ดร.วรวรงค์ รักเรืองเดช อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในฐานะรองโฆษกกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ในยุคที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากกำลังวางรากฐานที่สำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้กับนานาประเทศ และกลไกภาครัฐสนับสนุนการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนอย่างเป็นรูปธรรม
การเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็นต้องอาศัยคนที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมาก ต้องการคนที่สร้างคน หรือครู สำหรับกลุ่มคนทุกช่วงวัย และเป็นยุคที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน
ดร.วรวรงค์ กล่าวว่า สังคมมองวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องไกลตัว ดังนั้น ครูจึงควรมีความพยายามทำให้วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องง่าย และเป็นสิ่งที่จำเป็น ที่ชีวิตขาดไม่ได้ ทำให้เด็กรุ่นใหม่เห็นว่าวิทยาศาสตร์ฝังอยู่ในทุกๆส่วนของสิ่งรอบตัวเรา อยู่ในเทคโนโลยีที่เราใช้ ตัวอย่างเช่น น้ำที่เราดื่มอยู่ทุกวัน
หากไม่มีเครื่องกรองน้ำ หากไม่มีองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์น้ำเสีย หรือบอกให้ได้ว่าน้ำดี เราก็คงต้องวิ่งไปป่าไปหาน้ำดื่ม หาเราไม่มีเรื่ององค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่องการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพาราให้เป็นยางล้อ ที่เราใช้วิ่งกันอยู่ทุกวัน เราก็คงมีล้อรถที่เป็นแบบของเกวียนไม้ คงจะสั่นสะเทือนน่าดูเวลานั่งรถ
“การเรียนรู้แบบวิทยาศาสตร์นั้น มีเป้าหมายเพื่อให้นักเรียนสามารถคิดได้อย่างเป็นระบบ คิดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ใช้ข้อมูลได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งกระบวนการนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นอย่างมาก จริงๆ แล้วเราสามารถหยิบของรอบๆ ตัวมาศึกษา มาดูว่าสิ่งของสิ่งนั้นมีชิ้นส่วนอะไรบ้าง
แต่ละชิ้นสัมพันธ์กันอย่างไร และเพราะเหตุใดมันจึงเป็นแบบนี้ ลองจินตนาการดูเกี่ยวกับการเรียนรู้เรื่องแรงในวิชาฟิสิกส์ เราสอนกันเรื่องการต่อวงจรไฟฟ้า ก็ต้องทดลองกับของจริงดู พยายามให้เด็กได้ใช้เวลารู้จักกับส่วนประกอบต่างๆ รู้ว่าสวิทช์ไฟคืออะไร หน้าตาสวิทช์เป็นอย่างไร หลอดไฟเป็นอย่างไร ต่อกันแบบนี้แล้วจะได้อะไร ให้เด็กได้ทดลองจริงจะเสริมประสบการณ์ให้เค้าจดจำสิ่งที่ได้สัมผัส ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้” ดร.วรวรงค์ กล่าว
รองโฆษกกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า ความท้าทายของการจัดการเรียนรู้เป็นเรื่องของการให้สร้างโอกาสให้กับเด็กๆ ได้เรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะห้องเรียนขนาดใหญ่ สิ่งที่จำเป็นมากในการจัดการเรียนการสอนคือการสะท้อนความคิดกลับให้กับผู้เรียน
ดังนั้นคุณครูต้องหาโอกาสให้กับตัวเอง เปิดโลกทัศน์เรียนรู้สิ่งใหม่ ด้วยวิธีการใหม่ ในส่วนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เอง มีโครงการเกี่ยวกับครูที่น่าสนใจหลายโครงการ
เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มีโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยประเทศไทย ที่มีการอบรมครู ส่งเสริมเทคนิคและแนวทางการจัดการเรียนการสอนแบบสะเต็ม (STEM) ฯลฯ