กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่อตลกชื่อดัง “โน้ต เชิญยิ้ม” ออกมาประกาศไม่ขอทำงานกับนักร้องลูกทุ่ง ส. หลังจากออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่ตลกมาเป็นคอมเม้นท์เตเตอร์ในรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง
ล่าสุด “เสรี รุ่งสว่าง” นักร้องลูกทุ่งชื่อดังขอตั้งโต๊ะเคลียร์ชัดทุกประเด็นก่อนเข้าอัดรายการ “เปิดโปง” โดยมี “สันติ เศวตวิมล” ทำหน้าที่พิธีกร
เหตุการณ์มันเป็นยังไง ?
“จริงๆแล้วผมไม่ได้คิดอะไรครับ เรื่องมันจบไปแล้ว เขาก็ไม่ได้มาโต้ตอบอะไรเรา แล้วจริงๆตัวผมเองก็มาออกรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทาง ช่อง 2 นี่แหละ เกือบปีแล้ว แต่ว่าบางทีมันมีเรื่องพาดพิงมาถึงเรา ชื่อนักร้องตัว ส. ซึ่งวันนี้ผมก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมายนะครับ ก็มาออกรายการธรรมดา
แต่ว่าในเมื่อพี่ๆน้องๆเราอยากจะรู้เรื่อง เราก็จะบอกว่า ที่จริงเราไม่ได้คิดอะไร แล้วเรื่องมันก็ไม่เป็นเรื่อง ผมไม่ได้ไปเอ่ยชื่อใคร แล้วที่ผมพูดออกไป คืออาจารย์ยิ่งศักดิ์ เขาถาม ผมก็ตอบ ทีนี้ผมเอง ผมอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่ง ซึ่งนักร้องลูกทุ่งทั่วไป เขาก็คิดแบบเราเหมือนกัน ว่ามันจะถูกไหม
แต่เราก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ที่จริงคนฟังเพลงลูกทุ่งเป็นทุกคนแหละครับ แต่ลึกๆ จริงๆแล้ว มันก็น้อยคนที่จะรู้เรื่องหรือว่าร้องได้ ผมเองก็อยู่สายลูกทุ่ง ผมก็คิดว่า บางทีมันก็ไม่ถูก แต่ผมก็ไม่เคยไปพูดอะไรกับใคร
จริงๆวันนี้ผมไม่ได้มีเรื่องอะไรที่จะบอกเลยนะครับ เพราะว่าเรื่องมันจบไป แล้วเขาก็เงียบๆ ไป ผมก็ไม่ได้คิดอะไร”
กับที่ “อาโน้ต” ได้ออกมาพูดล่าสุดเราได้ฟังไหม ?
“โดยมากผมจะไมค่อยดู เพราะว่าเวลาที่ผมจะถาม จะพูดอะไรออกไป ผมจะต้องคิดแล้วว่าเราไม่เคยไปว่าใคร ไม่กระทบกระเทือนไปถึงใคร คืออาชีพทุกอาชีพ
ไม่ว่าจะเป็นตลก ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ ก็อาชีพเดียวกัน แล้วถามว่าร้องเพลงเป็นไหม ฟังเพลงเป็นไหม ก็ทำเพลงกันทุกคนแหละครับ แต่ว่าลึกๆ จริงๆการที่จะมาสอนนักร้อง มันจะมีไม่กี่คนหรอกครับ
ถ้าไม่ใช่ลูกทุ่งตัวจริงก็คงคิดว่าไม่ใช่ครับ เราเป็นนักร้องลูกทุ่ง ซึ่งเราร้องให้ฟังได้ แล้วก็แนะนำได้ แนะนำไปในทางที่ถูก แต่ว่าถ้าทุกคนแนะนำได้ แล้วไปในทางที่ถูก ป่านนี้ลูกทุ่งทุกคนก็คงจะเหยียบกันตายแล้วครับ จะไม่มีเพชรเม็ดดีๆในวงการแน่นอน”
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไปได้มีการพูดคุยกับอีกฝ่ายไหม ?
“ไม่มีครับ ไม่ได้พูดคุยเลย เพราะว่า เขาเป็นคนต้นเรื่อง เขาเป็นคนออกมาพูดว่านักร้องตัว ส.ซึ่งถ้าหากว่าจะให้ผมเอาคนกลางไปเคลียร์ ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับผม เขาเป็นคนออกมาพูด เขาต้องออกมาเคลียร์กับผม
ไม่ใช่ให้ผมไปเคลียร์ แล้วเขาจะยกโทษให้ มันไม่เกี่ยวกับผม แล้วผมก็ไม่เคยดูที่เขาพูดอะไรต่างๆนาๆ นอกจากแฟนเพลงที่มาถามเราว่าพี่ดูนั่น ดูนี่หรือยัง แต่เราก็ไม่เคยเข้าไปดู ล่าสุดนี่ก็ไม่ได้เข้าไปดู เราก็ไม่รู้ว่าเขาเงียบไปยังไง (หัวเราะ)”
เรารู้สึกยังไงที่เขาพูดว่าหลังจากนี้จะไม่ร่วมงานด้วย ?
“ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้ร่วมกับเขาอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าถามว่าผมจะไปร่วมกับเขาได้ไหม ได้ ผมร่วมได้หมด เพราะเราไม่มีอคติกับใคร เราไม่ได้ยกตนข่มท่าน ผมไม่มีนิสัยเป็นผู้หญิง นิสัยเราต้องแมน ไม่ใช่เจ๊าะแจ๊ะ ไม่ใช่เป็นประเภทคิดเล็กคิดน้อย คือเรื่องจริงเราพูดเรื่องจริง”
แล้วที่เราพูดว่าเอาตลกมาตัดสินนักร้องลูกทุ่ง คนมองว่าเราจงใจว่าเขาหรือเปล่า ?
“คือจริงๆผมไม่ได้ไปว่าใครเขาเลย ที่ไปออกรายการคนดังนั่งเคลียร์ คืออาจารย์ยิ่งศักดิ์เขาถามว่าทำไมคุณเสรีไม่ไปเป็นครูเพลง ที่คนเอาเพลงมาประกวดมากมาย ก็อาจารย์ถามผมว่าเขาไม่มาจ้างคุณหรือว่าคุณไม่ไป ผมก็บอกเขาไม่มาจ้างผม ถ้ามาจ้างผมก็ไป แล้วถ้าเกิดพวกผมไป รายการอาจจะกร่อย เพราะว่าตัดสินค่อนข้างเคร่งเครียด
เราก็ต้องดูว่า เราต้องฟังให้แม่น แล้วก็คอมเมนต์ไปในทางที่ถูก ก็ต้องคอมเมนต์ให้มีคุณภาพ แต่ทีนี้ ผมก็บอกว่าดีแล้วที่เอาตลกไปออกรายการ รายการจะได้สนุกเฮฮา คนดูจะได้ไม่เครียด เรตติ้งก็ดี สปอนเซอร์ก็มา
แต่ขออยู่อย่างเดียวว่าคนที่ไปคอมเมนต์ ไม่ใช่ยกตัวเองเป็นกูรู ก็ไม่ใช่ เพราะบางทีพูดอะไรออกไปก็พลาดไง แล้วบางทีนักร้องตัวจริง ไม่ใช่ผมคนเดียวนะ เขาก็รู้สึกว่า พูดยังไงไม่เข้าใจ คือคนที่คอมเมนต์หลายๆคนในรายการเขา ก็คอมเมนต์ถูกนะ
อย่างนักร้องกับนักแต่งเพลง คอมเมนต์ถูก แต่บางทีมาเจอคนนี้เขาคอมเมนต์ว่า คุณร้องหวานเกินไป คุณร้องเพราะเกินไป คุณร้องดีกว่าต้นฉบับ มันไม่ใช่ไง ที่จริงคุณไม่พูดอะไรมันก็ไม่มีความผิดหรอก ก็แค่ชมดีนะๆ ก็จบ
แล้วทุกวันนี้รายการทุกรายการ คัดเลือกนักร้องเข้าไป ผลสุดท้ายก็ต้องไปโหวต แต่ถ้าเป็นความคิดผมนะ ผมคิดเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ไม่ได้ว่าใคร ไม่ได้ว่ารายการทุกๆอย่างนะครับ
ถ้าเป็นผม ผมต้องคัดตัวแข็งๆเข้าไปเลย สมมุติมี 4 คน ผมก็คัดไปเลย เพื่อจะให้คนดูเขาโหวต จะได้คนไหนก็ ประชาชนยอมรับอยู่แล้ว แล้วผมจะบอกเลยว่าคุณจะได้เงินมหาศาลมากไปกว่าไปนั้นอีก เพราะตัวแข็งๆเข้าไปประชันกันเลย 4 คนแล้วแต่ละคนก็ต้องมีแฟนคลับของแต่ละคน แล้วมันก็จะโหวตได้มากกว่า ซึ่งการอาจจะมี 250 ล้านคนที่จะโหวต น่าจะถึง ซึ่งมันจะไม่ดีกว่าเหรอ
ถ้าจะเอานักร้อง 4 คนเข้าไปประชันกัน มันจะไปเป็นพันล้านคนละมั้ง หรือจะเป็น 60-70 ล้านคน มันน่าจะดีกว่า ฉะนั้นการที่ว่ากรั่นกรองนักร้องที่เข้าไปประกวด เราต้องเอาตัวแข็งๆเข้าไป ไม่ใช่ว่าเรามาร์กคนนี้เอาไว้แล้ว
แล้วเอานักร้องคนอื่นที่มันไม่ดี หรือเอาอันดับ 2-3 มาประชันกัน มันก็ขัดสายตาประชาชน ประชาชนเขาก็รู้สึกว่า ทำไมคนนั้นเขาร้องดีตาตกรอบ มันจะเป็นข้อครหาจากประชาชนหรือเปล่า”
กลัว 2 วงการระหว่างลูกทุ่งกับตลกจะมีปัญหากันไหม ?
“ไม่มีหรอกครับ เพราะทุกวันนี้ตลกเขาก็คุยกับผม อย่างที่ไปงานบรรหาร ที่ตลกไปร้อยกว่าคน ผมก็ไปกับเขา เขาก็ยกมือไหว้เรา แล้วบอกว่าสวัสดีพี่ต้อม นู่นนี่นั่น เพราะว่าผมไม่ได้ไปว่าตลก ว่าไอ้คนนั้น ไอ้คนนี้ ไม่ใช่
ผมว่ารายการเขาเน้นไปทางตลกมากกว่า แต่ว่าตัวเขาเองผมไม่เข้าใจว่าเขาออกมาพูดทำไม แล้วผมก็ออกรายการไปเกือบปีแล้ว ที่มาออกคนดังนั่งเคลียร์ แต่ทำไมเหตุไฉนถึงจะมาออกข่าว
ตอนที่ตัวเองจะทำเพลง นักเขียนคนอื่นเขาดังไม่รู้เท่าไหร่ ไม่เห็นว่าเขาต้องไปคุยตัวเองเลย ซึ่งมันจะเกี่ยวกับตรงนี้หรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจครับ แต่ว่าผมก็ไม่ได้ว่าเขามาโปรโมทอะไรหรือเปล่า คือผมแค่ไม่เข้าใจว่ายเรื่องมันจบมานานแล้ว เพิ่งจะมาออก”
ที่เราพูดไปในรายการ เป็นเพราะเราน้อยใจหรือเปล่า ที่ไม่เอานักร้องไปออกรายการบ้าง ?
“ไม่มีครับ เพราะทุกวันผมก็ทำงานไม่ได้หยุดอยู่แล้ว ไม่ได้ว่าง นักร้องศิลปิน คุณไปดูได้เลยงานวัด มีนักร้องลูกทุ่งไปงานทุกวันอยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้หยุด แล้วรายการทีวี ที่นักร้องเขาเอาเพลงเราไปประกวด มันก็เป็นการช่วยเราโปรโมทอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปเอง
นานๆเราจะไปซักครั้งมันก็ดี ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว แต่ว่าการที่เขาออกมาพูดแบบนี้ ก็ไม่เข้าใจ แล้วพูดไปคนละทางกับผมนะ เพราะผมบอกว่ารายการเน้นไปทางตลก แต่เขาหาว่าผมว่าไอ้พวกตลก แล้วก็บอกว่าผมไม่ทำงานกับนักร้องตัว ส. ซึ่งผมอยากจะบอกว่านักร้องตัว ส. ในประเทศไทยบานเลยนะ สุรพล สรคีรี สังข์ทอง ที่ตายไปแล้ว เขาจะคิดยังไง
เขาจะคิดว่าเอ๊ะ เอ็งว่าข้าหรือเปล่า คือมันมีตัว ส. เยอะแยะไป แล้วคือถ้าผมจะพูดเนี่ย ผมจะพูดตัวตรงตัวคนนั้นเลย ว่าการที่เราไปติชมคนคนนั้นเราต้องไปดูตัวเราเองว่า เราทำดีหรือเปล่า มันจะเป็นกระจกสะท้อนกลับมาแล้วคุณเชื่อไหม แฟนเพลงทุกๆท่าน
หรือนักเลงคีย์บอร์ด ผมพูดให้ฟังได้เลยนะ ว่าผมจะไม่พูดว่านักเลงคีย์บอร์ด เพราะนักเลงคีย์บอร์ดใช่ไหม ที่ทำให้เรายืนอยู่ตรงนี้ ที่เราได้มานั่งและมีชื่อเสียงแบบนี้ คือถ้าเราไม่มีกระจก เราก็จะไม่เห็นตัวเอง ฉันใดก็ฉันนั้นครับ นักเลงคีย์บอร์ดเป็นกระจก เป็นเงา ให้เรา
เราจะได้รู้ว่าเราผิดอะไร เราดีไหม เราไม่ดีไหม ผมชอบให้คนคอมเมนต์เรา เพราะคนที่คอมเมนต์เรา เขาให้อาชีพเรา ให้ชีวิตเรา ให้ที่กินที่อยู่เรา เพราะฉะนั้นผมบอกได้เลยว่า ถ้าผมพูดอะไรออกไป เชิญคอมเมนต์ได้เลยครับ เพราะผมชอบ เพราะถ้าเขาไม่คอมเมนต์เรา เราจะไม่รู้ว่า ตัวเราเป็นยังไง เราดีแค่ไหน เราเลวแค่ไหน เราอาจจะไม่รู้
เราจะได้มาปรับปรุงตัวเรา แล้วทุกวันนี้นะครับแฟนเพลงทุกๆท่านในประเทศไทย นักร้องทุกคนถ้าเกิดว่าไม่มีคนดูหรือว่าไม่มีคนวิจารณ์ คุณก็ต้องนอนอยู่บ้านเฉยๆ แสดงว่าคุณไม่ดัง แต่ว่าคุณจำไว้เลยนะครับว่าถ้าเกิดมีนักเลงคีย์บอร์ดไปคอมเมนต์คุณ แสดงว่าคุณไม่ดีก็ชั่ว แล้วเราก็จะได้เอาตรงนั้นไปปรับปรุง”
หลังจากแถลงข่าววันนี้แล้ว คิดว่าเรื่องจะจบไหม ?
“(หัวเราะ) ผมคิดว่าผมจบมาตั้งนานแล้ว คือผมไม่ได้ไปโต้เถียงเลย แล้ววันนี้ผมอยากจะบอกว่าผมไม่รู้ตัวมาก่อนนะ ว่าผมจะต้องมาแถลงข่าว ผมไม่ได้คิดอะไรไง ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องมาแถลงข่าว โต้ตอบอะไร มันไม่ใช่ ผมไม่ก้าวร้าวอยู่แล้ว แล้วผมบอกได้เลยว่า ผมอยู่ในวงการเป็นลูกทุ่งมากว่า 40 ปีเนี่ย
ผมไม่ไประรานใคร ไม่ไปว่าใคร แล้วถ้าใครมาว่าผม ผมก็เฉย ทั้งๆที่เอ่ยชื่อว่าเป็นตัว ส. ซึ่งคนก็เล็งเป็นผม คุณไปดูทางเฟสบุ๊กทางทุกสื่อ หรือทางโซเชียลได้เลยว่า จะไม่มีผมโต้ตอบเลย เพราะผมถือว่ามันไม่ใช่เรื่อง คือถ้าเกิดว่าคนมีมันสมองนะครับ จะต้องคิดแยกแยะถูก
แต่ถ้าคนที่ไม่มีมันสมอง มันจะแยกแยะอะไรไม่ถูก ก็ต้องไปดูตัวเองก่อน ว่าก่อนจะมาคุยอะไร เขาว่าอะไรให้มันชัดเจนไหม อย่างถ้าผมไปบอกว่าไอ้ตลกคนนั้น คนนี้ โอเคผมยอมรับ
แต่นี่ผมได้เอ่ยชื่อตลก ผมเอ่ยชื่อแต่รายการ คือถ้าเราว่ารายการลูกทุ่งในประเทศไทยจะมีเยอะดีไหม ผมสนับสนุนเลยนะ มันจะได้เพชรใหม่ๆมาประดับวงการ ไม่ใช่รุ่นผมตายจากกันไปแล้ว ไม่มีนักร้องลูกทุ่งแท้ๆมาประดับในวงการ มันก็แย่ เพราะฉะนั้นผมสนับสนุนทุกรายการนะครับ ที่จะทำทุกช่อง”
ก่อนหน้านี้เรามีเรื่องราวบาดหมางกันไหม?
“ไม่มีครับ ผมไปเวิร์คพอยท์บ่อยจะตายไป ก็เจอกันครับ รายการหลายๆ รายการเขาก็เชิญผมไป”
หลังจากนั้นได้เจอกันอีกไหม ?
“ไม่เจอ เพราะไม่รู้ว่าเพลงเราที่จะเข้าไปตอนนี้ ไม่รู้จะได้หรือเปล่า ก็ไม่รู้ เราก็กลัว แต่จริงๆแล้วผมอยากจะบอกว่า เราอย่ามีอคติซึ่งกันและกันเลย ผมไม่ได้อคติกับใคร ผมไม่ได้ไปว่าใครครับ ผมไม่เคยจะไปก้าวร้าวใครคนใดคนหนึ่ง”
เรากลัวว่าเพลงของเราที่จะไปโปรโม จะถูกขัดขาใช่ไหม ?
“จริงๆแล้วผมจะพูดให้ฟังว่าผมไม่เคยกลัวอะไรเลย เพราะว่าถ้าเกิดเราทำผลงานออกไปดี คนก็ต้องสานต่ออยู่แล้วครับ ถ้าเราทำออกไปให้มันดี นักร้องทุกคนก็เอาไปประกวดอยู่แล้ว เพราะว่าผมไม่ได้อคติกับรายการใดรายการหนึ่งนะครับ
เพราะฉะนั้นผมจะบอกกับน้องๆเลยว่า เอาเพลงไปประกวดเถอะ ถ้ารายการนี้ไม่ได้ ก็ไปเอารายการอื่น รายการนี้ไม่ยอมรับก็เอารายการโน้นรายการนี้ ก็ว่ากันไป แต่ผมพูดให้ฟังนะครับ ว่าการที่เราจะทำดี เราไม่ต้องมาพูดให้ตัวเองว่าฉันเป็นนู่น ฉันทำนี่เก่ง ทุกอย่างคุณไม่ต้องไปคุยตัวเองหรอกครับ ถ้าคุณเก่งจริง ประชาชนเขาจะรู้เองว่าคุณเก่งจริง”
ในบทสัมภาษณ์เขาบอกว่าเราพยายามจะดิสเครดิตเขา ?
“ผมจะไปดิสเพื่ออะไร ลูกวงผมก็เป็นตลก ผมตั้งวงดนตรีลูกทุ่ง ตลกก็มาเล่นคั่นรายการกับผม ผมจะไปว่าอะไร ก็อาชีพเดียวกัน เราจะไปด่าไปว่าทำไม เราไม่เคยไปดิสเครดิส คุณคิดไปเอง
ผมถึงได้อธิบายให้ฟังว่า คนที่มีมันสมองเขาไม่คิดกันหรอก คุณไปถามตลกทุกคนได้เลยว่า คุณเกลียดเสรีไหม เขาก็ไม่เห็นมาพูดอะไรกับผมเลย แล้วยังมีตลกโทรมาคุยกับผมด้วยซ้ำ
โทรมาหาผมทุกวัน ว่าพี่เป็นยังไง ผมก็บอกเป็นอย่างนี้แหละ คือมีแต่เล่าอะไรให้เราฟัง จริงๆแล้วผมบอกให้ฟังนะว่าเวลาเขาเดือดร้อนก็ควรไปช่วยเขา ตอนที่เราเดือดร้อน เราไปหาเขา ใครก็ไม่มาหรอก”
อย่างครูเพลงเขาบอกว่าคนที่จะเป็นคอมเมนต์เตเตอร์ควรจะเป็นครูเพลงมากกว่า ?
“ก็ได้ เพราะว่าอยู่ในสายเดียว คือครูเพลงเป็นอันดับแรก เขารู้ดี คือถ้าจะให้สายตรงจริงๆต้องเป็นครูเพลง หรือว่านักร้อง แล้วถ้าจะถามว่าเอาตลกไปด้วยไหมก็ได้ แต่ก็แค่เข้าไปแหย่ ไม่ว่าคอมเมนต์ที่มันรั่ว หรือที่มันเกินที่ประชาชนจะยอมรับ ก็ได้ครับ
แต่ไม่ใช่ว่า นักประพันธ์กับนักร้อง ฉันจะต้องเชื่อแกใช่ไหม มันไม่ใช่ เพราะบางทีมันไม่ถูกไม่ตรงกับประชาชนที่บ้าน คือผมเชื่อเลยว่าถ้าเป็นนักร้องนักแต่งเพลง ถ้าไปคอมเมนต์หลุดยากครับ แต่คนที่ไม่รู้เรื่องหลุดง่ายครับ”
อยากจะให้มีการขอโทษไหม ?
“เขาต้องขอโทษผมสิ ไม่ใช่ผมขอโทษเขา(หัวเราะ)”
ภาพจากข่าวสด
เราอยากให้เขาขอโทษไหม ?
“คงไม่หรอก เพราะเขาอีโก้สูง แล้วอีกอย่าง เขาเป็นคนเหนือคนอยู่แล้ว คงไม่มีมาขอโทษใครอยู่แล้ว เพราะถ้าเกิดเขาคิดได้ตอนนั้นเขาก็คงไม่มาพูด คือคนเราความดีของคนอย่าพูดด้วยตัวเราเอง ต้องให้คนอื่นเขาพูดชมเรา ไม่ใช่เราชมตัวเอง
ถ้าเกิดเราชมตัวเอง เขาเรียกว่ามันไม่มันสมองไง อย่างผมทุกวันนี้ ใครบอกผมร้องดีนู่นนี่นั่น ผมก็เหรอ ผมไม่เคยไปบอกว่าฉันร้องดีกว่าคนนั้น ไม่ใช่ผม
เพราะว่าผมไม่ใช่คนที่ยกตัวเองเหนือคนอื่นความดีมันอยู่ที่ผลงาน ให้คนเขาชมเราเถอะมันคือของแท้ อย่าชมตัวเอง บางคนความรู้ท่วมหัว แต่บางทีทำอะไรก็เจ๊ง มันไม่ใช่ว่าจะทำแล้วรวยเสมอไป
ถ้าคุณทำแล้วรวยทุกเรื่อง ผมว่าคุณต้องทำต่อ อย่างผมถ้าผมทำอะไรแล้วรวย ผมทำต่อเลย ทุกเรื่อง ถ้าผมทำแล้วได้เงิน ถ้าผมทำแล้วได้เงิน เพราะฉะนั้นเราบอกให้ฟังได้เลยว่า อะไรก็แล้วแต่ให้คนเขาชมเราดีกว่า”