เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2558 หลังจากที่มีกรณีการแชร์ภาพของฝรั่งพ่อแม่ลูก ที่ถูกแท็กซี่ทิ้งเอาไว้บนทางด่วน จนตำรวจไปเจอและพาไปส่งให้แท็กซี่คันอื่น และทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ ตามมามากมาย ล่าสุด กรมขนส่งทางบก ก็ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทั้งนี้ กรมขนส่งทางบกชี้แจงว่า ผู้ที่ถ่ายภาพและผู้ประสบเหตุฝรั่งโดนทิ้ง เป็นเพื่อนของเจ้าของข้อความดังกล่าว เมื่อสอบถามจึงทราบว่า วันที่ 16 มีนาคม 2558 เวลา 17.50 – 18.10 น. มีชาวต่างชาติเดินมาแถวด่านอโศก จึงมีการเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากชาวต่างชาติคนดังกล่าวต้องการไปที่สำนักงาน ททท. ที่ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี เพื่อขอข้อมูลการท่องเที่ยว ส่วนที่ไม่มีการพบแท็กซี่คันที่ทิ้งผู้โดยสารนั้น ทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่แน่ใจว่า ฝรั่งกลุ่มนี้ถูกทิ้งจริงหรือไม่ เมื่อแจ้งทางตำรวจ สน.สุวรรณภูมิ ให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็ปรากฏว่าเจอจุดอับของกล้อง และเมื่อตรวจที่ด่านเก็บเงินก็หาแท็กซี่คันดังกล่าวไม่พบ ซึ่งเรื่องนี้ อาจเป็นการคาดเดาของผู้โพสต์เองก็ได้
นอกจากนี้ นายนัฐพงษ์ ฮามวงศ์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมทางพิเศษศรีรัช การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ยังชี้แจงว่า ชาวต่างชาติกลุ่มดังกล่าวได้เดินมาที่ด่านตามปกติ ไม่ได้แสดงอาการตกใจหรือโวยวายใด ๆ แล้วบอกว่าต้องการไปที่ ททท. ที่ตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี เพื่อขอข้อมูลการท่องเที่ยวจากนั้นตำรวจจึงพาลงบันไดไปพื้นราบ และโบกแท็กซี่คันใหม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ และอาจมีการแถลงข่าวเรื่องนี้เพื่อให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง เพราะยังไม่ทราบว่า ผู้โดยสารคนนั้นถูกไล่ลงจากรถจริงหรือเปล่า