพร่างกายและจิตใจแย่ลง จนสัญญาณความแก่ก่อนวัยมาเยือนด้วยการแปะริ้วรอยไว้ใต้ตาให้ดูต่างหน้า
ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น เราเรียกว่า Stress Aging ซึ่งปัจจัยที่ทําให้เกิดนั้น ได้แก่ความเครียดจากการทํางานหนัก ขาดการพักผ่อน และการใช้ชีวิตอย่างหักโหมโดยไม่ดูแลสุขภาพ อันนําไปสูริ้วรอย ความหมองคล้ำ และสิว ทําให้ผิวดูแก่กว่าวัยยิ่งขึ้นไปอีก 3-6 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ สาเหตุของผิวแก่ก่อนวัยของสาวยุคนี้ คือความเครียด ความเหนื่อยล้า และมลภาวะ รวมไปถึงปัญหาสิวอุดตัน พลังผิวถดถอย และภาวะผิวหมองคล้ำด้วย
แต่ก็โชคดีว่า คนในวัยนี้มีแนวโน้มที่จะใส่ใจดูแลผิวพรรณและป้องกันริ้วรอยกันเร็วขึ้น นอกจากบอกว่าผู้หญิงแก่เร็วขึ้นแล้ว งานวิจัยยังระบุด้วยว่าผู้หญิงสนใจเรื่องป้องกันผิวเสื่อมสภาพตั้งแต่ช่วงวัย 25 ปี เห็นได้จากค่าใช้จ่ายด้านความงามที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสาวยุคใหม่ มาดูกันว่า สาเหตุและวิธีแก้ไขแบบองค์รวมมีอะไรบ้าง
สาวๆ ในวัยเรา จำเป็นต้องใช้สกินแคร์ที่ช่วยปกป้องผิวในแต่ละวัน และให้ผลลัพธ์ที่ดี ที่สําคัญต้องส่งผลต่อจิตใจด้วย ประมาณว่าทาครีมแล้วช่วยอัพอารมณ์ให้รู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกดีกับตัวเองด้วย เมื่อโฟกัสกับช่วงทาครีม เราจะไปลั่นไกระบบที่ร่างกายตอบสนองต่อความผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยหยุดความเครียดไม่ให้กลายเป็นอาการอักเสบในผิวได้ โดยกลิ่นหอม เนื้อสัมผัสที่เบาสบาย จะช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน ที่ไปต่อสู้กับฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลอีกที ด้วยเหตุนี้ กลิ่นและเนื้อสัมผัสของสกินแคร์ จึงเข้ามามีบทบาทสําคัญมากขึ้น หลายแบรนด์ผลิตสกินแคร์ที่มีกลิ่นแนวสดชื่น เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกดี ส่วนเนื้อสัมผัสก็เบาและนุ่มเนียนมากขึ้น เพื่อช่วยกระตุ้นให้อยากใช้และปรนนิบัติดแลผิวมากขึ้น
ฮอร์โมนคอร์ติโคลิเบอริน (CRH-Corticoliberin) เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อความเครียดในร่างกาย ซึ่งถ้ามีปริมาณเพิ่มขึ้นสูงตามภาวะความเครียด มันจะไปกระตุ้นการทํางานของเอนไซม์ที่ทําให้ผิวเสื่อม และยังไปขัดขวางการสังเคราะห์คอลลาเจนและอิลาสตินอีกด้วย ซึ่งผลที่ตามมาเบื้องต้นคือริ้วรอยแรกเริ่ม และในระยะยาว ผิวหย่อนคล้อย และหากกระบวนการทํางานของผิวถูกฮอร์โมนตัวนี้ขัดขวางเช่นนี้ทุกวัน เซลล์ผิวจะไม่สามารถต้านทานสารอนุมูลอิสระได้ ส่งผลให้ผิวอักเสบ ขาดน้ำ ระคายเคืองง่าย และหมองคล้ำไม่สดใส
เราจึงควรเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมแอนตี้ออกซิแดนท์ เพื่อต้านปัจจัยร้ายและเสริมความแข็งแรงให้ปราการผิว เช่น สารสกัดชาเขียว เซราไมด์ ในขณะ เดียวกัน ควรมีส่วนผสมให้ความชุ่มชื่น ปรับผิวให้อิ่มฟูอย่างไฮยาลูโรนิกแอซิด และส่วนผสมช่วยล็อกความชุ่มชื่นบนผิวอย่างกลีเซอรีน รวมถึงเปปไทด์ ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวด้วย
••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••
เมื่อรู้สึกตัวว่าตกอยู่ในภาวะเครียด ให้ลองปรับโหมดความรู้สึก โดยปรับเปลี่ยนท่าทางเล็กน้อย ลองทําท่าตามเทคนิคที่เรียกว่า Power Posing จะช่วยลดการผลิตฮอร์โมนความเครียดอย่างฮอร์โมนคอร์ติซอลได้ดีเลยทีเดียวค่ะ
เนื้อหาโดย Dodeden.com