ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสัปดาห์แรกที่ผมใส่ถุงซิลิโคนแบบหยดน้ำมากกว่าแบบทรงกลม และเป็นครั้งแรกที่มีคนไข้ใช้ถุงหยดน้ำทรงต่ำ และ เป็นครั้งแรกที่มีคนไข้มาจาก เอสโตเนีย และอิหร่าน เพิ่มสถิติจำนวนประเทศให้ผมมากขึ้น
เรื่องถุงซิลิโคนแบบหยดน้ำนี่วันหลังจะมาเขียนให้อ่านกันครับ รายละเอียดเยอะมาก
วันนี้จะมาเล่าเรื่องแผลเสริมหน้าอก แผลผ่าตัดมี 4 ตำแหน่งครับ คือ รักแร้ ใต้ราวนม รอบปานนม และ สะดือ
อันที่ไม่เป็นที่นิยม หรือที่คนไม่ค่อยทำก็คือแผลสะดือครับ เพราะ ต้องส่องกล้องและใช้ได้เฉพาะกับถุงน้ำเกลือเท่านั้น
ส่วนอีกสามตำแหน่งก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน หมอก็ผ่ามาแล้วทั้งสามแผล ความยากง่ายก็ไม่ต่างกันเท่าไร
-แผลรอบปานนม จะมีข้อเสียก็คือ โอกาสชาที่หัวนมจะสูงหน่อย และอาจจะต้องตัดผ่านเนื้อเต้านม ซึ่งในเนื้อเต้านมมักมีแบคทีเรียอาศัยอยู่ทำให้โอกาสเกิดติดเชื้อ และพังพืดรัดถุงซิลิโคนสูงขึ้นมานิดนึง แต่ข้อดีคือปกปิดแผลได้ดีครับ พวกนางแบบที่ต้องโชว์หน้าอก โชว์รักแร้มักจะชอบแผลนี้
-แผลใต้ราวนม เป็นแผลที่จะว่าไปง่ายที่สุด เพราะแผลลงตำแหน่งผ่าตัดเลย เวลาเลาะโพรงก็ไม่ต้องผ่านเนื้อเต้านม ดังนั้นค่อยข้างสะอาด การฟื้นตัวเร็ว บวมน้อย ช้ำน้อยเพราะจี้หยุดเลือดได้ง่าย มีข้อเสียอย่างเดียวคือแผลเป็นใต้ราวนมถ้ามีการนูนหรือเป็นคีลอยด์จะเห็นชัดมาก แต่โอกาสเป็นแผลนูนนั้นน้อยมากครับ โดยเฉพาะฝรั่ง หรือ คนผิวขาว นั้นแผลจะหายสวยมาก แต่ผมเคยทำใสคนผิวคล้ำก็พบว่าแผลหายดีเช่นกัน เป็นแผลที่นิยมที่สุดในคนไข้ฝรั่งครับ
-แผลใต้รักแร้ อย่างที่ทราบเป็นที่นิยมมากในคนไทย เพราะสามารถซ่อนแผลไว้ใต้รักแร้ซึงเป็นจุดซ่อนเร้นได้ การผ่าตัดผ่านแผลรักแร้มีสองแบบ แบบดั้งเดิมใช้การกระทุ้ง กับ การส่องกล้อง
ข้อเสียชัดเจนของการกระทุ้งคือหลังผ่าเจ็บมาก บวมมาก และช้ำกว่า ส่วนแบบส่องกล้องคนไข้จะเจ็บน้อยบวมน้อยกว่าฟื้นตัวเร็วกว่า การฟื้นตัวใกล้เคียงกับแผลใต้ราวนม ข้อเสียของส่องกล้องคือ ใช้อุปกรณ์พิเศษ ทำผ่าตัดนานกว่า ต้องอาศัยหมอที่ชำนาญ ส่งผลให้ราคาค่าผ่าตัดแพงกว่าครับ
จะเห็นว่าแผลแต่ละที่มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ดังนั้นการเลือกแผลผ่าตัดขึ้นกับการพิจารณาข้อดีข้อเสียเหล่านี้และเป็นการตัดสินใจร่วมระหว่างแพทย์และคนไข้ครับ
เขียนโดย นพ.ธนคม ใหลสกุล
ศัลยแพทย์ตกแต่ง
Clinic : 086-691-9969, 02-693-6198, 02-693-7143
Hotline : 094-948-2226
Line ID : kongjuclinic.thon
FB : www.facebook.com/kongjuclinic
www.kongjuclinic.com