นำเสนอข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม
ภาพ โอเคลูกทุ่ง
ความเจ็บป่วยทางจิตใจถือเป็นสิ่งสำคัญกว่าอาการเจ็บป่วยทางกาย เพราะการเจ็บป่วยทางจิตใจไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และไม่สามารถจับต้องได้ด้วยการสัมผัส
แม้แต่ผู้ป่วยเองบางคนก็ยังไม่สามารถรับรู้ได้ว่าตนเองมีความเจ็บป่วยทางจิตใจอยู่
ดังนั้น คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดจึงมีส่วนสำคัญที่จะต้องดูแล และระแวดระวังว่าคนในครอบครัวตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการเจ็บป่วยทางจิตหรือเปล่าเพื่อที่จะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป
เว็บไซต์โดดเด่นดอทคอม ( www.dodeden.com ) รายงานว่า ดีเจเคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร ดีเจ พิธีกร ผู้ประกาศข่าว นักจัดรายการ คนดังที่กล้าประกาศตนอย่างเป็นทางการว่าเป็นโรค ‘ไบโพลาร์’ โรคทางจิตเวชซึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์หรือความผิดปกติของสารในสมอง
ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้จะมีอารมณ์ 2 ขั้ว คือ ซึมเศร้ากับบ้าพลังไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ ดีเจเคนโด้ ยังได้นำเคสผู้ป่วยในรูปแบบต่างๆ มาให้ผู้อ่านได้ศึกษา ถึงการเจ็บป่วยด้วยโรค ‘ไบโพลาร์’ ในหนังสือ “คนสองโลก”
สำหรับ โรคไบโพลาร์ หรือ อาการคนสองบุคลิก ผู้ที่เป็นจะมีอาการแสดงออกมาทั้งในด้านอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม โดยในแต่ละระยะจะมีอาการนานหลายสัปดาห์ จนอาจถึงหลายเดือนหากไม่ได้รับการรักษา
ในระยะซึมเศร้า ผู้ที่เป็นจะรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมด จากเดิมชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ติดละคร หรือดูข่าว ก็ไม่สนใจติดตาม อะไรๆ ก็ไม่เพลินใจไปหมด คุณยายบางคนหลานๆ มาเยี่ยมจากต่างจังหวัดแทนที่จะดีใจกลับรู้สึกเฉยๆ
บางคนจะมีอาการซึมเศร้า อารมณ์อ่อนไหวง่าย ร้องไห้เป็นว่าเล่น บางคนจะหงุดหงิด ขวางหูขวางตาไปหมด ทนเสียงดังไม่ได้ ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย อาการเบื่อเป็นมากจนแม้แต่อาหารการกินก็ไม่สนใจ บางคนน้ำหนักลดฮวบฮาบสัปดาห์ละ 2-3 กก.ก็มี
ผู้ป่วยจะนั่งอยู่เฉยๆ ได้เป็นชั่วโมงๆ ความจำก็แย่ลง มักหลงๆ ลืมๆ เพราะใจลอย ตัดสินใจอะไรก็ไม่ได้ เพราะไม่มั่นใจไปเสียหมด เขาจะมองสิ่งต่างๆ ในแง่ลบไปหมด คิดว่าตัวเองเป็นภาระของคนอื่น ไม่มีใครสนใจตนเอง
ถ้าตายไปคงจะดีจะพ้นทุกข์เสียที หากญาติหรือคน ใกล้ชิดเห็นเขามีท่าทีบ่นไม่รู้จะอยู่ไปทำไม หรือพูดทำนองฝากฝัง สั่งเสีย อย่ามองข้ามหรือต่อว่าเขาว่าอย่าคิดมาก แต่ให้สนใจพยายามพูดคุยกับเขา รับฟังสิ่งที่เขาเล่าให้มากๆ ถ้ารู้สึกไม่เข้าใจหรือมองแล้วไม่ค่อยดี ขอแนะนำให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็ว
ในทางตรงกันข้าม ในระยะนี้ เขาจะมีอาการเปลี่ยนไปอีกขั้วหนึ่งเลย เขาจะมั่นใจตัวเองมาก รู้สึกว่าตัวเองเก่ง ความคิดไอเดียต่างๆ แล่นกระฉูด เวลาคิดอะไรจะมองข้ามไป 2-3 ช็อตจนคนตามไม่ทัน การพูดจาจะลื่นไหลพูดเก่ง คล่องแคล่ว มนุษยสัมพันธ์ดี เรียกว่าเจอใครก็เข้าไปทักไปคุย เห็นใครก็อยากจะช่วย
ช่วง นี้เขาจะหน้าใหญ่ใจโต ใช้จ่ายเกินตัว ถ้าเป็นคุณตาคุณยายก็บริจาคเงินเข้าวัดจนลูกหลานระอา ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทก็จัดงานเลี้ยง แจกโบนัส มีโครงการโปรเจคต่างๆ มากมาย
พลังของเขาจะมีเหลือเฟือ นอนดึกเพราะมีเรื่องให้ทำเยอะแยะไปหมด ตีสี่ก็ตื่นแล้ว ตื่นมาก็ทำโน่นทำนี่เลย ด้วยความที่เขาสนใจสิ่งต่างๆ มากมาย จึงทำให้เขาวอกแวกมาก ไม่สามารถอดทนทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้นานๆ
ผู้ป่วย ทำงานเยอะ แต่ก็ไม่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ความยับยั้งชั่งใจตนเองมีน้อยมากเรียกว่าพอนึกอยากจะทำอะไรต้องทำทันที
หากมีใครมาห้ามจะโกรธรุนแรง อาการในระยะนี้หากเป็นมากๆ จะพูดไม่หยุด เสียงดัง เอาแต่ใจตัวเอง โกรธรุนแรงถึงขั้นอาละวาดถ้ามีคนขัดขวาง
อาการ ระยะซึมเศร้าจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป มักเป็นหลังมีเรื่องกระทบกระเทือนใจ เช่น สอบตก เปลี่ยนงาน มีปัญหาครอบครัว
แต่จะต่างจากปกติคือเขาจะเศร้าไม่เลิก งานการทำไม่ได้ ขาดงานบ่อยๆ มักเป็นนานเป็นเดือนๆ