พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับผู้บริหารเว็บไซต์กูเกิ้ล และยูทูป รวมทั้งหน่วยงานที่กำกับดูแล อาทิ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กสทช. โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง
โดยพล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ทั้งสองเว็บไซต์ยืนยันว่าให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านว่า และพร้อมปรับแนวทางเพิ่มเติม มีการตั้งทีมงานเข้ามาดูแลเฉพาะในกรณีของประเทศไทย ซึ่งจะมีคนไทยอยู่ในทีมงานเฉพาะกิจนั้นด้วย
และจะเป็นแบบฟอร์มเป็นภาษาไทยเพิ่มเติมจากภาษาอังกฤษ เพื่อจะดูข้อมูลที่มีการร้องเรียนเข้ามา ให้เกิดความรวดเร็วในการส่งข้อมูลจากฝ่ายประเทศไทยไปถึงทีมงานที่สหรัฐฯ เร่งแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยแบบฟอร์มดังกล่าวจะมีการระบุ ยูอาร์แอลและช่วงเวลาที่มีการเข้าไปใช้เว็บไซต์ในเบื้องต้นก่อน
จากนั้นจะมีคำสั่งศาลส่งตามไปเพื่อให้ดำเนินการแก้ปัญหา นอกจากนั้นเราได้แจ้งกับผู้บริหารฯ ไปว่ามีกลุ่มที่เป็นคนไทยรักและปกป้องสถาบันได้ติดตามในเรื่องนี้ และคาดหวังว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตำรวจ และหน่วยงานที่สนับสนุนข้อมูลจะมีมาตรการจัดการปัญหาความไม่เหมาะสมต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม
โดยตัวแทนผู้บริหารเว็บไซต์ทั้งสองแสดงเจตนาว่าจะให้ความสำคัญว่าในช่วงเวลานี้จะให้ความสำคัญมาที่ประเทศไทย เพราะทราบดีว่าความรู้สึกของคนไทยที่สูญเสียพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างไร แล้วยังมาถูกโจมตีจากเว็บที่บิดเบือนซ้ำอีก ก็จะดำเนินการตามที่เราร้องขอ ซึ่งเป็นเจตนาที่ดีและเป็นในเชิงบวก
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เราได้จัดทีมงานประสานโดยตรง กับทางกูเกิ้ลและยูทูป โดยให้มีผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลฯ และมีเจ้าหน้าที่ในชุดใหม่ให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างครอบคลุมและทันเหตุการณ์ โดยจะเริ่มดำเนินการตามที่พูดคุยตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.นี้ และเชื่อว่าเมื่อมีทีมงานเข้าไปประสานโดยตรง
การแก้ปัญหาจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีการตรวจสอบภายใน 24 ชั่วโมง และจะมีการเร่งเรื่องของการขอหมายศาลให้เร็วขึ้นเท่าที่จะทำได้ เมื่อมีทีมงานเฉพาะกิจก็จะทำให้กระบวนการต่างๆเร็วขึ้น ถ้ามีการตรวจพบข้อความที่ไม่เหมาะสมที่ปรากฎทางเพจ หรือวิดีโอคลิป เขาก็จะดำเนินการให้ โดยมีเงื่อนไขว่าทางไทยต้องส่งหมายศาลตามไปยืนยันว่าเป็นการกระทำความผิด
สำหรับประเด็นเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ การขอยูสเซอร์และไอดีของผู้ใช้งาน ทางกูเกิ้ลและยูทูปรับทราบและเข้าใจ แต่ต้องมีการปรับข้อตกลงระหว่างประเทศในการขอข้อมูลผ่านทางรัฐบาล ซึ่งในวันที่ 22 ต.ค.นี้เราจะทำเรื่องเพื่อให้ รมว.ดิจิทัลฯ สั่งการผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ทางสหรัฐฯ พิจารณาการขอใช้สิทธิ์ดังกล่าว
หากทางสหรัฐฯ และไทยมีข้อตกลงร่วมกันเรื่องของลิขสิทธิ์ และสิทธิมนุษยชน ทางกูเกิ้ลก็จะอนุญาตเราทันที อย่างไรก็ตามเราได้ทวงถามข้อมูลที่เคยประสานไปก่อนหน้านี้เพื่อให้ส่งกลับมาและทำการระงับยับยั้งการโพสต์ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทางผู้บริหารก็ได้รับทราบ เมื่อเราส่งข้อมูลยืนยันก็จะดำเนินการให้ทันที
ส่วนเว็บไซต์อื่น ทั้งเฟสบุ๊ค และแอพพลิเคชั่นไลน์ ได้เตรียมตั้งคณะทำงานซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค กฎหมาย ภาษา ทีมละประมาณ 5 คน เพื่อเตรียมประสานหารือกับเว็บอื่นต่อไป
“เราพยายามทำทุกอย่างให้ดีและรวดเร็วที่สุด แต่ยังติดที่เรื่องเทคนิคและกฎหมายบางส่วน แม้จะมีคนพูดว่าประสานบางอย่างได้ แต่เราก็จะทำเหมือนเดิม ไม่ใช่จะระงับไป วันนี้มีการตรวจพบจำนวนหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 19 และ 20 ต.ค. มีจำนวน 120 ราย ซึ่งไม่ค่อยพบว่าเป็นต่างชาติ
และก่อนหน้านั้นก็มีอีกจำนวนหนึ่ง และในวันที่ 22 ต.ค.จะมีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อไปตรวจสอบ ส่วนรายละเอียดต้องขออนุญาตไม่อยากให้ออกไปแล้วสื่อในลักษณะซ้ำเติมความรู้สึกประชาชน แต่ให้รับทราบว่าเราจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด”