ควายเพศเมีย ที่ชัยนาท เกิดสนตะพายขาดวิ่งเตลิดขวิดเจ้าของเจ็บ ก่อนไปขวิดชาวบ้านบาดเจ็บสาหัสไส้ไหลกองกับพื้น ด้าน ตร.และชาวบ้านใกล้เคียงเร่งตามล้อมกรอบควายเพื่อต้อนเข้าคอก ลั่นหากยังอาละวาดคงต้องยิงทิ้ง…
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ก.ย.2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านหลังจากมีควายคลุ้มคลั่งไล่ขวิดชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูจังหวัดชัยนาท
บริเวณบ้านเลขที่ 51 ม.2 ต.หนองบัว อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท พบนายเสน่ห์ ศรีสุพรรณ อายุ 63 ปี นั่งทรุดอยู่กับพื้น มีแผลบริเวณท้อง ไส้ไหลออกมากองกับพื้น จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลวัดสิงห์เพื่อรักษาเบื้องต้น และส่งโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทรเพื่อรักษาต่อไป ส่วนบริเวณบ้านติดกันพบ นางบัญญัติ เส็งวัน อายุ 52 ปี มีบาดแผลจากควายขวิดเช่นกัน แต่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า นายเสน่ห์ เดินอยู่ในบ้านของตนทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ แต่จู่ๆ ก็มีควายเพศเมีย สีดำ เขายาวประมาณ 5 ฟุต วิ่งเข้ามาในบ้าน พุ่งเข้าใส่แล้วขวิดเข้าที่บริเวณท้องจนไส้ไหล จากนั้นก็วิ่งไปทำร้ายนางบัญญัติที่อยู่บ้านข้างๆ ก่อนที่จะวิ่งหนีเตลิดออกไปตามถนนเลาะคันนาข้างวัดหนองบัว
ด้าน นายสำราญ อินทร์อ่อน อายุ 73 ปี ผู้เลี้ยงและเจ้าของควาย กล่าวว่า ตนผูกเชือกควาย ทั้ง 2 ตัว คือควายเพศเมีย สีดำ อายุ 7 ปี เขายาวประมาณ 5 ฟุต ไว้กับควายเพศผู้ สีดำ อายุ 2 ปี ให้กินหญ้าตามปกติ แต่เชือกเกิดพันกับขาควายเพศเมียรัดแน่นจนเกิดขาด ทำให้ควายเพศเมียเกิดหงุดหงิด คลุ้มคลั่ง ขวิดใส่เข้าที่บริเวณเอวด้านซ้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นควายดังกล่าวจึงวิ่งเตลิดออกไปทำร้ายผู้คน แต่ควายอีกตัวไม่มีอาการคลุ้มคลั่งจึงผูกไว้ที่บริเวณคันนา เพื่อรีบตามมาดูควายที่มาก่อเหตุทำร้ายชาวบ้าน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชาวบ้าน กำลังช่วยกันล้อมกรอบพื้นที่ช่วยกันหาควาย เพื่อนำมาไว้ในคอกตามปกติ เนื่องจากควายอาจจะยังมีอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาดไปทำร้ายผู้อื่นอีก แต่ถ้าหากหาควายเจอแล้วแต่ยังมีอาการคลุ้มคลั่งอีก อาจต้องใช้มาตรการเด็ดขาด คือใช้การยิงด้วยปืน โดยแม้ว่าการยิงนั้นอาจเป็นวิธีที่โหดร้าย แต่เพื่อความปลอดภัยต้องใช้มาตรการดังกล่าว ส่วนเรื่องของคดีความนั้นจะส่งต่อให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.วัดสิงห์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.