อาหารที่มีคุณค่ามากมายและดีต่อ สุขภาพแบบสุด ๆ หรือที่เรียกกันว่า “ซูเปอร์ฟู้ด” กินเดี่ยว ๆ ก็ว่าดีแล้ว แต่ถ้าอยากจะให้ได้ผลเลิศที่สุด…ต้องกินเป็นคู่
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ คู่กับกล้วย ช่วยดูแลลำไส้
กล้วยทุกชนิดล้วนเป็นพรีไบโอติก (Probiotioc) เช่น แล็กโตบาซิลลัส (Lactobacillus) ที่อยู่ในโยเกิร์ตและเป็นที่มาของประโยชน์สารพัดในอาหารชนิดนี้
เมื่อกินกล้วยและโยเกิร์ตคู่กัน ร่างกายก็จะได้รับทั้งพรีไบโอติกและโพรใบโอติกพร้อมกัน ก็จะเหมือนการชาร์จแบตฯ เพิ่มพลังให้โพรไบโอติก กระตุ้นการเจริญของจุลินทรีย์ภายในทางเดินอาหารให้เหมาะสม ลด การติดเชื้อในทางเดินอาหาร ลดระดับของคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ช่วยให้การดูดซึมอาหารในลำไส้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดอาการท้องผูก ช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น และระบบภูมิคุ้มกันก็จะดีขึ้นด้วย
Tip : โยเกิร์ต ที่ดีไม่ควรมีส่วนผสมอย่างอื่นเข้าไปเจือปน ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลสี เจลาติน กลิ่น หรือรสสังเคราะห์ เพราะทำให้คุณค่าของโยเกิร์ตด้อยลง
แอปเปิล คู่กับองุ่น ตัวช่วยของหัวใจ
สุดยอดผลไม้เพื่อสุขภาพอย่างแอปเปิล มีสารที่แทบจะไม่พบในอาหารชนิดอื่นอย่างเควอร์ซิติน (Quercetin) ที่จะช่วยละลายลิ่มเลือด และลดความเสี่ยงที่จะเกิดลิ่มเลือดได้ ส่วนองุ่นก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ สำคัญตัวหนึ่งชื่อ คาเตชิน (Catechin) ที่ช่วยป้องกันการก่อตัวขึ้นของเซลล์มะเร็ง ควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลและลดภาวะเลือดแข็งตัว
นักวิจัยชาวอิตาเลียนค้นพบว่าหากกินแอปเปิลหนึ่งผลควบคู่ไปกับองุ่นสักหนึ่งกำมือ สารเควอร์ซิตินในแอปเปิลจะทำงานร่วมกับสารคาเตชินในองุ่น ช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดจับตัวกันเป็นลิ่มและอุดตันเส้นเลือดอันจะส่งผลให้เกิดโรคหัวใจและภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
Tip : สารอาหารที่มีคุณค่าในองุ่นอยู่ที่เปลือกและเมล็ดมากกว่าเนื้อเสียอีก
เนื้อปลาคู่กับ บรอกโคลี กินคู่นี้ไกลมะเร็ง
เนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำอย่างปลา มีแร่ธาตุซีลีเนียมที่มีบทบาทเด่นในการชะลอวัย และการป้องกันมะเร็ง ส่วนบรอกโคลีก็เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง และมีสารซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ตับขับสารพิษ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการเจริญของเนื้องอก อีกทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษในการต่อต้าน มะเร็ง สามารถป้องกันอนุมูลอิสระที่เข้าไปทำลายเซลล์และ DNA ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้
นักวิจัยค้นพบว่า หากกินอาหารสองชนิดนี้คู่กัน ซีลีเนียม และซัลโฟราเฟนจะช่วยยับยั้งการก่อตัวและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ทำให้ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลดลงมากกว่าการกินเดี่ยว ๆ ถึง 13 เท่า
Tip : ควรปรุงบรอกโคลีโดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้ความร้อนทำลายสารซัลโฟราเฟน
ถั่วฝักยาว คู่กับ พริกหวานสีแดง ช่วยป้องกันโลหิตจาง
เมื่อกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงอย่างถั่วฝักยาว คะน้า และบรอกโคลีแล้ว ควรกินผักที่มีวิตามินซีสูงมากอย่างพริกหวานสีแดงควบคู่ไปด้วย เพราะหากไม่มีวิตามินซีร่างกายจะดูดซึมธาตุเหล็กจากผักไปใช้ได้ไม่ถึง 10% และ ควรกินอาหารแบบ Real Food ไม่ใช่อาหารเสริม เพราะการรับวิตามินซีในปริมาณมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็ก ตามกระดูกหรือข้อต่อต่าง ๆ จนกลายเป็นโรคเกาต์ได้
Tip : หากไม่ชอบกินพริกหวานอาจเปลี่ยนมากินผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่างฝรั่งตบท้ายมื้ออาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ๆ ทันทีก็ได้
ขอบคุณที่มา Lisa, kapook.com