สวัสดีค่ะ เราเป็นคนต้นขาใหญ่มากตั้งแต่เด็กๆ ทั้งตอนผอมและอ้วนน้ำหนักส่วนมากลงที่ขาแต่เวลาน้ำหนักลดลงขากลับไม่ลดตาม ก่อนจะทำ Vaser ลดต้นขา เราหาวิธีลดทุกวิธี …
1.ออกกำลังกาย … (ก็ออกนะลดช้าแถมแอบขี้เกลียด) พยายามไม่มากพอ !!
2.ฉีดโน่นนี่นั่น … (เจ็บมากก เจ็บนานน จนหลังๆทิ้งคอส) ก็ลดไม่เท่าไร
3.คอสลดน้ำหนักสถาบันต่างๆ ฯลฯ (แพงมว๊ากก ผลคือมันไม่เห็นลงเท่าไร)
ทางเลือกสุดท้ายถึงรู้ว่ามันเสี่ยงหรืออันตรายแต่เราก้าวข้ามคำว่ากลัวมาละล่ะ :’)เราเก็บเงินเพื่อทำ Vaser ต้นขา และ หาข้อมูลและสถานที่จนในที่สุดเราเลือกที่ๆหนึ่งซึ่งแรกๆก็กล้าๆกลัวแต่ความอยากสวยทำให้ผู้หญิงอย่างเราทำได้ทุกอย่าง…พอเจอคุณหมอ .. ก็แนะนำทำ 6 จุด แต่งบเรามีแค่ 4 เลยทำ 4 จุดคือ ต้นขาในและขาด้านหลังนางพยายามบอก 6 จุดจะเป๊ะมากก แต่เราเลือก 4 ก่อนละกันเจอราคาก็จุกแล้ววว^^ วันนัดมาถึงก็มือเย็นๆเช่นกันคะ เริ่มจากการที่ใช้ปากกาขีดคร่าวๆก่อน
เสร็จละก่อนเข้าดูดไขมันก็จ่ายค่าดูดไขมันก่อน + ค่ายา + ค่ายาสลบ ก็หย่อนๆ 5 หมื่นไปเล็กน้อยย ^___^ เราขึ้นไปบนห้องดูดไขมันก็มีคนเอาชุดมาให้เปลี่ยน และขึ้นไปนอนบนเตียงเหมือนรอโดนเชือด มีคนมาเจาะสายน้ำเกลือและ เอาเครื่องช่วยหายใจมาครอบให้คิดในใจ (นี่ขนาดต้องใช้ที่ครอบเพื่อช่วยหายใจเลยหรอ) คิดได้แปปเดียวพอยาสลบเข้ากระแสเลือด ก็วูบไปเลยแถมตื่นมาอีกทีเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนจีนละ แอบขำในใจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แถมตอนนอนรอพยาบาลยังถ่ายรูปเล่นอีก
มาดูไขมันที่ออกจากขาเรามั่งดีกว่า 2 ลิตรกว่าๆนี่ไม่ใช่น้อยๆนะคะ มันเยอะมากก
ตอนแรกว่าไม่เจ็บใช่ไหมคะ .. พอยืนเท่านั้นละ แทบล้ม ลมแทบจับ เลือดออกยังกับไปทำแท้งมาไหลลนองตามขา คุณหมอไม่เย็บปิดแผลนะคะ เพื่อให้น้ำเกลือในแผลไหลออกมาได้สะดวก เรารู้สึกไม่ใช่แค่ค้ำเกลือแต่เลือดนี่ก็ไหลไม่ใช่น้อย…ไม่ปิดแผลละทำยังไง หึหึ คำตอบคือผ้าอนามัยจ้ะ พยาบาลเอาผ้าอนามัยมาปิดแผลและบริเวณบ้างๆ พร้อมบอกให้ทำใจเตรียมรับมือกับน้ำเกลือและเลือดที่จะไหลเรื่อยๆ2-3 วันแรก (คิดในใจมันคงไม่เยอะหรอกมั้ง) – -”
วันนั้นเรานั่งแทกซี่กับบ้าน .. สงสารแทกซี่มากคือเลือดเราไหลเต็มเบาะไปหมด พอถึงบ้านจากที่ว่ามันไม่ค่อยเจ็บเพราะยาชามันยังมีอยู่ มันเจ็บมากเวลายาชาหมด เราต้องขึ้นบันได 4 ชั้น แม่เจ้าเราตัดสินใจแบกของกินและของจำเป็นขึ้นไปด้วยจะได้ไม่ลงมาอีก
วันนั้นอยุ่บ้านคนเดียวทรมานมากอะเปลี่ยนผ้าอนามัยทั้งคืนไม่ได้นอน ..ทุลักทุเลมากตินแรกไม่ค่อยมีรอยอะไรนอกจากแผลพอตื่นเช้ามาเท่านั้นละทั้งน้ำ ทั้งน้ำเกลือทั้งเลือดไหลเต็มที่นอนไปหมด แถมระบมมาก.. แทบขยับไม่ได้ เข้าห้องน้ำแทบไม่อยากจะนั่งเพราะเจ็บไปหมด
ครบอาทิตย์นึกว่าจาดีขึ้นคำตอบคำแผลแห้งแล้วว.. แต่อาการบวมคือบวมเรื่อยๆ ขาแทบจะแตก..และเขียวช้ำมากขึ้นสีค่อนข้างม่วงดำเลยละน่ากลัวมากเดินไม่สะดวกนอนอย่างเดียวทรมานมากอะ
เราแอบดื้อไม่ค่อยจะใช้อะไรรัดขาไว้ซักเท่าไร … แต่ทางที่ดีควรหาอะไรรัดตามคำแนะนำ^^
อาทิตย์ที่ 3 – 4 อะถึงจะเริ่มดีขึ้นแต่ก็เดินยังไม่ปกติเท่าไร คนอื่นอาจจะหายเร็วกว่าเราก็ได้นะเราช้ามาก ขาเริ่มไม่ค่อยบวมเท่าไร รอยช้ำเริ่มดีขึ้น ทำให้ใจชื้น
เดือนครึ่งขาเราเริ่มเล็กลงอาการช้ำเริ่มหายและเนื้อบริเวณขาหายไปทำให้ขาไม่ติดกัน แอบดีใจ
เราพึ่งสังเกตุว่าที่มันช้ำๆอะไม่ใช่แค่ต้นขานะแต่มันลากยาวไปช้ำยันส้นเท้าเลยละ >\\< กว่าจะหายดีจริงๆก็ 2 เดือนกว่าๆละเราถึงเดินเหินปกติและวิ่งได้แล้ว … การทำ Vaser มันก็มีทั้งข้อดีและเสีย บางคนอาจโชคดีประสบผลสำเร็จแต่บางคนอาจโชคร้ายในการทำก็เป็นได้ ^___^ *ถ้าคุณเป็นคนไม่มีเวลาพักเยอะๆ เราแนะนำรอยังหวะดีๆค่อยคำเพราะไม่งั้น คุณจะทรมานมาก *หลังทำต้องยอมรับกว่าผิวจะเนียนสวยเหมือนเดิมใช้เวลานานผิวตรงที่ทำจะดำและแตกแห้งเหมือนรอผลัดเซลใหม่ *บางคนทำแล้วหายช้าเนื้ออาจแข็งไปไตๆ เราโชคดีตรงเป็นน้อย^^ *แน่นอนไขมันออกไปแล้วขาไม่กระชับต้องเสียเงินทำทรีสเม้นต่ออีก :’)และที่สำคัญถ้าเราไม่ควบคุมการกินของเราให้ดี สิ่งที่เราทำๆไปหรือยอมเจ็บตัวไปจะไม่มีประโยชน์เลยเผลอๆเพิ่มมามากกว่าเดิมด้วย >\\\<
กว่าจะหายดีจริงๆก็ 2 เดือนกว่าๆละเราถึงเดินเหินปกติและวิ่งได้แล้ว … การทำ Vaser มันก็มีทั้งข้อดีและเสีย บางคนอาจโชคดีประสบผลสำเร็จแต่บางคนอาจโชคร้ายในการทำก็เป็นได้ ^___^
*ถ้าคุณเป็นคนไม่มีเวลาพักเยอะๆ เราแนะนำรอยังหวะดีๆค่อยคำเพราะไม่งั้น
คุณจะทรมานมาก
*หลังทำต้องยอมรับกว่าผิวจะเนียนสวยเหมือนเดิมใช้เวลานานผิวตรงที่ทำจะดำและแตกแห้งเหมือนรอผลัดเซลใหม่
*บางคนทำแล้วหายช้าเนื้ออาจแข็งไปไตๆ เราโชคดีตรงเป็นน้อย^^
*แน่นอนไขมันออกไปแล้วขาไม่กระชับต้องเสียเงินทำทรีสเม้นต่ออีก :’)และที่สำคัญถ้าเราไม่ควบคุมการกินของเราให้ดี สิ่งที่เราทำๆไปหรือยอมเจ็บตัวไปจะไม่มีประโยชน์เลยเผลอๆเพิ่มมามาก
กว่าเดิมด้วย >\\\<
ขอบคุณที่มาจาก พันทิป