ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

จีนประกาศลดค่าเงินหยวนเพื่อกระตุ้นการส่งออกและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เมื่อเร็วๆนี้ สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทุกมุมโลก เพราะกลัวกันว่า จะเป็นการ เปิดสงครามค่าเงินครั้งใหม่ ฉุดเศรษฐกิจโลกให้ดิ่งเหวลงอีกรอบ ในขณะที่พี่เบิ้มอเมริกาก็เพิ่งฟื้นไข้ ส่วนยุโรปกับญี่ปุ่นยังโซซัดโซเซ

EyWwB5WU57MYnKOuXufwoJPOZRr2S91NQuijeIYV87cR4NJ4xPTz96

มังกรยักษ์จะขยับตัวทำอะไรล้วนแต่ฮือฮาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างขวาง ก็เพราะจีนเป็นตลาดใหญ่ที่มีจำนวนผู้บริโภคมากที่สุดในโลกถึง 1,300 กว่าล้านคน อิทธิพลของแดนมังกรจึงแผ่รัศมีไปทุกทิศทุกทาง ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมแบรนด์เนมระดับโลก ก็อยู่ในกำมือของผู้บริโภคชาวจีน

โดย “เออร์แวน แรมบูร์ก” กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคาร HSBC ซึ่งมีฐานอยู่ในฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ เขียนวิเคราะห์เจาะลึกไว้ในหนังสือ “THE BLING DYNASTY” ถึงอำนาจซื้อมหาศาลของชาวจีน ที่จะชี้เป็นชี้ตายโลกอนาคตว่า ภายในปี 2025 ชาวจีนจะกลายเป็นประเทศที่บริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยและแบรนด์เนมมากที่สุดในโลก

โดยยอดขายมากกว่า 50% ของตลาดแบรนด์เนมทั่วโลกจะมาจากการบริโภคของชาวจีน เทียบกับสัดส่วนปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ 35% ซึ่งผู้กุมอำนาจซื้อตัวจริงเสียงจริงในโครงสร้างตลาดบริโภคของจีนคือ ผู้หญิงอายุระหว่าง 20-50 ปี วัยกำลังบ้าช็อปกิเลสเยอะ

พฤติกรรมของชาวจีนที่มีฐานะดีขึ้น ยังมีแนวโน้มชอบเดินทางไปช็อปเมืองนอกมากกว่าจับจ่ายในประเทศ เพราะได้ภาพลักษณ์โก้เก๋กว่ากันเยอะ ราคาก็ถูกกว่า โดยนักท่องเที่ยวจีนนิยมบินไปช็อปแบรนด์เนมที่ฮ่องกง, มาเก๊า, ยุโรป และอเมริกา ส่วนคนที่ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยในประเทศมีอยู่เพียง 35% และคาดว่าจะลดจำนวนลงเรื่อยๆ อันเป็นผลมาจากกำแพงภาษีนำเข้าที่สูงลิ่ว

ชนชั้นกลางของจีนหันมาบ้าแบรนด์เนม ไม่ใช่เพราะรวยขึ้น หรือได้เงินเดือนเยอะขึ้น แต่เป็นเพราะค่านิยมในสังคมจีนที่ชอบแข่งกันโชว์ออฟอวดความร่ำรวย การถือกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อดังก็เป็นทางลัดหนึ่งที่แสดงออกถึงสถานภาพทางสังคมได้ชัดเจนที่สุด

แต่ด้วยนิสัยของคนจีนที่ฮิตอะไรก็แห่ตามกัน ทำให้แบรนด์เนมยอดนิยมของโลก “หลุยส์ วิตตอง” ที่ครองแชมป์ขายดีอันดับหนึ่งต่อเนื่องเป็นทศวรรษ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขันติดกับดักความสำเร็จตัวเอง โดยในรายงานของสถาบันวิจัยอันดับหนึ่งของจีน Hurun Report บ่งชี้ว่า ปัจจุบันพฤติกรรมเลือกซื้อสินค้าหรูหราของชาวจีนส่วนใหญ่จะเน้นยี่ห้อยอดฮิตเห็นปุ๊บรู้ปั๊บ เช่น หลุยส์ วิตตอง, กุชชี่ และชาแนล ตรงข้ามกับเศรษฐีไฮโซชาวจีนจะพยายามหนีของโหลหันไปเล่นแบรนด์หรูระดับไฮเอนด์ที่หาครอบครองได้ยาก และรุ่นแปลกๆลิมิเต็ด เอดิชั่น

จากพีระมิดจัดอันดับความหรูหรามีระดับของแบรนด์เนมชื่อดังทั่วโลก สร้างสรรค์โดย “เออร์แวน แรมบูร์ก” สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์เครื่องเพชรสุดอมตะ Graff Diamonds และ Leviev คือแบรนด์หรูระดับอัลตร้าไฮเอนด์ ที่ปักหมุดอยู่บนยอดพีระมิด ตามมาด้วยแบรนด์หรูระดับซุปเปอร์พรีเมียม เช่น แบรนด์เครื่องเพชรแฮรี่ วินสตัน, นาฬิกาปาเต๊ก ฟิลิป, บริเกต์, พันนาราย, แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์, แอร์ เมส และแบรนด์เครื่องหนังเก่าแก่ของอิตาลี “บอทเทก้า เวเนต้า”

ส่วนแบรนด์เนมที่นักช็อปรุ่นใหม่ใฝ่ฝัน เช่น ดิออร์, ชาแนล, คาร์เทียร์, บุลการี, โรเล็กซ์, ทิฟฟานี, โชพาร์ด, เบอร์ลุตี, โอเมก้า และแทค ฮอยเออร์ ติดอยู่ในกลุ่มพรีเมียมคอร์ ขณะที่แบรนด์เนมยอดฮิตรู้จักกันในวงกว้างอย่าง หลุยส์ วิตตอง, กุชชี่, ปราด้า และทอดส์ อยู่ฐานพีระมิดในกลุ่มแบรนด์เนมที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เป็นตัวแทนความหรูหราที่ตะกายไหว

ก็เพราะหลุยส์ วิตตอง ถูกตีตราให้เป็นแบรนด์หรูเข้าถึงได้ง่าย ไม่ใช่แบรนด์พรีเมียมไฮเอนด์ และมีบูติกอยู่ทั่วทุกเมือง ภาพลักษณ์ปัจจุบันของแอลวีในสายตาเศรษฐีไฮโซจีน จึงถูกมองเป็นกระเป๋าสำหรับเลขานุการไปแล้ว!! เพราะตามท้องถนนในกรุงปักกิ่งมีแต่คนถือหลุยส์ วิตตอง ไม่เหมือนชาแนลและบอทเทก้า เวเนต้า ซึ่งดูโก้หรูเอ็กซ์คลูซีฟกว่ามาก อีกไม่ช้าไม่นานแบรนด์เนมระดับเดียวกับแอลวี เช่น กุชชี่ และปราด้า ก็จะกลายเป็นแบรนด์โหลธรรมดาเกินไปสำหรับอาหมวยอาซิ้มเมืองจีน คือรวยแล้ว มีสตางค์ แล้ว ก็อยากยกระดับเป็นไฮโซกับเค้าบ้าง.

เรื่องน่าสนใจ